Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 

เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 3

เมื่อได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ดูแลเส้นทางและย่านขนถ่ายสินค้า ที่ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังว่าพร้อมแล้ว ผู้จัดก็ออกกระจายเสียงผ่านโทรโข่งเรียกลูกทัวร์กลับมาขึ้นรถก่อน โดยจะเปิดโอกาสให้มาเก็บภาพที่คงค้างอีกครั้งหนึ่งในช่วงขากลับ

แล้วขบวนรถไฟพิเศษ ก็ชักหวีด ค่อยๆ แล่นไปตามเส้นทางเข้าสู่บริเวณท่าเรือ


อ่า...งานนี้ผู้โดยสารต้องระวังตัวเองจากพุ่มไม้นานาพรรณที่ขึ้นอยู่ริมทางรถไฟล่ะครับ ส่วนกลางรางนั้นจะไม่มี เพราะขบวนรถไฟทำหน้าที่ตัดเตียนให้เอง



ผ่านจุดตัดที่แยกไปสู่โรงกลั่นน้ำมันของกลุ่มบริษัท เอสโซ่ ก่อนที่จะโค้งออกไปทางซ้าย ตรงไปยังประตูเข้าท่าเรือ

ตอนนี้ผู้โดยสารชักจะชินกับสายตาพิศวงของบรรดาผู้ใช้รถใช้ถนนตามสองข้างทางแล้วล่ะครับ



ขบวนรถแล่นมาเรื่อยๆ ด้วยความเร็วไม่มากนัก จนกระทั่งเห็นประตูทางเข้าท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ตั้งอยู่ข้างหน้า

ต้องขออภัยครับที่ภาพไม่ชัด ด้วยเหตุกล้องคอมแพคของผม ไปโฟกัสอัตโนมัติตรงกระจกหน้ารถไฟ นั่นเป็นข้อด้อยที่สู้กล้องระบบ manual ซึ่งใช้ฟิล์มในสมัยเก่าไม่ได้





ผ่านประตูทางเข้าท่าเรือมาแล้วครับ มีรางด้านซ้ายแยกไปยังท่าเทียบเรือ A เป็นท่าเอนกประสงค์ดำเนินการโดยบริษัทเอกชนผู้ได้ทำสัญญากับการท่าเรือฯ แหลมฉบัง

ที่สูงเด่นเป็นสง่าอยู่ไกลๆ นั้น เป็นหอสังเกตการณ์เดินเรือสินค้าทุกลำที่จะเข้า-ออกหน้าท่าต่างๆ ครับ



ผ่านลานจอดรถยนต์เพื่อรอผ่านกรรมวิธีศุลกากร ก่อนขึ้นเรือ RoRo ไปส่งประเทศต่างๆ ทั่วโลก



ผมเคยเห็นกระทู้ถกประเด็นเกี่ยวกับโครงการรถยนต์แห่งชาติของรัฐบาลในอดีตว่า จะส่งออกในยี่ห้อของไทยดีไหม ? เรียกกันง่ายๆ ว่าเอากล่อง หรือว่าส่งออกในนามของบริษัทต่างชาติที่มาตั้งโรงงานประกอบในประเทศไทย แต่ส่งไปขายทั่วโลก ซึ่งเรียกกันง่ายๆ เช่นกันว่า เอาเงิน ซึ่งรัฐบาลในขณะนั้นได้สรุปว่า เอาเงินดีกว่า และกลายเป็นประเด็นที่คาใจ ถกกันไม่รู้จบด้วยสิ ใน pantip นี่แหละ

ส่วนตัวผมคิดว่าเอาเงินเช่นกันครับ ดูจากบรรดารถยนต์ส่งออกนอกที่จอดเต็มลานหน้าท่า รอนำขึ้นเรือ RoRo สิ

หลากยี่ห้อก็จริง แต่มีทั้งพวงมาลัยซ้าย และขวา ซึ่งรถยนต์เหล่านี้ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยหรอกครับ เพราะหลากรุ่นเกินไป ทำการตลาดได้ลำบาก

เท่าที่เคยสังเกตอย่างใกล้ชิด ก่อนที่ รปภ.ท่าเรือจะมาห้ามไม่ให้เข้าใกล้ เพราะอยู่ในความรับผิดชอบของการท่าเรือ รถเหล่านี้จะระบุปลายทางไปยังประเทศทางยุโรป เช่น อังกฤษ เยอรมนี เนเทอร์แลนด์ ฝรั่งเศส กรีซ รัสเซีย ฯลฯ ทางอเมริกา ก็มี เม็กซิโก คอสตาริกา ฯลฯ แม้แต่อัฟริกา และทวีปออสเตรเลียก็มี ตามแต่ความสามารถของตัวแทนบริษัทผู้ผลิตจะบุกเบิกตลาดเข้าไปได้ แล้วใครว่ารถยนต์จากเมืองไทยคุณภาพด้อย ? ยกเว้นกลุ่มที่มีฐานะมั่นคง ซึ่งเขาจะเลือกสั่งรถหรู ราคาแพงมาจากนอกอยู่แล้ว

