เมื่อละอาสวะกิเลสหมดแล้ว ก็ชื่อว่าละกิเลสประการต่างๆด้วย ละกิเลสที่เป็นกิเลส 10โยคะ 4 สังโยชน์ 10 เป็นต้น
ซึ่ง คำว่า พระขีณาสพนั้นไม่ได้ใช้จำเพาะเจาะจง เพศบรรพชิต พระภิกษุ เท่านั้น แม้แต่ เทวดา พระพรหม เป็นต้น รวมทั้งฆราวาสก็ชื่อพระขีณาสพได้หากเป็นผู้สิ้นกิเลสแล้ว เท่านั้น ใครก็ตามที่ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว ชื่อว่าพระอรหันต์
พระขีณาสพ ชื่อว่า นาค ล้วนแล้วแต่ แสดงถึงความเป็นผู้สิ้นกิเลสทั้งสิ้น
ซึ่งผู้ที่จะถึงความไม่มีกิเลส ละอาสวะกิเลสได้หมดสิ้นนั้นจะต้องเริ่มจากาการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ทีละเล็กละน้อยๆก็จะค่อยๆละอาสวะกิเลสประการต่างๆ ตามลำดับของปัญญาที่เจริญขึ้นนั่นเอง
พระสุตตันตปิฎกมัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๙๙
ท่านละได้ ถอนขึ้นได้ สงบระงับ เป็นของไม่ควรเกิดขึ้นอีก อันท่านเผาแล้วด้วยไฟคือญาณ
ด้วยเหตุนั้น พระอรหันต์นั้น ท่านจึง เรียกว่า พระขีณาสพ.
พระอรหันต์ คือ พระอริยบุคคลชั้นสูงสุด สามารถละสังโยชน์ได้ครบ 10 ประการ
แบ่งตามสถานะ มี 3 ประเภท
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า
พระอรหันตสาวก
พระครูปลัดสัมพิพัฒนธรรมาจารย์ (ประเสริฐ มนฺตเสวี), พระนิพพาน, 2556, หน้า 29
พระอรหันต์2 คือ
1. สุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วนแล้วได้ปฐมฌานเมื่อบรรลุอรหัตตผล เรียกอีกอย่างว่า วิปัสสนายานิก
2. สมถยานิก ผู้มีสมถะเป็นญาณผู้เจริญสมถะกรรมฐาน จนได้ฌานก่อนแล้ว จึงเจริญวิปัสสนาต่อจนบรรลุอรหัตตผลเรียกอีกอย่างว่า อุภโตภาควิมุต
พรรณนาคาถาว่า เย ปุคฺคลา, อรรถกถาขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ รัตนสูตรในขุททกปาฐะพรรณนารัตนสูตร
พระพรหมคุณาภรณ์(ประยุทธ์ ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่18, กรุงเทพฯ : มูลนิธิการศึกษาเพื่อสันติภาพพระธรรมปิฎก (ป. อ.ปยุตฺโต), 2553. หน้า 79-80. ISBN 974-8357-89-9
พระอรหันต์4 คือ
1. สุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน
2. เตวิชชะ ผู้ได้วิชชา 3
3. ฉฬภิญญะ ผู้ได้อภิญญา 6
4. ปฏิสัมภิทัปปัตตะ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4
พระอรหันต์5 คือ
1. ปัญญาวิมุต
2. อุภโตภาควิมุต
3. เตวิชชะ
4. ฉฬภิญญะ
5. ปฏิสัมภิทัปปัตตะ
พระอรรถกถาจารย์แสดงความหมายของพระอรหันต์ไว้5 นัย คือ
1. ไกลจากกิเลส
2. กำจัดกิเลสได้หมดสิ้น
3. เป็นผู้หมดสังสารวัฏ คือ การเวียนว่ายตายเกิด
4. เป็นผู้ควรแก่การบูชาพิเศษของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย
5. ไม่มีที่ลับในการทำบาป ไม่มีความชั่วเสียหายที่จะต้องปิดบัง
...