กันยายน 2558

 
 
1
2
3
4
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
All Blog
ซึงกล่อมจันทร์ หัสวีร์ เขียน
ดนตรี ซึง เจ้านาง คำเมืองSmiley






ซึงกล่อมจันทร์
หัสวีร์ เขียน
สำนักพิมพ์พิมพ์คำ ในเครือสถาพรบุ๊คส์
280 บาท  424 หน้า


เรื่องย่อปกหลัง


เสียงซึงกล่อมใจเจ้านางผู้กุมชะตากรรมของบ้านเมืองให้สั่นไหว...

.
.

เจ้าแก้วจันตา ธิดาเจ้าหลวงแห่งนครเปียงฟ้า ต้องสละความรัก และพรากจากบุพการีเพื่อไปแต่งงานกับเจ้าชายเมืองเวียงหมอก ด้วยข้อตกลงที่ว่าหากสองนคราผูกสัมพันธ์ ก็ยากที่เมืองใดจะรุกราน

หนทางสู่เวียงหมอกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ 
ขบวนส่งตัวเจ้านางแตกพ่าย เพราะการขัดขวางของใครบางคน แต่มีหรือที่อุปสรรคแค่นี้จะขวางเธอได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอต้องไปถึงเวียงหมอกเพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง

ทว่าแผนสำรองที่เตรียมมาต้องผิดไปจากเดิม แทนที่ผู้ร่วมเดินทางจะเป็นคนรัก ซึ่งเป็นถึงแม่ทัพผู้เก่งกาจ กลับกลายเป็นน้องชายของเขาที่เป็นเพียงนักดนตรีผู้ไม่มีความสามารถใดๆ 

การเดินทางแสนยากลำบากต้องเจอทั้งสารพัดผี ภัยธรรมชาติ สัตว์ร้าย และคนที่ตามฆ่า ทำให้หัวใจสองดวงเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นจนเกิดเป็นความรัก

เจ้านางคนงามจะตัดสินใจอย่างไร เมื่อความปลอดภัยของบ้านเมืองอยู่ในกำมือเธอ แต่หัวใจกลับผูกพันกับนักดนตรีหนุ่มที่ยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อเธอ


ลมพัดพลิ้วลอยลิ่วใบไม้ไหว 
เหลียวผ่อหาตางใดใจ๋หม่นเศร้า
จำจากจรลาแล้วเฮาหนอเฮา 
ซึงส่งเจ้าลอยไกลใจอาดูร

...

ซึงดีดดังก้องหล้าวาเวหน 
กล่อมนางนอนเกยคนเสียงชิดใกล้
จันทร์ลาแล้วลาลับสูงสุดใจ 
ฝากลมไปลึกซึ้งซึงกล่อมจันทร์






เล่าเรื่องเอง

เจ้าแก้วจันตา ธิดาคนเดียวของเจ้าหลวงแห่งเปียงฟ้าต้องเดินทางจากเมืองเกิดไปแต่งงานกับบุตรชายของเจ้าเวียงหมอกเพราะเงื่อนไขจากเจ้าหลวงคนเก่า และเพื่อที่จะให้เมืองเล็กอย่างเปียงฟ้าได้อิงแอบหลบอยู่ใต้เงาไม้ใหญ่ ไม่โดนภัยนอกรุกราน หรืออย่างน้อยก็ยำเกรง

เจ้าแก้วจันตาจำใจจากบ้านไป แม้จะมีคนรักที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งเปียงฟ้า แต่ด้วยภาระหน้าที่ ทำให้นางต้องเสียสละเรื่องส่วนตัวเพื่อส่วนรวม

ขบวนส่งเจ้าหญิงเคลื่อนตัวออกจากเมืองได้ไม่นานก็ถูกโจมตี บ้างบาดเจ็บ บ้างเสียชีวิต เจ้าแก้วจันตาต้องหลบหนีการไล่ล่าไปกับนักดนตรีหนุ่มคนดังแห่งเปียงฟ้า

อินธรรพ์เป็นนักดนตรีที่เชี่ยวชาญการดีดซึง เขาเข้าร่วมขบวนมาด้วยตามคำสั่งของเจ้าหลวงเพื่อทำให้เจ้าแก้วจันตาเบิกบานตลอดการเดินทาง ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นทำให้ต้องไปผจญภัยกับเจ้าแก้วจันตาเพียงสองคน

หนึ่งเจ้าหญิง หนึ่งนักดนตรี ต้องพานพบกับอันตรายมากมายที่รออยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางที่พวกเขาเลือกไปนั้น ต้องเข้าไปในเขตของ "ป่าสวรรค์" ที่ไม่มีใครกล้ากล้ำกราย...