อ้อ...เหตุที่ รปภ.เข้ามาห้ามนั้น หากสินค้าสินค้าถึงปลายทางแล้วมีตำหนิขณะที่รอขึ้นเรือ จะถูกส่งคืนโดยการท่าเรือจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด



อาจมีบางท่านเกิดปุจฉาว่า เรือ RoRo นั้น หน้าตาเป็นอย่างไร ?

เรือ RoRo (Roll-on/Roll-off) เป็นเรือลำเลียงสินค้าแบบเอนกประสงค์เช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ รถยนต์ รถไฟฯ เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ ฯลฯ สามารถนำบรรจุไว้ในลำเรือได้อย่างสบายๆ ดูไกลๆ เมื่อเทียบกับขนาดรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าท่าแล้ว เหมือนเกาะลอยน้ำ แต่คงไม่ใหญ่เท่าเรือบรรทุกเครื่องบินกระมัง ?



สำหรับเรือลำที่เห็นในภาพ เป็นหนึ่งในกองเรือ 78 ลำ สังกัด NYK Line Roro ชื่อ Pegasus Leader จดทะเบียนที่ประเทศปานามา เริ่มใช้งานเมื่อปี 1999 Dimension : 199,23 x 32,26 x 15,27 m. ระวางขับน้ำ 57,566 ตันกรอส ความเร็วสูงสุด 19.3 Knots สามารถบรรทุกรถยนต์ได้สูงสุดถึง 6,000 คัน โดยเจ้าของเรือ คือ บริษัท PEGASUS MATRITIME SHIPHOLDING S.A. ส่วนบริษัทผู้สร้าง คือ Shin Kurushima Dockyard ครับ

อ้าวๆๆ เผลอปล่อยภาพไปแล้ว วันที่เก็บภาพคราวนั้น เป็นวันที่เรือลำนี้ได้นำขบวนรถไฟฟ้า Airport Rail Link ชุดแรกจำนวน 8 คัน จากท่าเรือ Bremen สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2550 มาส่งถึงท่าเรือแหลมฉบัง และมีพิธีรับมอบเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 และจับพลัดจับผลูผมมีโอกาสไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย

หลังจากที่นำขบวนรถไฟฟ้าลงจากเรือไปแล้ว เรือจะรับบรรทุกบรรดารถยนต์ส่งออกทั้งหมดซึ่งจอดรออยู่ตรงหน้าท่านั่นแหละครับ ออกเดินทางไปยังยุโรป และอเมริกาต่อไป

ขออนุญาตนำภาพวาดการบรรทุกสินค้าของเรือลักษณะนี้ครับ จากที่มา : NYK Line Bulkship



ไหนๆ จะดูเรือกันแล้ว ขอนำภาพด้านท้ายและภายในของเรือลำนี้มาโชว์ว่า รถไฟทั้งขบวน เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ที่จะนำมาโดยเรือแบบ RoRo นี้






เทียบขนาดระวางใต้ท้องเรือกับรถไฟฟ้า Airport Rail Link แล้ว รถไฟฟ้าดูเล็กกระจ้อยร่อย กลายเป็นของเด็กเล่นไปถนัดตา



จวนจะถึงท่า B ซึ่งเป็นปลายเส้นทางรถไฟภายในท่าเรือนี้ เสาสีขาวที่ตระหง่านอยู่กระหนาบข้างทางรถไฟนั้น ผู้รู้บอกว่า เป็นเครื่องเอ็กซ์เรย์ตู้คอนเทนเนอร์ที่จะเข้าสู่บริเวณท่าเรือโดยกรมศุลกากร ทำให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเฝ้าอยู่หน้าจอในอาคารที่ทำการฯ ทราบได้ว่า ภายในตู้นั้น บรรจุสินค้าตรงตามที่แจ้งระบุหรือไม่

ถึงจะบรรทุกมาทางรถยนต์ ก็มีเครื่องเอ็กซ์เรย์แบบเดียวกันนี้รอดักอยู่เช่นกันครับ



ทางรถไฟเริ่มโค้งขวาเข้าสู่บริเวณลานขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือ B แล้วล่ะครับ



เตรียมผ่านประแจเข้ารางหลีกที่อยู่ข้างๆ ให้บรรดาลูกทัวร์มีโอกาสเก็บภาพบรรยากาศบริเวณท่าเรือนี้

เห็นเครนขนาดยักษ์ที่จอดอยู่ข้างๆ ทำให้ผมรู้สึกถึงบรรยากาศหุ่นยนต์ในการ์ตูนญี่ปุ่นขึ้นมาทันที



ดูเจ้า T Rex กำลังงับตู้คอนเทนเนอร์วางใส่รถบรรทุกหางพ่วงที่จอดรออยู่ ยอมรับในฝีมือครับว่า ผู้บังคับรถนั้น มือฉมังจริงๆ 55555



บรรยากาศที่ลานกองคอนเทนเนอร์ครับ ผมคิดว่า มีปริมาณตู้สินค้าน้อยไปหน่อย หรือว่าอาจเป็นช่วงวันหยุดก็ได้

สุดทางรถไฟแล้วครับ ถัดจากนั้นจะเป็นรางตัน พร้อมประแจให้รถจักรนำขบวนกลับไปยังท้ายขบวนเพื่อเตรียมทำขบวนกลับ เมื่อการขนถ่ายเสร็จสิ้น ซึ่งรวดเร็วมากทีเดียว

เห็นพี่ พขร.และพนักงานห้ามล้อเปรยๆ อยู่ข้างๆ ผมเหมือนกันว่า เพิ่งมีโอกาสเข้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบังจนได้เห็นอย่างใกล้ชิดก็คราวนี้แหละ

คิดแบบใจตรงกันได้ยังไงก็ไม่รู้สิ ?



จะว่าไปแล้ว บริเวณท่าเรือแห่งนี้ พร้อมทั้งขบวนรถไฟที่คณะนักท่องเที่ยวนั่งมาด้วย จะอยู่ในบริเวณพื้นที่เคยเป็นทะเลมาก่อนครับ จนกระทั่งมีการถมทะเลเพื่อก่อสร้างท่าเรือแห่งนี้ขึ้นมา จนไม่เห็นร่องรอยเดิมแม้แต่น้อย

ถัดจากท่า B ยังมีท่า C และท่า D ต่อไปอีกครับ ดำเนินการโดยบริษัทเอกชนฯ ซึ่งทำสัญญากับการท่าเรือฯ เช่นกัน แต่ไม่มีรางรถไฟวางไปถึง ก็ ไม่มีโอกาสได้เห็นเท่านั้นเอง...



ยังติดใจกลุ่มรถเครนยักษ์อยู่ครับ ขอเก็บภาพทิ้งท้าย ก่อนที่รถไฟจะเคลื่อนขบวนกลับออกมาจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง



พอกลับมาถึงสถานีแหลมฉบัง บรรดาลูกทัวร์ต่างกระโดดลงไปแบบไม่รอช้าล่ะครับ รอเก็บภาพรถจักรดีเซล General Electric สีสวยเจ้าเดิม ซึ่งขณะนี้ได้เข้าไปพ่วงกับขบวนรถ (เปล่า) บรรทุกน้ำมันดิบ ออกจากบริเวณโรงกลั่นน้ำมัน กลับไปยังสถานีบึงพระ จ.พิษณุโลก



ขบวนรถไฟพิเศษต้องจอดรอทางที่สถานีแหลมฉบังครับ เพื่อให้ขบวนรถ(เปล่า) บรรทุกน้ำมันดิบออกไปถึงชุมทางศรีราชาให้เรียบร้อยก่อน

ทำให้เป็นโอกาสที่เพิ่มขึ้นในการสัมผัสบรรยากาศที่นี่ให้เต็มอิ่ม ก่อนที่จะเดินทางออกไปยังเส้นทางสายใหญ่ต่อไป



มุมมองระหว่างเส้นทางช่วงชุมทางศรีราชา - แหลมฉบัง ที่คิดว่า หากมีโอกาสได้มาอีกครั้งหนึ่ง คงไม่เหมือนเดิม



จากชุมทางศรีราชา ขบวนรถพิเศษ กลับเข้าสู่เส้นทางสายใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยมีจุดแวะพักที่สถานีบ้านพลูตาหลวงครับ

เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกทัวร์ไปเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ของกองทัพเรือ และบรรยากาศบริเวณท่าเรือน้ำลึกสัตหีบหรือท่าเรือจุกเสม็ด กันต่อไป...




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2553
0 comments
Last Update : 27 ตุลาคม 2553 14:11:37 น.
Counter : 6121 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


owl2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add owl2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.