มิถุนายน 2553

 
 
1
2
3
4
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
 
 
((นิยาย)) ปลาโอ ตอนที่1 : ความบังเอิญที่ทำให้โลกแคบลงมา
=ทำความเข้าใจ=

จขบ.ไม่ได้เป็นนักเขียนใดๆ เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาที่เวลาเบื่อๆก็ชอบนั่งจินตนาการอะไรไปเรื่อย จนได้พล็อตเรื่องง่ายๆน้ำเน่ามาเรื่องนึง เลยลองแต่งขึ้นมาเพื่อเป็นความทรงจำของตัวจขบ.เอง ภาษาอาจไม่ได้สวย เนื้อเรื่องอาจไม่สนุกนะคะ และอาจจะเกินความสมจริงไปบ้างต้องขออภัยค่ะ

และเนื่องจากแต่งเล่นๆทำให้เราตัดสินใจให้เรื่องนี้ไม่มีชื่อเรื่องค่ะ เพราะเนื้อเรื่องก็ไม่ได้กำหนดว่าต้องไปทางใด แต่งตามใจล้วนๆ จึงขอใช้ชื่อเรื่องว่า ปลาโอ ซึ่งเป็นชื่อของตัวหลักในเรื่องนะคะ

มีความสุขกับการอ่านค่ะ

ตอนที่หนึ่ง

“ปลา ฉันขอร้องแกเหอะนะ ช่วยฉันหน่อยได้ไหม...”
สาวร่างสูงเพรียว ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงมั่นใจอย่างช่วยไม่ได้ ขัดกับท่าทางที่บัดนี้เธอประนมมือไหว้อีกฝ่ายที่นั่งทำหน้าลำบากใจ

“คริส แกก็รู้ว่าฉันไม่อยากยุ่งกับงานวงการบันเทิง”
ปลาพยายามหาทางบ่ายเบี่ยงเพื่อนรักอยู่ เธอก็รู้ดีว่าเพื่อนกำลังมีปัญหาแต่ว่าเธอเคยตั้งมั่นไว้แล้วว่าเป็นตายร้ายดียังไงชีวิตนี้ก็จะไม่เข้ามายุ่งกับงานในวงการบันเทิงอย่างแน่นอน

“แกไม่เห็นใจฉันเลยหรอ เดือนหน้าพี่นิดหน่อยที่ดูแลฉันก็จะแต่งงานแล้ว พอแต่งเสร็จพี่เขาก็ต้องไปเมืองนอกกับสามีเขาทันที แล้วฉันล่ะแก ตอนนี้งานฉันกำลังไปได้ดี จะให้ฉันมานั่งรับงานเองทำเองทุกอย่างฉันก็ไม่ไหวนะ ทุกวันนี้แค่ทำงานอย่างเดียว เวลาพักผ่อนยังแทบไม่มี”

“แกก็หาคนอื่นสิคริส ฉันไม่เหมาะกับงานนี้หรอกแก”
ปลาเสไปดูดน้ำในแก้วที่ใกล้หมดเต็มที ไม่อยากจะสบตาเพื่อนรักให้นานกว่านี้ กลัวว่าสุดท้ายก็จะแพ้ความสงสาร เธอรู้ดีว่าแต่ไหนแต่ไรคริสเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ เธอจะใช้วิธีหลอกล่อ หว่านล้อม ขี้อ้อนมาเอาชนะใจจนได้ ครั้งนี้ปลาบอกกับตัวเองว่ายังไงก็ต้องไม่ตกหลุมพรางนั้นแน่นอน

“ฉันถามแกตามตรง ตอนนี้แกก็ตกงาน แม่แกก็ไม่สบาย พ่อแกก็เกษียณแล้ว ฉันรู้ว่าบ้านแกก็พอมีพอใช้ แต่ว่าถ้าแกไม่ทำงานแล้วแกจะเอาเงินจากไหนมากมายมารักษาแม่แก เงินเก็บน่ะใช้ทุกวันมันก็หมดนะแก”
คริสปรับน้ำเสียจากออดอ้อมมาเป็นจริงจัง พยายามใช้เรื่องครอบครัวมาในการหว่านล้อมอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าปลาเป็นคนที่รักครอบครัวมากกว่าสิ่งใด ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้ครอบครัวต้องลำบากอย่างแน่นอน
อีกอย่างงานในวงการบันเทิงก็เงินดีจะตายไป มีแต่คนอยากเข้ามาลิ้มลองความหอมหวานที่ถึงแม้มันจะแฝงด้วยยาพิษก็ตาม แต่ถ้ารู้จักละเลียดชิมแล้วล่ะก็....ไม่มีทางซะหรอกที่จะไปชิมโดนส่วนที่เป็นยาพิษ คริสเองก็มีความเชื่อมั่นว่า ทั้งเธอและเพื่อนเธอจะไม่เป็นอย่างนั้นอย่างแน่นอน

“แกตกงานมาจะเดือนนึงแล้วนะปลา ช่วงนี้เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีงานดีๆมันหาง่ายๆซะที่ไหน แล้วทำงานกับฉันมันไม่ดีตรงไหนแก ถึงตอนนี้แกจะเป็นแค่ผู้จัดการส่วนตัวของฉัน แต่ต่อไปเราก็เปิดบริษัทออแกไนซ์ โมเดลลิ่ง หรือกิจการอะไรก็ได้นี่หว่า งานมากองอยู่ตรงหน้าแกแล้วนะ รายได้เดือนนึงก็มากกว่าตอนที่แกทำงานเลขาฯให้บริษัทฝรั่งของแกอย่างน้อยก็สองสามเท่า ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลอะไรที่แกต้องปฏิเสธงานนี้เลย หรือแกไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้วเหรอ”
ได้ผล...คริสแอบไชโยอยู่ในใจ แหมก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมทำไมจะไม่รู้ว่าเพื่อนตรงหน้าคิดยังไงอยู่ ตอนนี้ล่ะต้องรีบเอาไม้ตายมาใช้ ปลากำลังจะติดเบ็ดแล้ว

“หรือว่า....อย่าบอกนะว่าไอ้ที่แกอยู่ๆก็ไปเรียนเมืองนอกสองปี ไม่ติดต่อเพื่อนฝูงเลยจนกลับมาไทยถึงจะโทรหาฉันเนี่ย แกยังทำใจเรื่องนั้นไม่ได้”
เมื่อสามปีก่อน จู่ๆปลาก็หายไปเรียนต่อที่อังกฤษ คริสพยายามติดต่อเท่าไหร่ แต่ปลาไม่เคยติดต่อกลับเลย โทรไปก็ไม่รับสาย อีเมลล์ไปก็ไม่เคยตอบ ไม่ว่าจะให้พ่อแม่ปลาเองโทรไปหว่านล้อม ยังไงปลาก็ไม่ยอมติดต่อเพื่อนเลยสักคน จนกระทั่งกลับมาถึงไทย ถึงได้โทรกลับมาหาคริสเป็นคนแรก ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธปลามากจนอยากจะตัดเป็นตัดตาย แต่เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ทำให้เธอกลับเห็นใจเพื่อนรักมากกว่า

“ฉันขอเวลาคิดสักสองวันละกัน แล้วฉันจะโทรหาแกเอง แกก็ไปทำงานเหอะ เห็นพี่นิดหน่อยบอกว่าวันนี้แกถึงกับแคนเซิลคิวถ่ายละครเพื่อมาเจอฉันเลยหรอ”
หญิงสาวเก็บกระดาษเอสี่ที่เป็นรายละเอียดการทำงาน ตารางคิวต่างๆของเพื่อนรักปึกหนึ่งลงกระเป๋าอย่างเสียไม่ได้ ลองดูเถอะว่าถ้าคริสลงทุนทำขนาดนี้แล้ว สงสัยว่างานนี้หล่อนคงต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เพื่อนรักอีกแน่แท้ อีกทั้งตอนที่ตัวเธอกลับมาไทยนั้น คริสก็ช่วยเธอปรับความเข้าใจกับเพื่อนๆในกลุ่ม ทำให้เธอซึ้งน้ำใจกับเพื่อนคนนี้เป็นอย่างมาก แล้วตอนนี้เมื่อเพื่อนเดือดร้อนมามีหรือที่เธอจะนิ่งดูดาย
เพียงแต่....บางอย่างในใจมันคอยคัดค้านเล็กๆว่าถ้าเธอรับงานนี้ มันอาจจะทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง ทั้งๆที่โลกเธอกับเขาตอนนี้มันช่างห่างกันเหมือนเป็นคนละโลกตามที่เธอและเขาอยากให้มันเป็น แล้วใยพระเจ้าถึงได้จงใจกลั่นแกล้งให้เธอกลับเข้าไปอยู่ในโลกใบเดียวกับเขาอีกครา

“งั้นฉันจะรอฟังข่าวดีนะ ฉันไปทำงานก่อนล่ะ แกก็กลับบ้านไปนอนคิดให้ดีๆล่ะ”
หญิงสาวหยิบแว่นกันแดดที่ทัดผมลงมาสวมสำหรับพรางใบหน้าอย่างที่ดาราสมัยนี้นิยมทำกัน แต่แทนที่มันจะช่วงพรางใบหน้า ปลากลับคิดในใจว่ามันช่วยส่งให้หญิงสาวเป็นจุดสนใจมากกว่าเดิมต่างหาก เธอนั่งมองจนเพื่อนรักขับรถสปอร์ตสีขาวที่จอดอยู่หน้าร้านออกไปแล้วถึงได้ลุกออกจากร้านบ้าง

วันนี้เธอคงต้องเข้าไปเยี่ยมแม่ที่นอนป่วยซะแล้ว หลังจากอาทิตย์ที่แล้วหายไปรับงานพิเศษทั้งอาทิตย์ เป็นงานที่รุ่นพี่ช่วยหาให้เธอ เพราะมันเป็นงานล่ามที่ต้องใช้ต้องภาษาอังกฤษ จีนและไทย ซึ่งน้อยคนนักที่จะสามารถใช้ได้ดีทั้งสามภาษา ดังนั้นงานนี้เธอจึงได้ค่าจ้างมาพอสมควร อย่างน้อยก็พอเป็นค่าโรงพยาบาลในการจ่ายครั้งต่อไปสำหรับแม่ของเธอโดยไม่ต้องเบิกเงินเก็บออกมาใช้

หญิงสาวเดินเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปและของทานเล่นสำหรับไปฝากพ่อกับแม่ รวมทั้งคุณหมอและพยาบาลที่ช่วยดูแลแม่ของเธอเป็นอย่างดี
ขณะที่ปลาเลือกซื้อของจนเพลิน เมื่อมองนาฬิกาที่ข้อมือทำให้หล่อนต้องรีบออกจากที่นี่โดยไว ก่อนที่จะไปไม่ทันอาหารเย็นที่โรงพยาบาลจัดให้ อารามรีบร้อนทำให้หล่อนเดินชนเข้ากับใครคนหนึ่ง

“ขอโทษครับ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
ชายหนุ่มร่างสูง ผิวสองสี แต่งกายแปลกตาไปสักหน่อย เสื้อโปโลลายขวางเขียวขาว กางเกงขาสี่ส่วนสีกากีตามสมัยนิยม แต่สวมหมวกและใส่แว่นตากันแดด เดินเลือกซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต!!! ถึงเลนส์จะสีชาก็เถอะ แต่มันก็ออกจะแปลกๆมากกว่า ปลามองเขาได้เพียงครู่เดียวก็นึกขึ้นได้ว่าต้องรีบเก็บของในกระเป๋ากระจัดกระจายออกมา ยังไม่ทันที่ผู้ชายคนนั้นจะก้มลงมาช่วยเก็บ เธอก็เดินจากไปทันที

กว่าที่ชายหนุ่มจะทันได้พูดอะไรออกมา หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเมื่อสักครู่ ก็เดินจากไปไกล จนเห็นเพียงแค่ผมดัดสีน้ำตาลอมแดงอยู่ลิบๆตา ปะปนไปกับผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ครั้นที่เขาจะเดินตามไปหาก็คงไม่ได้ เพราะยังมีธุระอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการให้เสร็จในวันนี้

“พี่โอครับ พี่ทำกล้องหล่นแน่ะ”
ชายหนุ่มที่ดูยังไงก็อายุไม่น่าจะเกินเบญเพสเดินเข้ามาทัก พร้อมก้มลงเก็บกล้องถ่ายรูปยื่นให้

“ขอบใจนะภัทร แต่มันไม่ใช่ของพี่ว่ะ” เด็กหนุ่มทำหน้าเหวอ เลิ่กลั่กกลัวว่าจะไปหยิบของใครเข้า

“ของคนที่เดินชนกันเมื่อกี้น่ะ”

“งั้นเขาไปไหนแล้วล่ะครับ เรารีบเอาไปคืนเขาคงยังทันมั้ง คนเยอะขนาดนี้ไม่น่าจะไปไหนไกล”
ภัทรทำท่าจะหยิบกล้องออกจากมือโอ แต่ชายหนุ่มกลับชักมือกลับ ทำให้เด็กหนุ่มยิ่งงงว่าดาราหนุ่มชื่อดังจะผันตัวเองมาเป็นมิจฉาชีพเหรอเนี่ย?

“พี่จะเอาไปคืนให้เขาเอง พอดีว่าพี่รู้จักเจ้าของกล้องเครื่องนี้” เมื่อใบหน้าของหนุ่มน้อยยังไม่หายสงสัย เขาจึงอธิบายต่อว่า

“ก็คนที่เดินชนเมื่อกี้นี้แหละ พี่รู้จักเขาแต่สงสัยเขาคงไม่อยากรู้จักพี่แล้วมั้ง ถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น”
ภัทรยิ่งฟังคำอธิบาย ยิ่งงงมากขึ้น ในใจคิดไปเรื่อยว่าสงสัยดาราหนุ่มคงจะยังไม่หายอินกับบทละครที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จไปเมื่อวานนี้ ถึงได้พูดอะไรที่มีลับลมคมในแถมยังมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก ที่นอกจากถ้าไม่ใช่ในละครแล้วล่ะก็ ไม่มีทางซะหรอกที่จะเห็นรอยยิ้มแบบนี้นอกจอน่ะ

“ผมว่าเรารีบไปจ่ายเงินเถอะครับ เดี๋ยวทุ่มนึงพี่มีถ่ายละครอีกสองฉากนะครับ”
ว่าแล้วภัทรก็รีบเข็นรถไปต่อคิวจ่ายเงิน โดยมีชายหนุ่มดาราดัง ที่บัดนี้ถอดแว่นตากันแดดสีชาออกซะแล้ว ยืนส่งยิ้มหวานให้กับผู้คนที่ซุบซิบกันรอบๆอย่างเป็นกันเอง ต้องขอบคุณที่เขาหยิบแว่นอันนี้มาด้วย

ไม่งั้นคงไม่ได้เจออะไรดีๆที่นี่

To be Con.



Create Date : 05 มิถุนายน 2553
Last Update : 5 มิถุนายน 2553 18:05:50 น.
Counter : 460 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

-Ki-
Location :
Guangzhou  China

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับเข้าสู่Blogนะคะ
จขบ.มีงานอดิเรกคือหาของอร่อยทานค่ะ
ชอบอ่านหนังสือ เล่นเอ็ม บางทีก็เขียนได
ตอนนี้กำลังขะมักเขม้นกับการเรียนอยู่ที่จีนค่ะ
แต่ชอบแอบเข้าพันทิปมาอ่านคลายเหงาเป็นประจำ

ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนค่ะ

Color Codes ป้ามด

Hits Since April 12, 2009!

Free Hit Counter by Pliner.Net