คุยกันหลังอ่าน

จากชื่อเรื่อง นึกถึงหนังสือแนวรักโรแมนติกรันทด แต่พออ่านจริง พบว่ามันฮากว่าที่คิดค่ะทุกคน!

โดยเฉพาะช่วงเดินทางรอนแรมอยู่ในป่ากันสองคน จากนิยายการถวายตัวเป็นผู้หญิงในกรุสมบัติของเจ้าชายอีกเมือง กลายเป็นนิยายผจญภัยในดินแดนพิศวง

ยิ่งมาเจอผู้ร่วมเดินทางอย่างพระเอกที่เอาแต่บ้าซึง งานนี้มีแต่ฮาและฮายิ่งกว่าค่ะ

โอชอบเวลาพระนางคู่นี้ออกร่วมฉากแล้วคุยกัน น่ารักและตลกมาก

อินธรรพ์ พระเอก เป็นนักดนตรี ที่ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้เอาซะเลย รูปร่างสะโอดสะอง ผิวขาว หน้ามนเหมือนผู้หญิง เก่งอย่างเดียวคือดีดซึง เป็นคนที่เผินๆ ดูพึ่งพาไม่ได้ แต่ในยามคับขันมักจะมีวิธีเอาตัวรอดแบบประหลาดๆ เสมอ มองโลกในแง่ดี ไม่คิดมากหรือทุกข์ร้อนกับเรื่องอะไรง่ายๆ ไม่ใช่คนขี้กลัว แต่ก็ไม่ได้กล้าหาญ เป็นพระเอกแนวแปลกที่ไม่ค่อยพบเจอนักในนิยาย

เจ้าแก้วจันตา นางเอก ลูกสาวคนเดียวของเจ้าหลวงแห่งเปียงฟ้า ยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาบ้านเมือง รักและหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง กล้าหาญ หน้าตางดงามแต่บุคลิกลุยๆ กล้าได้กล้าเสียกว่าที่คิด ไม่ใช่คนที่ยอมให้คนรังแกง่ายๆ

เรื่องนี้เลยเป็นเรื่องของนางเอกเก่งกล้ากับพระเอกบ้าซึงนั่นเอง

งานนี้โอปลื้มพระเอกค่ะ แหวกๆ แปลกๆ อย่างงี้ของชอบ ฮ่าๆ

อ๊ะ! ถ้าใครสงสัย ไหนบอกนางเอกมีคนรักอยู่แล้วที่เป็นแม่ทัพไง? 

ใช่แล้วค่ะ คนรักของนางเอกที่เป็นแม่ทัพนั้นก็เป็นพี่ชายของพระเอก และได้ร่วมขบวนส่งนางเอกด้วย แต่พลัดหลงกันไปกับคนรับใช้ของนางเอก

เรื่องก็จะเล่าสลับไประหว่างเรื่องของพระนางที่ไปผจญภัยกับสิ่งต่างๆ เรื่องของคนรักเก่าและคนรับใช้ที่พยายามจะหาทางถ่วงและหลอกล่อศัตรู และเรื่องของคนที่เป็นตัวต้นเรื่องที่ส่งคนมาลอบฆ่านางเอก

การเล่าสลับทำได้ดีและไม่น่าเบื่อ เดินเรื่องเร็ว ลื่นไหล เห็นภาพชัดเจน บทบรรยายพรรณาธรรมชาติในเรื่องเทียบเวลาและอารมณ์เรื่องได้สวยงามค่ะ

มีจุดที่อาจจะทำให้สะดุดอยู่บ้าง คือเรื่องนี้พูดกันเป็นภาษาเหนือ อู้คำเมืองกันทั้งหมด คนเขียนคงกลัวว่าจะทำให้ผู้อ่านอ่านแล้วงง เลยจะใส่ประโยคอธิบายมาด้วยบ้าง ทำให้มันดูซ้ำซ้อนเกินไปจากบทสนทนาที่คนอ่านน่าจะเข้าใจได้อยู่แล้ว  คำพูดที่ตัวละครพูดกันที่อ่านแล้วรู้สึก ปัง! ใช่เลย เลยถูกลดทอนอารมณ์ร่วมของผู้อ่าน ณ สถานการณ์นั้นๆ ไปบ้าง

คนเขียนไม่ต้องกลัวว่าคนอ่านจะอ่านไม่เข้าใจหรอกค่ะ โอเองก็ไม่ใช่คนที่เข้าใจภาษาเหนือเลยสักนิด และไม่ได้เข้าใจทุกคำพูดด้วย แต่อ่านแล้วเข้าใจ เพราะเดาได้จากสถานการณ์ การพูดคุย เหตุการณ์แวดล้อม ถ้าเรื่องราวเป็นเหตุเป็นผลกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านเหตุผลหรือความรู้สึก คนอ่านจะเข้าใจได้เอง

ขณะเดียวกัน ต่อให้คุยกันด้วยภาษาไทยนี่แหละ แต่เรื่องราวไม่เป็นเหตุเป็นผล ขัดกับเรื่องที่ปูพื้นฐานมา ขัดกับความรู้สึกร่วม ก็อ่านแล้วไม่เข้าใจได้เช่นกัน

อันนี้แนะนำเฉยๆ ลดทอนคำอธิบายลง คงไว้เฉพาะตอนที่จำเป็นถึงที่สุด ที่เหลือละไว้บ้าง จะทำให้คำพูดตัวละครเด่นและจับใจจับอารมณ์คนอ่านได้ดีค่ะ เพราะบทสนทนาในเรื่องดีมากอยู่แล้ว 

อีกอย่างคือไม่จำเป็นต้องต่อท้ายบทสนทนาว่าใครเป็นคำพูดทุกครั้งที่มีบทสนทนา ลองมองภาพรวมของเหตุการณ์ จินตนาการว่าตัวเองเป็นตัวละครนั้นซึ่งเผชิญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในขณะนั้น ใส่อารมณ์ความรู้สึก หรืออากัปกิริยาของตัวละครก็จะช่วยลดความจำเจ ทำให้สมจริง เร้าความรู้สึกคนอื่นได้ดียิ่งขึ้นนะคะ เช่น เสียงผะแผ่ว ลมหายใจไหวเยือก เสียงอึงอล ลมหายใจสะดุด ขนลุกชัน ขาไขว้กันพัลวัน สายตาไร้ความรู้สึก น้ำเสียงนิ่งสงบ เป็นต้น อันนี้ก็ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเฉยๆ เช่นกันค่ะ



และเสน่ห์ของเรื่องนี้ที่สำคัญก็คือการอู้คำเมืองนี่แหละค่ะ อ่านแล้วได้ยิ้ม ได้เรียนรู้ไปกับภาษาที่ไม่คุ้นเคย ได้อรรถรสไปอีกแบบ


ช่วงท้ายเรื่องจะไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าช่วงต้นและกลางเรื่อง มีที่อ่านแล้วสะดุด แปลกใจอยู่บ้างเหมือนกัน



ใส่กันสปอยนะคะ ถ้ายังไม่อ่านเลี่ยงไปก่อนค่ะ เดี๋ยวอ่านไม่สนุกนะ

- ระยะเวลาเดินทางกลับเพื่อมาช่วยเมืองเปียงฟ้าของทั้งคู่พระนาง และคู่แม่ทัพกับคนใช้ ขาไปถ้าโอจำไม่ผิดการเดินทางของขบวนต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบวัน แต่ขากลับใช้เวลาแค่สามวัน ต่อให้เป็นขบวนเล็ก เดินทางข้ามวันข้ามคืน ร่นระยะเวลาไม่น่าได้เกินครึ่งนะคะ

