Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
•÷±‡±วันเวลา..ของชีวิตที่เหลืออยู่±‡±÷•

•.★*... เวลา ...*★.




เรื่องราวก็คงเริ่มต้นจากเวลาที่

เราเกิดมาวันแรกที่เริ่มหายใจ

เรื่องราวของเวลา...ก็คงจะเดินไปเรื่อยๆ

เรื่องราวของแต่ละคน....อาจแตกต่างกันออกไป

เรื่องของชีวิตเรา....ถึงอย่างไรก็สำคัญ

เรื่องราวชีวิตที่ต้องการ... อาจ

ไกลเกินคว้าด้วยน่ะ


เรื่องราวที่ต้องใช้เวลา... เพื่อเดินหน้าอย่างที่ฝันไว้

เรื่องราวที่มีความจริง...ควรมีทุกสิ่งที่เคยฝันในใจ


เรื่องราวนั้นๆอาจไกล... เกินเอื้อมมือ

เรื่องราวของชีวิต.... อาจไม่เป็นอย่างที่ฝัน

เรื่องราวของแต่ละวัน......ไม่เหมือนกันแม้แต่วินาที

เรื่องราวที่กำลังเป็นอยู่นี้ก็ออกห่างกันไป.. ทุกๆวัน







เรื่องราวต่างๆ.. ที่วนมาผ่านไป

เรื่องราวที่ฝันใฝ่...ก็คงไม่อยู่หยุดอยู่แค่นี้

.เรื่องราวที่ต้องการ.... ย่อมไขว่คว้าหากต้องการมี

เรื่องราวดีๆ... ก็เกิดขึ้นทุกวัน


คนเราเกิดมาอาจจะไม่มีความเป็นอยู่

มีชิวิตที่ไม่เท่าเทียมกันในหลาย ๆ อย่าง หลายๆด้าน

ไม่ว่าจะเป็นฐานะความเป็นอยู่ โอกาสในชีวิต

ตลอดจนรูปร่าง น่าตา ลักษณะบุคลิกภาพเฉพาะตน

แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนได้เท่าเทียมกัน คือเวลา

ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะตระหนักถึงคุณค่า

ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด





คนเราส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อย

ไม่ได้คิดว่าสักวันหนึ่ง

ชีวิตจะสิ้นสุดลง จึงปล่อยโอกาสดีๆ

ให้ผ่านไปอย่างไม่นึกถึงความสำคัญ

เวลาที่ยังเด็ก ยังเป็นวัยรุ่นปล่อย

เวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์

เวลาเรียนที่มีค่าอย่างมากกับ

อนาคตของตัวเอง กลับมองข้ามกันไป








คิดแต่เรื่องไม่มีสาระสร้างความ

คิดไปเรื่อยเปื่อยปล่อยไปโดยน่าเสียดายเวลา

ในช่วงเวลาที่ควรเก็บเกี่ยวสิ่งที่มี

ประโยชน์ ก็ไม่มีใครนึกถึงเวลานี้


เมื่อถึงเวลาหรือถึงจุดหนึ่ง เช่น

เวลาที่จะได้งานทำดีๆ ก็ไม่ได้ทำ

แล้วย้อนกับไปนึกถึงตอนที่เรียน

ว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่เรียนหรือไม่ทำดี


มันไม่มีประโยชน์ที่จะกับไปคิด

ถึงเรื่องเก่าๆที่ผ่านมา ถึงบอกว่า ทำไมไม่คิด

ไม่ทำตั้งแต่แรก หากทำ หากคิด

ตั้งแต่เวลานั้นชีวิตของทุกๆคนก็คงไม่เป็นแบบ

ณ ปัจจุบันที่ประสบพบเจออ่ะ

ทำไมไม่คิดที่จะสร้างสิ่งดีๆสร้างผลงาน ดีๆ

หรือสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาให้ดี

หากเมื่อเราแก่ชรา อายุมากขึ้น






ภาพอดีตความหลังที่ผ่านมา

ย้อนกับไปคิดถึง.... (จะคิดไปทำไม) ..

..แม้จะพยายามไขว่คว้า...

กาลเวลาที่ผ่านไปก็ไม่อาจหวนคืน

เพราะเวลามันจะเดินไปข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆนะ


คนเราเกิดมาทุกคนกำลังเดินทาง

ไปสู่จุดสุดท้ายของชีวิต

.. คือจะต้องจากโลกนี้ไปอย่างแน่นอน จะเร็วหรือช้าเท่านั้น

ไม่มีใครหนีพ้นกฎของธรรมชาติข้อนี้ไปได้

คนเราเมื่อเกิดมาแล้ว

ก็จะโตไปตามวัยต่าง ๆ และอายุก็เริ่มจะมากขึ้น







ความแข็งแรงทางร่างกายก็เริ่มลดลง

สิ่งที่จะตามมาก็คือ โรคภัยไข้เจ็บก็จะมาเยี่ยมเยียนแน่นอน

ไปตามกาลเวลาช่วงของชีวิตทุกคน

จะต้องประสบพบเจอ

แต่ละคนจะมีชีวิตที่ยืนยาวไม่เท่ากันนะ...


หลายคนต้องจากไปก่อนวัย...

แม้ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

ก็ไม่สามารถที่จะร้องขอได้ เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต

.... เวลาที่ผ่านไปหรือสูญเสียไป

.... จะสูญเสียตลอดกาล






เพราะฉะนั้นจงใช้เวลาให้มีประโยชน์มากที่สุด

อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่เกิดอะไรขึ้นมาเลย

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำวันนี้ให้มีความสุขที่สุด



….แต่ไม่ได้หมายความว่า…..

“มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นละ” อิอิ







Create Date : 11 มกราคม 2555
Last Update : 15 มกราคม 2555 13:18:16 น. 4 comments
Counter : 1262 Pageviews.

 
ทุกวันนี้เวลาของเรากำลังนับถอยหลังกันอยู่
ไม่ช้าก็เร็วเวลาเราคงหมดไป ใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มสุดๆๆๆไปเลยครับ


โดย: Don't try this at home. วันที่: 11 มกราคม 2555 เวลา:22:43:45 น.  

 
นโม ตสส ภควโต อรหโต สมมาสมพุทธัสส
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวพุทธนิยมเจริญพระพุทธคุณด้วยบทว่า “ นโม ตสส ภควโต อรหโต สมมาสมพุทธสส ” ซึ่งโบราณจารย์เรียกว่า มหานมัสการ คือ บทนอบน้อมที่สำคัญยิ่ง ในพระไตรปิฏกมีปรากฏบุคคลผู้สาธยายบทนี้ คือ ท้าวสักกะ พรหมายุพราหมณ์ ชาณุสโสณีพรหมณ์ นางธนัศชานี เป็นต้น ฉะนั้น ชาวพุทธจึงนิยมสวดบทนี้ก่อนที่จะสวดมนต์บทอื่น และนิยมเขียนไว้เป็นเบื้องแรกของคัมภีร์ ด้วยว่า บทมหานมัสการนี้ สามารถรวบยอดพรรณนาความสำคัญ ๓ อย่าง คือ พระมหากรุณาคุณ (ภควโต) พระวิสุทธิคุณ (อรหโต) และพระปัญญาคุณ (สมมาสัมพุทธสส) ของพระพุทธเจ้าตามลำดับอย่างน่าอัศจรรย์


พระพุทธคุณทั้ง ๓ บทนี้ เป็นรากเหง้าเค้ามูลให้บังเกิดพุทธคุณทั้งปวงนับประมาณมิได้ มีความงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด อย่างประเสริฐยิ่งนัก เพราะทำให้เวไนยสัตว์ตลอดกว่า ๒,๕๐๐ ปี ตราบจนเท่ากาลบัดนี้ การสาธยายบทมหานมัสการนี้ ด้วยความนอบน้อม จึงถือเป็นการเจริญพุทธานุสสติกรรมฐาน จนเกิดปิติปราโมทย์ด้วยความดื่มด่ำในพุทธคุณในทุก ๆ ขณะชวนจิต ๗ ขณะตลอดหลายแสนโกฎิครั้ง กระแสบุญเกิดพลานุภาพมาก มีอานิสงฆ์มาก เพราะเจริญในเนื้อนาบุญสูงสุด คือ พระพุทธเจ้า ย่อมส่งผลให้ผู้นอบน้อมบูชานั้น ได้รับผลบุญทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งที่เป็น โลกียะ และโกกุตตระ

ผลที่เป็นโลกียะ ได้แก่ ทำให้แคล้วคลาดจากอุปสรรคอันตราย ทำให้ขจัดภัยและความหวาดกลัว ความตกใจ ความขนพองสยองเกล้า ประสบความโชคดี ความเจริญรุ่งเรือง ได้รับชัยชนะ มีสุขภาพอนามัยดี มีอายุยืน สมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ ชักนำให้เกิดในสุคติภพ


ผลที่เป็นโกกุตตระ ได้แก่อริยผล ๔ ประการ คือ โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหันตผล เพราะผู้ที่ระลึกถึงพระพุทธคุณด้วยความนอบน้อมอยู่เนือง ๆ ย่อมก่อให้เกิดศรัทธาที่ตั้งมั่นอันเป็นเหตุให้เกิดความปิติปราโมทย์ที่มีกำลังมากในขณะนั้น ครั้นเจริญสติตามรู้ความปิติปราโมทย์นั้นเป็นอารมณ์ก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลได้โดยพลัน


โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:6:54:00 น.  

 
มีความสุขกับวันทำงานในวันศุกร์แห่งชาติพรุ่งนี้ครับ


โดย: Don't try this at home. วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:23:01:28 น.  

 
Yes! Right


โดย: deco_mom วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:21:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

LittleDaimon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ความลับของความสำเร็จคือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง






จำนวน Users : Online
Friends' blogs
[Add LittleDaimon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.