ธันวาคม 2558

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
อเมริกัน ก็อดส์ Neil Gaiman เขียน
ทำบล็อกเป็นหมวดก็ยังงงตัวเอง ควรจัดหนังสือเล่มนี้ไว้หมวดไหนดี แฟนตาซีละกันเนอะ 





อเมริกัน ก็อดส์ American Gods
Neil Gaiman เขียน  วรรธนา วงษ์ฉัตร แปล
สำนักพิมพ์ Words Wonder
495 บาท 722 หน้า


หลังปก

พายุกำลังจะมา...

ชาโดว์เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุก เขากำลังรอวันที่จะได้กลับไปอีเกิล พอยท์ในอินเดียนาอย่างเงียบๆ ทั้งหมดที่เขาต้องการคือขอให้ได้อยู่กับลอร่า ภรรยาที่เขารัก เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่

แต่ในระหว่างทางกลับบ้านเขาพบชายลึกลับที่เรียกตัวเองว่า คุณเวนส์เดย์ เวนส์เดย์ดูเหมือนจะรู้จักชาโดว์มากกว่าที่ชาโดว์รู้จักตัวเองเสียอีก เขาเสนองานให้ชาโดว์ทำ มันทำให้ชาโดว์ได้พบว่า ภายใต้ความสงบนิ่งของชีวิตในแต่ละวันนั้น พายุกำลังระอุ ... สงครามสำหรับวิญญาณทุกดวงของเมริกากำลังจะเกิดขึ้น ... และเขากำลังยืนขวางทางมันอยู่



เกริ่นเอง

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีความเชื่อ ไม่ว่าจะในรูปแบบความเคารพ ความศรัทธา ความยึดมั่น การพึ่งพา หรือการเสพติด ซึ่งก่อให้เกิดพลัง และบันดาลผลต่างๆ ออกมามากมาย

ความเชื่อบางอย่างมีมาอย่างยาวนาน และบางอย่างกำลังเสื่อมถอย กาลเวลาหมุนเวียนไป ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ในละครชีวิต โลกคือโรงที่ใหญ่ที่สุด คนหน้าฉากเกิดดับ รุ่งโรจน์ เสื่อมถอย คนหลังฉากบงการ ชักใย หนุนนำ หรืออาจเป็นแค่หนึ่งในผู้ชมเพื่อความบันเทิง

ชาโดว์ ชายหนุ่มที่เพิ่งพ้นโทษ เป็นคนหนึ่งที่ได้รับสิทธิ์ ให้เป็นทั้งผู้อยู่เบื้องหน้า 

และเบื้องหลัง...




คุยกันหลังอ่าน


อาาา ในที่สุดก็อ่านจบ หนังสือหนามากค่ะทุกๆ คน

ระหว่างนั้นก็คิดเรื่อยๆ ว่า ฉันควรจะเขียน หรือพูดถึงเรื่องนี้อย่างไรดี 

ยากจัง

โอเค เริ่มที่ความรู้สึกก่อน 

ตอนอ่าน เหมือนโอกำลังเดินอยู่ในม่านหมอก ไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นอย่างไร ทางที่เดินไปจะผ่านที่ไหน จุดหมายคืออะไร ไม่รู้เลยค่ะ

อ่านจบแล้ว ก็ยังรู้สึกแบบเดิมอยู่ มึนๆ เบลอๆ เคว้งคว้าง

ให้เล่าแบบไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญว่ายากแล้ว ให้เล่าทั้งหมดยากยิ่งกว่า เป็นเรื่องที่แปลกมาก

คำนิยามที่ดีที่สุดขอให้กลับไปอ่านชื่อเรื่องอีกครั้งหนึ่ง โอว่าชื่อเรื่องบอกหลายอย่างแล้ว