- นายทหารม่านที่อยู่ๆ ก็มาแย่งซีน ปั้ง! ตอนอ่านโอเหวอเลย นายนี่เป็นใคร มาจากไหน อยู่ๆ ก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว (แถมง่ายดาย) และจากไปอย่างผ่าเผยด้วย เฮ้ย มีทั้งทหารและคนจากเปียงฟ้าออกจะเยอะแยะ แต่ละคนไม่มีปฏิกิริยาอะไรนอกจากตกใจเลยหรือ มันแปลกๆ อยู่นะ

- บทสรุปของเชียงมั่นกับเชียงทองยังไม่ค่อยดีนักในความรู้สึกโอ ทั้งที่สองนายนี่ก็ไม่ใช่คนดีเด่ แต่ดูไม่ได้รับผลการกระทำตัวเองเท่าไร

- ทหารมือดีคนหนึ่งของนางเอกที่ตกน้ำไปช่วงต้น ตอนแรกนึกว่าจะมีบทเด่นตอนช่วงท้ายซะอีก เปิดตัวมาน่าสนใจเชียว



มีสะกดผิดนะคะ
หน้า 243 ปากคอเราะร้าย ต้องเป็น ปากคอเราะราย 
ที่เหลือก็เครื่องหมายคำพูด ("-") ที่ชอบเกินมาตอนขึ้นย่อหน้าใหม่ แต่ยังไม่จบประโยค



โอจดโน้ตคำแปลคำเมืองของโอเองที่เดาจากรูปประโยคนะคะ ไม่รู้ถูกไหมนะ Smiley

เยียะ    = ทำ
หัน      = เห็น
หื้อ      = ให้
แหม    = อีก
ขอสูมา = ขอโทษ
เมิน     = นาน
ผ่อ      = มอง
เวย      = ไว
ตัวเก่า  = ตัวเอง
เหีย     = เสีย
ยับ       = จับ
ฟั่ง       = รีบ
พ่อง     = บ้าง
สวก     = ดุร้าย



.
.
.

"ถ้าอ้ายบ่สบายใจ๋ ข้าเล่นเพลงม่วนๆ หื้อฟังได้เน้อ"

คำพูดนั้นทำให้เกิดรอยยิ้มที่มุมปาก สิงห์คำมองน้องชายซึ่งพยายามทำให้เขาอารมณ์ดี

"แค่ซึงคันเดียว มันช่วยแก้ปัญหาบ่ได้หรอก สูยังน้อยจะไปฮู้อะหยัง" เขาบอก

"ข้าอายุเท่าเจ้าแก้วเน้อ"

"อายุเท่ากั๋นก่อจริง แต่เจ้าแก้วมีหน้าตี้ตี้นักหนากว่าสูนัก หาใจ้แค่เล่นดนตรีไปวันๆ"

"อ้ายสิงห์คำชอบมองว่าดนตรีเป๋นเรื่องตี้บ่มีประโยชน์" น้องชายเอ่ยแต่ก็ยังยกซึงขึ้นมาจับ

"มันก่อแม่น ข้าอู้ผิดตรงไหน"

"มันช่วยแก้ปัญหาบ้านเมืองบ่ได้ แต่มันอาจเยียะหื้อท่านสบายใจ๋ได้" น้องชายเอ่ยพร้อมดีดซึงเป็นจังหวะ

.
.
.


หญ้าต้นสูงขยับตามการเคลื่อนไหว เขากำมือที่ชุ่มเหงื่อ พยายามรวบรวมสติแล้วตะโกนถาม "สูเป็นไผ ออกมาถ้าบ่อยากโดน...ดาบ"

คำขู่ของเขาทำให้เจ้าหญิงตกใจ

"ท่านมีดาบตวยก๋า"

"บ่มี แต่ขู่มันไว้ก่อน"

"ถ้ามันออกมาแล้วบ่หันดาบล่ะ"

"บ่ฮู้เหมือนกั๋น" เขาตอบ ก่อนจะรู้สึกว่ามีเงาอะไรบางอย่างกำลังยืดสูงขึ้นเหนือร่างของทั้งคู่ เมื่อแหงนหน้ามองอินธรรพ์ก็เบิกตาโพลง เพราะที่เห็นคืองูขนาดเท่าไม้สักต้นใหญ่กำลังชูคออย่างไม่เป็นมิตร

"มันบ่มีดาบ แต่มันมีเขี้ยวเน้อ" เจ้าหญิงบอก

อินธรรพ์มองงูยักษ์ที่มีเขี้ยวยาวงุ้ม ขาของเขาสั่นทำอะไรไม่ถูก ขณะสัตว์เลื้อยคลายค่อยๆ ยื่นหัวใกล้เข้ามา และเพ่งมองทั้งคู่

"ข้า...กลัวงู" เขาเอ่ยทั้งที่ยังยืนตัวแข็ง

เจ้าแก้วจันตากลอกตาพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะหยิบย่ามที่คล้องคอเขามาควานหาอะไรบางอย่าง เมื่อหยิบขึ้นมา อินธรรพ์จึงเห็นว่ามันเป็นดาบเล่มงาม เธอชักดาบออกมาจากฝักทันใดนั้นเปลวไฟก็ลุกพรึบ

เจ้าหญิงกวัดแกว่งดาบไฟไปมาเพื่อข่มขู่ เมื่อเจ้างูยักษ์เห็นแสงไฟก็รีบหนีเข้าไปในป่าหญ้า หลังจากทุกอย่างกลับมาสงบเหมือนเดิม เธอจึงเก็บดาบเข้าฝัก

เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้นักดนตรีอ้าปากค้าง

"เก่งก่อบ่บอก"


.
.
.




โดยรวมชอบมาก เรื่องสนุก อ่านเพลิน พระเอกตลก น่ารักดีค่ะ ปลื้ม



Create Date : 08 กันยายน 2558
Last Update : 9 กันยายน 2558 10:40:05 น.
Counter : 2709 Pageviews.

5 comments
  
ชอบหน้าปกมากเลยคุณโอ สวยมาก
โดย: PZOBRIAN วันที่: 9 กันยายน 2558 เวลา:23:51:57 น.
  
แอบอ่านปกหลังจากร้านหนังสือ
ก็นึกว่าเศร้า ซึ้ง ตรึง จิต สรุปว่า ฮา!

OK สนใจเลย จดชื่อไว้ก่อน 5555
โดย: Prophet_Doll วันที่: 10 กันยายน 2558 เวลา:15:49:33 น.
  
คุณพี หน้าปกเรื่องนี้เป็นป่าเขาลำเนาไพร เข้ากับเนื้อเรื่องมากค่ะ เพราะพระนางนี่บุกป่าฝ่าดงกันค่อนเล่ม

คุณ Pd คิดว่าแนวรันทด เศร้าเหมือนกันเลยค่ะ แต่ฮาจริงๆ นะคะ ชอบพระเอก เปิ่นๆ ชอบทำตลกแบบไม่รู้ตัว แต่น่ารัก
โดย: ออโอ วันที่: 10 กันยายน 2558 เวลา:17:27:48 น.
  
เคยอ่านประมาณอู้คำเมืองกันก็เรื่องเพลิงฉิมพลีค่ะ ก็ว่าน่ารักดีนะคะภาษาเหนือ เรื่องนี้ดูจากปกไม่คิดว่าจะมาแนวคอเมดี้เลยค่ะ
โดย: kunaom วันที่: 10 กันยายน 2558 เวลา:19:23:00 น.
  
คุณอ้อม ไม่เชิงคอมเมดี้นะคะ จะเป็นหลายๆ แนวมาปนกัน หลักๆ คือผจญภัยแฟนตาซีค่ะ แต่โอตลกตาพระเอกนี่แหละ ฮาแบบน่ารักดีค่ะ
โดย: ออโอ วันที่: 13 กันยายน 2558 เวลา:9:40:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments