มาต่อแล้วค่ะ ประสบการณ์จากทัวร์ญี่ปุ่น คราวที่แล้วพาไปเที่ยวสวนสนุกและแจ้งรายละเอียดโปรแกรมทัวร์ไปแล้วนะคะ
ใครยังไม่ได้ดู กลับไปดูได้ค่ะ

++พาชม Tokyo Disney Sea & Universal Japan++

ตอนนี้จะมาเล่ารูป ที่พัก อาหาร และที่เที่ยวอื่นๆที่ได้ไปมานะคะ

เริ่มกันจากที่พัก ทัวร์ที่อรไปคือ SBA Tour นะคะ โปรแกรมชื่อ Japan Journey ค่ะ (ที่เดียวกับคุณบาคหรือเปล่าคะ)
พาไปพักที่พักดีตลอด

ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมตาม standard ทั่วไป แต่ที่ประทับใจจะมี 2 ที่นะคะ
คือ
Fuji Nobou Ka-En Hotel
บริเวณภูเขาไฟฟูจิ เป็นที่ที่ได้แช่น้ำพุร้อน onsen ด้วยค่ะ
เชิญชมค่ะ



ที่นอนแบบญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า futon น่ะค่ะ ถึงจะไม่ได้นอนบนเตียงแต่ก้อนอนสบายดีเหมือนกันค่ะ



ในห้องมีทีวี โต๊ะเล็กๆ น่ารักดีเหมือนกันค่ะ



พื่นที่ห้องน้ำจะเล็กกว่าปรกติหน่อย แต่ก้อมีข้าวของครบครันค่ะ



ส่วนชักโครกจะเป็นแบบเก๋ๆ ที่เห็นมีก๊อกข้างบน ไว้เพื่อเราจะได้ล้างมือก่อนที่น้ำใหม่จะเติมลงไปที่ชักโครกน่ะคะ เป็นการประหยัดน้ำดีมาก
ส่วนที่นั่งจะเสียบปลั๊กไว้ให้อุ่นตลอดค่ะ เวลามานั่งก้อจะสบายก้น อิอิ



หนาวจังค่ะ



มุมตรงบันได แชนเดอเลียสวยดีค่ะ ถ่ายรูปให้ความรู้สึก อาร์ทอาร์ท



สวนหน้าโรงแรมค่ะ วิวถ่ายจากห้องพัก



หน้าทางเข้า onsen ดูจากสีจะชัดกว่าว่าเป็นฝั่งชายหรือหญิงนะคะ
สีแดงคือฝั่งหญิงค่ะ



สีน้ำเงินคือฝั่งชายค่ะ



ส่วนโรงแรมอีกที่ที่ประทับใจ คือโรงแรม OSAKA CROSS HOTEL เค้าเพิ่งปรับปรุงใหม่ทันสมัยสุดๆ
มุมหน้าห้องน้ำ ของใช้เพียบพะย่ะค่ะ



ชอบมาก โรงแรมนี้มีคู่มือการใช้ชักโครก พอดีของเค้าจะมีลูกเล่นเยอะกว่าที่อื่นค่ะ เลยเล่นซะเพลิน อิอิ



ในห้องน้ำ จะแบ่งโซน อาบตัวและแช่น้ำ เป็นการอาบน้ำที่มีความสุขมากค่ะ



เตียงนอน นุ่มสบาย มีไฟเก๋ๆที่หัวเตียงด้วยค่ะ



ทีวีจอใหญ่ แต่มีแค่รายการภาษาญี่ปุ่นค่ะ



**ความคิดเห็นของอรเรื่องที่พักที่ได้ไปมานะคะ ทุกที่จะมีข้างของเครื่องใช้ครบครัน ไดร์เป่าผม - ผ้าเช้ดตัว - สบู่ แชมพู แบบไม่อั้น คือเค้าใส่ไว้เป็นขวดใหญ่ๆ
หรือแบบกดจากกล่องใส่เหมือนตาม fitness น่ะค่ะ ส่วนมากจะมีชุดนอนให้อีกต่างหาก
ถ้าใครจะไปทัวร์แบบนี้ จะได้ไม่ต้องขนไปเยอะ (แบบอรน่ะคะ..) แต่ไม่รู้ว่าถ้าเราไปเองแล้วไปอยู่ guesthouse จะเป็นยังไงบ้างนะคะ
ส่วนชักโครกแบบมีที่ล้างนั้น ตอนแรกที่ใช้ก้อรู้สึกแปลกๆนะคะ แต่พอชินแล้วชักติดใจ อยากมีใช้ที่บ้านบ้างเลยแหละ (ไม่รู้จะแพงขนาดไหนน้า)**


ต่อกันที่อาหารค่ะ อาหารบนเครื่องเสิร์ฟกัน 1 มื้อ ขาไปเป็นมื้อเช้า ขากลับเป็นมื้อเย็นค่ะ

มื้อเช้าเป็นโจ๊ก



มื้อเย็นเป็นข้าวกับไก่อร่อยทั้ง 2 มื้อค่ะ



โฉมหน้าเครื่องสั่งราเมนค่ะ ถึงมีรูปให้เราก้องงกันอยู่ดีค่ะ ดีที่มีพนักงานในร้านพอคุยกันรู้เรื่องมาช่วยสั่งให้ค่ะ



และนี่คือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะความสับสนเลยสั่ง big size มา น่าทานมากๆๆ แต่จัดการไปได้เพียง 20% จำต้องอิ่มไปแบบเสียดายอ่ะค่ะ เยอะมากๆเลย
แต่อร่อยนะคะ



เกี๊ยวซ่าค่ะ อร่อยดี



เครื่องปรุงค่ะ มีอะไรบ้างก้อไม่รู้ เลยไม่ได้ชิมอ่ะค่ะ



ตัดมาที่ซาละเปาทอด หน้าวัดอาซากุสะค่ะ อร่อยดี



มื้อนี้ ทัวร์พาเราไปกินชาบู ชาบู ที่มี ล้อบสเตอร์ค่ะ





เนื้อ หมู ไก่ อุด้ง



แต่อรไม่ค่อยชอบอ่ะค่ะ ยังดีมีไอติมอร่อยๆมาต่อชีวิตไปได้



อีกมื้อนึงเป็นชาบูชาบู หม้อเล็ก แบบหม้อใครหม้อมันอ่ะค่ะ อันนี้ก้อพอได้ แต่อรก้อไม่ค่อยมัก(ชอบ)อีกแล้ว



ดีที่มีกับข้าวเล็กๆน้อยๆ กินกับข้าวญี่ปุ่นไปได้บ้าง



มื้อต่อมาเป็นมื้อค่ำ ที่เรียวกังอ่ะค่ะ บุฟเฟ่ต์สุดอร่อย มีขาปูยักษ์ด้วยค่ะ





อาวุธค่ะ เป็นกรรไกรที่เราจะตัดเปลือกปูได้ง่าย



มื้อต่อไป เป็นมื้อที่อรอิ่มอร่อยที่สุดในทัวร์นี้เป็นร้านปิ้งย่าง บุฟเฟ่ต์ที่เมืองนาโกย่า (มั้งค่ะ) ก้อคืนนี้นอนที่นาโกย่าอ่ะค่ะ





ไม่อั้นเจงๆ



ซูชิปลาดิบ ที่อรไม่เคยชอบกินมาก่อนเลย จนได้มากินที่นี่ค่ะ อ่า...สุดยอดจริงๆ กลับมากินเมืองไทยก้อไม่สดเหมือนค่ะ



ของหวานก้อไม่น้อยหน้า



ไม่ค่อยได้เจอกีวีที่อื่น แต่ได้เจอที่นี่ค่ะ



จิงๆอยากลงรูปอาหารร้านนี้อีก เพราะชอบมากเลยค่ะ แต่ก้อไม่รู้ชื่อร้านอะไรเหมือนกัน ถ้าไปอีกก้อคงไปไม่ถูกแล้วล่ะ ใครรู้ช่วยบอกด้วยนะคะ

ในวันที่ 8 เราได้ไปทานบุฟเฟ่ต์ สตอเบอร์รี่กันถึงฟาร์มเลยค่ะ ภายใน 30 นาทีจะทานเท่าไหร่ก้อได้
แต่อรก้อทานไปไม่เยอะหรอกค่ะ ไม่ค่อยถูกกับบุฟเฟต์ แบบว่ากินไม่คุ้มอ่ะค่ะ





ส่วนนี่คือขนมชูครีมค่ะ หน้าตาดูดี แต่รสชาติจืดไปนิดค่ะ



ชามะนาวของ KIRIN ที่กดจากตู้ รสชาติดีมากเลยค่า



ส่วนนี่ชานมของ LIPTON อร่อยอีกเช่นกันค่ะ



และนี่คือสุดยอดขนมอร่อยอันเป็นที่เลื่องลือและแนะนำโดยคนที่ไปมาแล้ว อรได้ชิมดูแล้วก้อขอแนะนำต่อค่ะ
Shiroi Koibito คุกกี้แซนวิชสอดไส้ white chocolate
กล่องขนาด 12 ชิ้นที่อรซื้อมาราคากล่องละ 600 เยน ตกแล้วราคาประมาณชิ้นละ 15 บาทค่ะ
แพงแต่อร่อยจริงๆ เวลากินต้องค่อยๆละเลียดค่ะ



ร้านนี้ไม่ได้เข้าไปค่ะ เป็นร้านกาแฟซึ่งโลโก้คุ้นๆค่ะ เลยถ่ายมา



ไอติมฮาเกนดาส ก้อมีหยอดตู้นะคะ



**ความคิดเห็นในส่วนของอาหารก้อคือ ส่วนตัวอรไม่ค่อย enjoy eating เท่าไหร่ กลับมาเลยรู้สึกผอมลงนิดนึง (ดีใจดีมั้ยเนี่ย)
แต่น้องสาวที่ไปด้วย เธอมีความสุขมากเห็นกินหมดทุกมื้อเลยค่ะ **

และต่อด้วยโปรแกรมเที่ยวค่ะ

เริ่มด้วยวิวบนฟ้า เมฆสวย ดูไปก้อคิดถึงปัญหาโลกร้อนไป



คุณแอร์สุดน่ารัก เวลาเสิร์ฟอาหารจะเปลี่ยนมาใส่ผ้ากันเปื้อน ดูอบอุ่นเป็นแม่บ้านดีค่ะ



โคมยักษ์ หน้าวัดอาซากุสะ ถ้ามาที่นี่ต้องมาถ่ายรูปคู่โคมนี้ค่ะ



เสาไฟสุดเดิร์น มี Solar Cell ส่วนตัวด้วยค่ะ



พระพุทธรูปหน้าวัดค่ะ


ที่ปราสาททอง คินคาคูจิ ซึ่งแต่เดิมเป็นที่ประทับตากอากาศของ โชกุนโยชิมิสึ แห่งตระกูลอาชิคางะ ผู้อันเป็นที่รักของชาวเมืองโด่งดังจาก
การ์ตูนเรื่อง เณรน้อยเจ้าปัญญา–อิคคิวซัง



ขอถ่ายภาพกับน้องๆนักเรียนที่มาทัศนศึกษากันนะคะ



ทำนายดวงแบบตู้หยอดเหรียญค่ะ ออกมาได้ดวงดีค่ะ เลยยิ้มได้



วัดคิโยมิสึ หรือ วัดน้ำใส



ภาพสมาชิกในแก๊งค์ทัวร์ค่ะ



สาวๆใส่กิโมโนมาเที่ยววัดค่ะ



บริเวณนี้จะมีศาลเจ้าที่ให้เราเขียนปัญหาใส่กระดาษ แล้วทิ้งลงในถังน้ำ ปัญหาจะคลี่คลายค่ะ ราคา 200เยน แต่อรไม่ได้ลองนะ



และนี่คือเทพเจ้าแห่งความรักค่ะ






ในวัดจะมีหินตั้งอยู่ 2 ก้อนห่างกันประมาณ 100 เมตรได้ ถ้าเราเดินหลับตาจากหินก้อนนึงมาถึงหินอีกก้อนได้ จะช่วยให้สมหวังในความรักค่ะ

สาวสวยที่เจอในวัด สาวๆที่ญี่ปุ่น เวลาแต่งตัวเค้าก็แต่งกันสุดๆจริงๆค่ะ



มากันที่วัด โทไดจิแห่งเมืองนารา เป็นอีกวัดนึงที่น่าเที่ยว บรรยากาศดี สวย เสียดายที่วันที่เราไปกันนั้น มีฝนตกลงมา รูปเลยมัวๆไปหน่อยค่ะ



องค์พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ ไวโรจนะพุทธ หล่อด้วยสำริดสูง 16.2 เมตร และหนัก 452 ตัน
อุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธรูปได้ชื่อว่าเป็น อาคารไม้ที่ใหญ่สุดในโลกค่ะ



ตามวัดจะมีขายเครื่องรางต่างๆ เหมือนที่เราอ่านจากในการ์ตูนน่ะค่ะ หลักๆจะเป็นเรื่องการงาน สุขภาพ ความรัก และการเรียนค่ะ



ด้านหน้าอุโบสถ จะมีพระพุทธรูปไม้องค์นี้ ถ้าเราป่วยตรงไหน ให้จับตรงนั้น จะรักษาอาการได้ แต่ท่านประดิษฐานอยู่บนแท่นสูงค่ะ
เลยจับได้แค่ส่วนล่าง



ที่วัดนี้จะมีน้องกวางน่ารักๆมากมาย แต่น้องกวางหิวมากค่ะ เวลาเราซื้อขนมเซมเบ้เลี้ยง เค้าจะกรูเข้ามารุมล้อม ให้ตั้งสติดีๆนะคะ



ห้ามสูบบุหรี่ในวัดนะคะ




มาถึงส่วนภูเขาไฟฟูจิบ้าง อุณหภูมิตอนที่ไปติดลบนะคะ



เลยหนาวขนาดนี้



ถ่ายรูปเป็นเทพเจ้า Sarutahiko Ohkamiค่ะ



มุมของปราสาทโอซาก้า พอดีว่าเพิ่งดูเรื่อง The Last Samurai ก่อนไป พอเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน จะมีเรื่องราวของเหล่านักรบซามูไร อินมากค่ะ



ดูแสงสีในเมืองกันบ้างค่ะ ที่โอซาก้า ย่านชินไซบาชิค่ะ แหล่งช้อบวันสุดท้ายของเรา



หน้าร้านปาจิงโกะ ถ้าตอนกลางคืนคงสวยมากค่ะ



เราได้เข้าไปสำรวจร้านนึง เจอคนนั่งเล่นกันแบบนี้ อยากไปเล่นบ้าง แต่ไม่รู้วิธีอะไรเลย ตั้งแต่แลกเหรียญจนถึงการเล่นอ่ะค่ะ เลยดูเฉยๆดีกว่า
ใครรู้วิธีแนะนำได้ค่ะ



จบบล้อกอันยาวเหยียดนี้ กันที่หัวรถชินกันเซ็นค่ะ แสดงว่ามาถึงญี่ปุ่นแล้ว เย้ เย้