จากที่รู้สึก โอว่าหนังสือหนาเกินเนื้อเรื่องไปหน่อยค่ะ แกนหลักไม่ใหญ่ขนาดความหนา จากคำนำ ฉบับนี้เป็นฉบับก่อนการตัดทอน (ฉบับสมบูรณ์ที่ผู้เขียนอยากถ่ายทอด) แต่ไม่ใช่ฉบับที่ได้รางวัล โอว่าถ้ากระชับน่าจะน่าสนใจกว่านี้ อันนี้ยืด และเต็มไปด้วยความสับสนมากไป โอว่ามันทำให้หลายฉากที่ควรเด่นกลับโดนกลบ 

แต่ก็เอาเถอะ 

เนื้อเรื่องนอกจากการเล่าเหตุการณ์จากตัวละครหลัก คือ ชาโดว์ แล้ว ก็จะประกอบด้วยส่วนย่อย คล้ายนำเอาเรื่องราว ตำนาน นิทาน ประวัติศาสตร์ มาประกอบ เสริมแต่งเติมเข้ามาด้วย

เหมือนมีเรื่องย่อยในเรื่องใหญ่ค่ะ ส่วนนี้โอว่าน่าสนใจดีนะ คนเขียนเข้าใจทำเลย

แต่เนื้อเรื่องหลักนี่แหละ ที่โอว่ามันคลุมเคลือมากไป เป็นลักษณะของเรื่องด้วยมั้งคะ ที่ต้องการให้คนอ่านตีความ มุมมองคนนี้เห็นตรงนี้ มุมมองคนโน้นเห็นอีกอย่าง และเจตนาเพิ่มความดำมืดมาแบบจงใจเกินไปหน่อย ตรงนี้โอไม่ค่อยชอบเพราะทำให้ส่วนนั้นโดดออกจากส่วนอื่น และดูเป็นรูปแบบนิยายมากกว่าความจริงที่คนเขียนนำเสนอ

เป็นแนวแฟนตาซีที่อิงในโลกจริงๆ น่ะค่ะ ไม่ใช่กระโดดออกมาเป็นโลกอื่นอย่างสิ้นเชิง เวลาอ่านเลยไม่รู้สึกว่าเป็นแนวแฟนตาซีนัก 

โทนของการเล่าค่อนข้างเรียบๆ ไม่หวือหวา ไม่โลดโผนตื่นเต้น ใช้สัญลักษณ์เป็นส่วนใหญ่ (ซึ่งมาควบคู่กับการตีความ) ...โออ่านยากอะ มั่นใจว่าตัวเองเข้าใจไม่หมดหรอก ฮ่าๆ 

แต่ในความเรียบๆ ก็มีความน่าติดตามอยู่นะ สำหรับโอคืออ่านแล้วอยากรู้ ไม่เบื่อแต่ไม่ได้ตามติด วางได้ หยิบได้ โล่งใจที่จบเพราะยาวและหนัก ประมาณนี้



ช่วงต้นเปิดมาน่าติดตามมาก ชายหนุ่มที่กำลังจะพ้นโทษเล่าถึงชีวิตในคุกของตัวเองสั้นๆ 

มีความคิดอันหนึ่งโอชอบเป็นพิเศษ ชาโดว์บอกว่า แรกเริ่มที่ติดคุกใหม่ๆ เขานึกถึงสิ่งที่จะทำหลังออกจากคุกมากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่เขาต้องการก็มีเพียงแค่สามอย่าง หนึ่งคืออาบน้ำ สองคือใช้ความอยู่กับคนรัก และสามคือทำตัวให้อยู่ห่างจากปัญหาที่สุด

อ่านแล้วแบบ เอ้อ จริง ไม่ต้องติดคุกก็ได้ คนธรรมดานี่แหละ ฝันอยากมี อยากได้มากมาย แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องการมากที่สุดก็มีแค่ไม่กี่อย่างหรอก



กล่าวถึงตัวละครหลัก คือชาโดว์

ชายหนุ่มผู้รักมั่น ที่ชีวิตต้องระหกระเหินพลิกผันไปเรื่อยๆ หลังออกจากคุก

คำพูดที่อยากฝากถึงตัวละครนี้ คือ  "นายชิลมากไป๊" -.-

ถ้าโอเป็นชาโดว์ โอบ้าไปแล้วค่า แต่หมอนี่รับเรื่องราวต่างๆ ได้ธรรมดามาก ใครบอกให้ทำอะไรก็ทำ สัญญาอะไรไว้ก็ไม่บิดพลิ้ว เจอเรื่องบ้าๆ ก็ตั้งรับแบบมั่นคง คือคนอ่านงงเลย เป็นตัวละครที่โอว่าออกบื้อๆ เถรตรง แบบอ่านยากนะ


เป็นแนวที่เลือกคนอ่านเลยล่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบ คนเขียนยังบอกเลย คนชอบก็จะรัก คนไม่ชอบก็จะเกลียดเลย

มีอยู่ตอนหนึ่ง โอกำลังนึกว่าเมื่อไรจะจบความสับสนเสียที ก็เจอประโยคนี้ของตัวละครพอดี


"ฉันเซ็งกับเรื่องปริศนาเต็มทีแล้ว"

"งั้นรึ ฉันคิดว่ามันเพิ่มรสชาติให้กับโลกนี้ดีนะ เหมือนกับเติมเกลือลงในสตูว์"


โอ้ววว เหมือนรู้ว่าเราบ่น แต่แอบเถียง ถ้าเรื่องนี้คือสตูว์ จานนี้ก็เค็มเกินไปสำหรับโอแล้วจ้า ปริศนามาได้ แต่อย่าลืมคลี่คลายเป็นระยะนะจ๊ะ การเดินทางแบบไม่รู้เส้นชัยว่าอยู่จุดไหน ไม่รู้ทิศเหนือ ใต้ ออก ตก บางทีก็หมดกำลังใจจะเดินเหมือนกันน้อ

สำหรับโอ เอาไป 3 โอชอบการตีความแบบพอดี ไม่ชอบความคลุมเคลือไปเกือบทุกอย่าง ตอนจบไม่ตอบโจทย์โอด้วย + 0.5 ที่มุมมองที่คนเขียนจับมานำเสนอ = 3.5

เอาจริงๆ ไม่ชอบให้ดูคะแนนนะ คะแนนโอก็เป็นแค่ตัวเลขตัวหนึ่ง ที่เหวี่ยงขึ้นลงตามความพอใจ โออยากให้ถามตัวเองว่า อ่านแล้วได้อะไรไป รู้อะไรบ้าง มองอะไรเห็นมากกว่า ถึงคะแนนน้อย แต่ถ้าอ่านแล้ว รู้สึก ว้าว เหมาะกับเราจัง ก็ลุยเลยจ้า





จบเกี่ยวกับเนื้อหาและความรู้สึก ต่อไปสำนวน ภาษาละ ใครไม่สนจบหน้านี้ได้เลยจ้ะ




สำนวน โอว่าหลายๆ ประโยคค่อนข้างงง ด้วยเนื้อหายากก็ส่วนหนึ่ง ที่เหมือนนามธรรมมากกว่ารูปธรรม น่าจะมีคนช่วยเรียบเรียง เกลาภาษา ทวนความ จะช่วยให้งานออกมาสมบูรณ์กว่านี้ค่ะ ทำคนเดียวกับงานลักษณะนี้ หนักเกินไป และเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย

ภาษา หลายครั้งผู้แปลใช้คำทับศัพท์ไปในภาษาที่มีคำแปลเป็นไทย โอไม่แน่ใจเจตนาว่าต้องการทำให้เนื้อเรื่องทันสมัยหรือเปล่า แต่ในความเห็นโอ ถ้าคำนั้นมีความหมายไทยที่สามารถเข้าใจได้โดยง่าย ควรแปลด้วยค่ะ ศัพท์บางคำไม่ใช่คำที่ทุกคนจะอ่านแล้วเข้าใจความหมายได้ทันที และหนังสือแปลควรจะทำหน้าที่เป็นสื่อให้ผู้ที่อ่านเข้าถึงในภาษาที่ถูกถ่ายทอดมากที่สุดค่ะ

หน้า 4 

ชาโดว์สรุปว่า ถ้าคุณไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต อย่างดีที่สุดก็เป็นแค่การพักผ่อนจากชีวิตแค่ชั่วคราวด้วยเหตุผลสองข้อ ข้อแรก ชีวิตคืบคลานกลับเข้ามาในคุก มันยังมีสถานที่ให้ไปต่ออีกมากมายแม้ในยามที่คุณถูกแขวนคอแล้วก็ตาม ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ต่อให้เป็นชีวิตใต้กล้องจุลทรรศน์หรือชีวิตในกรงขังก็ตาม และข้อที่สอง ถ้าคุณยอมทนอยู่ในคุกเฉยๆ สักวันหนึ่งพวกเขาก็จะต้องปล่อยคุณออกไป

ย่อหน้านี้อ่านแล้วงงมากค่ะ โดยเฉพาะเหตุผลข้อแรก ขาดความเชื่อมโยงเหตุผลกับที่เหลือเลย

ผล = ไม่ถูกประหารชีวิตคือการพักผ่อน
เหตุ 1 ?
เหตุ 2 = ยอมทนแป๊บๆ ก็ต้องถูกปล่อยอยู่ดี

หน้า 17 ผู้คุมพาเขาเดินลงบันไดหินสีเทาออกไปสู่พลาซาที่เต็มไปด้วยข้าวของสีสันสดใสกับผู้คนมากมาย

plaza = ลานกว้าง, ตลาดนัด  

บอกพลาซา โอนึกถึงห้างเลยค่ะ เมืองไทยห้างอะไรก็เอะอะๆ พลาซา = ="


หน้า 289

"ฟิดเดิล เกมเป็นกลโกงที่ดีและวิเศษ ซึ่งต้องใช้นักต้มตุ๋นสองคน มันสำเร็จบนความอยากได้และความโลภ เช่นเดียวกับกลโกงต้มตุ๋นทุกชนิด..."


เข้าใจว่าแปลมาตรงๆ เลย แต่ประโยครูปแบบนี้ไม่มีในภาษาไทย และไม่ค่อยสละสลวยด้วย  

เรียบเรียงอีกนิด พลิกอีกหน่อย ลองนะคะ

"ฟิดเดิล เกมเป็นกลโกงที่ดีและแสนวิเศษ ซึ่งต้องใช้นักต้มตุ๋นสองคนร่วมมือกัน และจะสำเร็จได้ถ้าเหยื่อเกิดความอยากได้และความโลภ เช่นเดียวกับกลโกงต้มตุ๋นทุกชนิด..."


หน้า 293  คริสต์มาสเค้ก, คริสต์มาสเค้กอะลาโม้ด หรือพุดดิ้งวิปครีมเขียวแดง เวนส์เดย์จ้องสบตาสาวเสิร์ฟและบอกว่าเขาอยากลองคริสต์มาสเค้กอะลาโม้ด ชาโดว์ขอผ่าน

ใช้คริสต์มาสเค้ก แต่พอพุดดิ้งกลับกลายเป็นพุดดิ้งวิปครีม แปลตามหลักไทยให้หมดน่าจะดีกว่านะคะ
เค้กคริสต์มาส เค้กคริสต์มาสอะลาโม้ด พุดดิ้งวิปครีม


หน้า 301 ดินแดนแห่งนี้ถูกยกขึ้นมาจากส่วนลึกของมหาสมุทรโดยผู้ที่ดำน้ำลงไป ...มันถูกทอขึ้นจากไยของมันเองโดยแมงมุม  มันถูกอึใส่โดยนกราเวน มันคือร่างของบิดาผู้ล้มลง กระดูกของบิดาคือขุนเขา และดวงตาคือทะเลสาบ...

รูปประโยคเยิ่นเย้อ ไม่ใช่ประโยคในภาษาไทยรูปแบบปกติด้วยค่ะ

ต้นฉบับก็ชวนเป็นปริศนาอีก ใครดำน้ำลงไปคะ?

เอ้า ลองดูหน่อยละกัน

ดินแดนแห่งนี้ถูกยกขึ้นมาจากส่วนลึกของมหาสมุทรโดยผู้ที่อยู่ข้างใต้นั้น ...มันถูกถักทอขึ้นจากใยแมงมุม ถูกนกราเวนอึรดใส่ มันคือร่างของบิดาผู้ล้มลง กระดูกของบิดาคือขุนเขา และดวงตาคือทะเลสาบ...

(ไม่รู้ว่าต้นฉบับใช้อย่างไร อยากใช้คำว่า อุจจาระ จัง จะได้อยู่ระดับเดียวกันกับคำว่า บิดา)


หน้า 522  "พวกมันตกอยู่ในมือของศัตรู หรือบางทีพวกมันอาจจะเป็นมือของศัตรูในตัวของพวกมันเองก็ได้"

อ่านแล้วงง ลองนะคะ

พวกมันตกอยู่ในมือของศัตรู หรือบางทีพวกมันอาจจะเป็นมือของศัตรูอยู่แล้วก็ได้


หน้า 534 หมาป่าเดินอุ้ยอ้าย
หมาป่าอ้วนหรือเปล่าคะ ถ้าอ้วนใช้อุ้ยอ้ายได้ ถ้าไม่อ้วน ใช้คำอื่นเหมาะกว่า เช่น เดินเนิบๆ เชื่องช้า 

หน้า 567 แล้วฝนก็เริ่มตก ชาโดว์สะดุ้งตื่นอีกครั้ง เขากลิ้งหลุนๆ ด้วยเนื้อตัวสั้นสะท้านและเปียกปอนจากภาวะหลับลึกมาสู่การตื่นเต็มตาในครู่เดียว

กลิ้งหลุนๆ คือกลิ่งจากที่สูงลงที่ต่ำค่ะ แต่จากเนื้อเรื่อง โอไม่คิดว่าชาโดว์จะกลิ้งจากไหนไปไหนได้นะคะ อาจจะดิ้นขลุกขลัก แกว่งไกว ฯลฯ 


หน้า 660 กำแพงโขดหินก่อให้เกิดโรงมหรสพรูปครึ่งวงกลมแบบธรรมชาติ เส้นทางเดินที่เป็นหินซึ่งทอดวนไปรอบๆ กำแพงโขดหิน และทอดผ่านมันดูเหมือนเป็นสะพานธรรมชาติที่คดเคี้ยวเป็นภาพสามมิติผ่านและข้ามกำแพงหิน

ใช้คำเยิ่นเย้อวกวนค่ะ ลองเปลี่ยน

กำแพงโขดหินก่อให้เกิดโรงมหรสพรูปครึ่งวงกลมแบบธรรมชาติ เส้นทางเดินหินล้อมวนไปรอบๆ และทอดผ่านกำแพงโขดหินเหล่านั้น ดูเหมือนสะพานธรรมชาติที่คดเคี้ยวเป็นภาพสามมิติ

หน้า 674 "เบบี้... แคน ยู อันเดอร์สแตนด์ มี นาว?" , "ซัมไทม์ส ไอ ฟีล เอ ลิตเติ้ล แม้ด ดอนท์ ยู โนว์ แด้ท โน วัน อะไลฟ์ แคน ออลเวย์ส บี แอน แอนเจิล..." , "ไอ แอม จัสท์ เอ โซล ฮูส อินเทนชั่นส์ อาร์ กู้ด" , "โอ ลอร์ด พลีส ดอนท์ เล็ท มี บี มิสอันเดอร์สตู้ด"

เป็นเนื้อเพลง แปลความหมายเถิดค่ะ อย่างนี้ต่อให้อ่านภาษาอังกฤษออกก็ไม่เข้าใจ ไม่ออกก็ไม่เข้าใจ ไม่ตอบโจทย์ใครสักทาง หรือจะไม่แปลแล้วใช้เนื้อภาษาอังกฤษเลยก็ไม่ว่า เนื้อเพลงไม่เหมือนชื่อเพลง หรือชื่ออื่นๆ ที่เป็นชื่อเฉพาะ (เอาจริงๆ ชื่อที่มีความหมายก็สามารถแปลได้นะ หรือควรเชิงอรรถไว้ด้วย ภาษาอังกฤษคืออะไร แปลว่าอะไร) แต่เนื้อเพลงสามารถถ่ายทอดและสื่อความหมายออกมาได้ ถือเป็นสารหนึ่งที่ผู้อ่านได้รับ


หน้า 718 ผู้หญิงหลายคนที่เขาเดินผ่านสวยมาก หุ่นสเลนเดอร์และผิวขาว
slender = อ้อนแอ้น, สะโอดสะอง, เพรียวบาง เลือกใช้ภาษาไทยดีกว่านะคะ ไม่ใช่คำที่จำเป็นต้องใช้ทับศัพท์เพราะเป็นชื่อเฉพาะ หรือเป็นคำที่คนไม่คุ้นเคยสักหน่อย




คำผิดเยอะอีกแล้วค่ะ ไม่บอกว่าหน้าไหน และไม่บอกทุกคำแล้วนะคะ กองบรรณาธิการต้องทำการบ้านให้หนักมากกว่านี้มากๆ 



แหย็ม >> แหยม (= ยุ่ง)
ฉิ้งฉ่อง >> ชิ้งฉ่อง
แว่บ >> แวบ 
เเห็น >> เห็น
ธุริจ >> ธุรกิจ
เมื่อวานน >> เมื่อวาน
ภูติ >> ภูต (ภูต = ปิศาจ, ภูติ = ความมั่งคั่ง *)
เสียงเพลงดังงุ้งงิ้งฟรุ๊งฟริ๊ง >> ฟรุ้งฟริ้ง
สะกดให้ถูกต้องเป็นไม้โทค่ะ เสียงงุ้งงิ้งมี แต่เสียงฟรุ้งฟริ้งไม่มีนะคะ เหวอเลยตอนอ่าน (ฟรุ้งฟริ้งเป็นภาษาวัยรุ่น แล้วก็ไม่ใช้กับเสียงด้วยค่ะ) ถ้าเป็นโอจะใช้เสียงเพลงดังกรุ๊งกริ๊ง
เหีรยญ >> เหรียญ
หัวเราะก้าก >> ก๊าก (ลองสังเกตเสียงดีๆ นะคะ เสียงสูงค่ะ หรือไม่ก็ต้องอ่านนิยายไทยบ่อยๆ จะรู้ว่าเสียงอย่างไรสะกดอย่างไร)
ไยแมงมุม >> ใย (ผิดทุกที่ ถ้า ไย จะใช้ในความหมายว่า ทำไม)
มุขตลก >> มุกตลก
เวิร์ลด >> world สะกด เวิลด์ ค่ะ (สังเกตการออกเสียงนะคะ เราไม่ออกเสียง ด เพราะฉะนั้นต้องฆ่ามันออกด้วยไม้ทัณตฆาตค่ะ)









.
.
.

สายลมพัดโหยหวนรอบรถ  ที่ปัดน้ำฝนทำหน้าที่ปัดกลับไปกลับมาอย่างหนักบนกระจกหน้ารถ มันละเลงภาพตัวเมืองให้กลายเป็นภาพเปียกแฉะของแสงไฟสีแดงและสีเหลือง ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายต้นๆ แต่มันดูเหมือนเป็นเวลากลางคืนแล้วเมื่อมองผ่านกระจก

.
.
.

มีหลายเรื่องราวที่เป็นเรื่องจริง แต่ละเรื่องมีความแปลกไม่เหมือนใครและน่าเศร้า และความเลวร้ายที่สุดของเรื่องน่าเศร้าก็คือ เราเคยได้ยินมันมาก่อน แต่ไม่สามารถปล่อยใจให้รู้สึกกับมันลึกซึ้งเกินไป เราสร้างเกราะหุ้มรอบมันไว้เหมือนหอยมุกที่ต้องรับมือกับเศษหินกรวดด้วยการเคลือบมันไว้ด้วยชั้นมุกที่นุ่มนวลเพื่อต่อสู้กับมัน นี่คือวิธีที่เราเดิน พูดคุย และปฏิบัติ วันแล้ววันเล่า เราสร้างภูมิคุ้มกันต่อความเจ็บปวดและความสูญเสียของผู้อื่น (เพราะ)ถ้ามันสัมผัสถึงเราได้ มันจะทำให้เราพิการหรือ(แม้กระทั่ง)ทำให้เราเป็นนักบุญ แต่ส่วนใหญ่แล้ว มันไม่(สามารถ)สัมผัสเราได้ เพราะเราไม่ยอมให้มันสัมผัส

คืนนี้ขณะที่คุณทานอาหาร ให้ลองสะท้อนความคิด(คิดใคร่ครวญ)ถ้าคุณทำได้ว่ายังมีเด็กน้อยที่หิวโหยอดโซอีกมากมายในโลกใบนี้ เป็นตัวเลขจำนวนมากจนเกินกว่าที่สมองจะจดจำ มากจนความผิดพลาดสักหนึ่งล้านคนตรงนี้ หรือหนึ่งล้านคนตรงนั้น เป็นเรื่องที่สามารถให้อภัยได้ คุณอาจรู้สึกอึดอัดที่จะสะท้อนคิดเรื่องนี้ หรืออาจจะไม่อึดอัดก็ได้ แต่คุณก็ยังจะทานอาหารอยู่ดี

*() = โอเติมเอง, ขีดฆ่า = โอตัดเอง เพื่อความลื่นไหลและเข้าใจง่าย

.
.
.




เหนื่อยแต่ก็เพลินดี เอ๊ะ ยังไง ฮ่าๆ


ที่แน่ๆ เขียนบล็อกนี่ตั้งแต่สองทุ่ม โอ้แม่เจ้า ตอนนี้เกือบตีหนึ่ง Smiley ราตรีสวัสดิ์นกฮูกทั้งหลาย สวัสดีวันพุธจ้ะ





++
เออ ว่าจะพูดถึงสัมภาษณ์คนเขียนท้ายเล่ม นีล เกแมน บอกว่าเขาเป็นชาวอังกฤษ แต่นึก(อุตริ)เขียนเรื่องอเมริกา เขาเลยถามตัวเองแทนคนที่ไม่กล้าถามว่า นายกล้ายังไงถึงเขียนเรื่องนี้ฮะ? เขาตอบว่า ก็ไม่ได้กล้าหรอก แค่ต้องเขียน เก๋มะ จริงๆ เก็บเป็นแรงบันดาลใจได้นะ ไม่จำเป็นว่าต้องรู้ ต้องเก่ง ต้องเชี่ยวชาญถึงจะทำได้ แค่ 1.กล้าคิด 2.กล้าทำ 3.พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้มันสำเร็จ จบ จุบุทุกคน เหนื่อยโฮก
++



Create Date : 23 ธันวาคม 2558
Last Update : 23 ธันวาคม 2558 12:55:50 น.
Counter : 3917 Pageviews.

5 comments
  
นิยายของ Gaiman จะออกสไตล์คล้ายๆแบบนี้หมดแหละครับ
คือเป็น Fantasy ที่สร้างโลกขึ้นมาเอง ไม่ได้อ้างอิงปกรณัมไหนๆมาเหมือนที่ YA ทั่วไปชอบเอามาเล่นกัน

ส่วนเล่มนี้ยังไม่ได้อ่านเลยครับ หนามากๆ ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไร อ่านนิยายหนาๆแล้วท้อขั้นสุด 5555
โดย: PZOBRIAN วันที่: 25 ธันวาคม 2558 เวลา:10:33:03 น.
  
เคยอ่านต้นฉบับครับ ผมชอบ ตอนอ่านคิดเหมือนกันว่าถ้าแปลไทยคนไทยจะเก็ตไหม หรือแปลมาแล้วสำนวนจะเป็นยังไง เพราะมัน allusion ไปหาเทพเจ้าในตำนานของชาติทั่วโลกเยอะมาก ตอนผมอ่านเจอเทพแปลกๆ มายังต้องเสิร์สกูเกิ้ลดูว่าพื้นเรื่องเบื้องหลังเทพแต่ละตัวเป็นไง มักเป็นตัวร้ายหรือตัวดี

ตอนท้ายๆ ที่เหล่าเทพเดินทางไปภูเขาไรนั่นผมนึกภาพการ์ตูนชัดแจ๋วมากเลยฮะ
โดย: Boyne Byron วันที่: 25 ธันวาคม 2558 เวลา:10:33:11 น.
  
คุณพี เรื่องนี้เหมือนสร้างเรื่องใหม่เข้ามาซ้อนในโลกเดิมค่ะ หนามากๆ จริงๆ ค่ะ โอใช้เวลาหลายอาทิตย์เลย

คุณ Boyne Byron ใช่เลยค่ะ ผู้เขียนคาดหมายว่าผู้อ่านต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เขาใช้สื่อสาร (ไม่ว่าเทพเจ้า ตำนาน ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ว่าเป็นใคร สิ่งใด มีบทบาทอย่างไรบ้าง) จึงไม่มีข้อมูลพื้นฐานให้คนอ่านเลย โอว่าคนที่ชอบ แล้วสนใจข้อมูลเกี่ยวกับตำนานต่างๆ อยู่แล้วจะชอบมาก เพราะเมื่อนำมาผูกกับแนวคิดแหวกๆ ของผู้เขียนแล้วจะสามารถเชื่อมโยงได้ ตื่นตาตื่นใจดี

ส่วนโอส่วนใหญ่ชื่อที่ผุดมาในเรื่องโอรู้จักแบบผ่านๆ ครึ่งต่อครึ่งได้ ดำน้ำสนุกเลย งานนี้

แต่โอชอบแนวคิดหนึ่งของเรื่องคือ ไม่ว่าใครก็ตาม ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็เถอะ ต่างมีช่วงเวลาถดถอยด้วยกันทั้งนั้น (โง่งม ผิดบาป กิเลสหนา สิ้นหวัง ไม่มองความจริง)
โดย: ออโอ วันที่: 25 ธันวาคม 2558 เวลา:20:24:06 น.
  
มาอ่านบทความของคุณ เข้าใจความรู้สึกของคนที่อ่านอะไรหนาเตอะแบบนี้
ผมอ่านจบอาทิตย์เดียว กอปรกับสนใจเรื่องนี้โดยทุนเดิม เลยชอบความอึมครึมๆ

ถ้าเรื่องจัดประเภทหนังสือ ของฝรั่งนี่โหมดแฟนตาซีเขามีแบ่งยิบย่อย อาทิ อย่างนาร์เนีย เขาจัดเป็น portal fantasy
นิยายเล่มนี้ ผมจัดเป็น magical realism หรือ สัจนิยมมหัศจรรย์ งานเขียนที่เน้นโลกสมจริง แค่เอาองค์ประกอบแฟนตาซีมาต่อเติมเฉยๆ เพื่อซ่อนนัยยะของคนเขียนครับ

อันนี้เป็นรีวิวของผมเอง สนใจก็ลองทักดูได้นะครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1481950728537161&set=g.106620849788251&type=1&theater
โดย: tete IP: 110.168.7.26 วันที่: 28 พฤษภาคม 2560 เวลา:6:43:08 น.
  
คุณtete ใช่ๆ แล้วเป็นความหนากับอะไรที่เราไม่สนใจอยู่แล้วด้วยนี่ยิ่งแบบยกกำลังเลยค่ะ
โอตามไปอ่านแล้วนะคะ คุณtete เล่าได้เข้าใจง่ายและเรียบเรียงได้ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
โดย: ออโอ วันที่: 31 พฤษภาคม 2560 เวลา:23:53:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments