เรียนภาษาไปเท่าไหร่ ทำไมไม่เก่งสักที??
คงมีหลายๆคนมีคำถามนี้อยู่ในใจ
ว่าทำไม๊ ทำไมเรียนภาษาไปเท่าไหร่ๆ เหมือนไม่ได้มีอะไรกระเตื้องขึ้นมาสักที






ก่อนอื่นเลย เราต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาอังกฤษกันก่อนนะคะ
ภาษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษอื่นๆที่เราสนใจเรียนนั้นถือว่าเป็นทักษะ (skill) อย่างนึง
ซึ่งจะต้องอาศัยการฝึกฝน (practice) เราถึงจะได้ความสามารถทางภาษา (Language proficiency) มาเป็นของเรา
ดังนั้น ถ้าอยากจะเก่ง ต้องฝึก ฝึก และ ฝึก (Practice, practice and practice)
อย่างที่ฝรั่งเขาบอกว่า Practice makes perfect. นั่นล่ะค่ะ
ยิ่งฝึกบ่อยเท่าไหร่ก็จะเก่งขึ้นเท่านั้น
อันนี้หญิงขอ confirm (หมอกฤษณ์ไม่ต้อง หมอหญิงเฟิร์มเอง)






ลองคิดดูนะคะ บางคนเรียนภาษาที่เมืองไทยมาเป็นสิบๆปี
ยังพัฒนาได้ไม่เท่ากับไปการไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศแค่ปีสองปี
ทำไมมันเป็นแบบนั้นไปได้???
มันต้องมีปัจจัยอะไรสักอย่าง






นั่นก็คือ ....... นักเรียนไทยส่วนมากขาดการฝึกฝน
เพราะว่าการเรียนภาษาที่เมืองไทย สัปดาห์ละไม่กี่ชั่วโมง
การฝึกเลยถูกจำกัดไว้แค่ภายในห้องเรียนเท่านั้น
พอก้าวออกมานอกห้องปุ๊บ การเรียนก็จบลงทันที!
เนื้อหาต่างๆที่เรียนมา ก็ไม่ได้เอามาใช้ ไม่ได้มาฝึก
แต่กลับถูกเก็บเข้ากรุ ล็อคกุญแจไว้แน่นหนาแทน
ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเราจะเก่งได้ยังไง๊....ใช่มั้ยคะคุณ






อะอะ อย่าเพิ่งใจร้อนคิดว่าหญิงจะเชียร์ให้ต้องเสียสะตุ้งสตางค์แพงๆ
เพื่อไปเรียนภาษาที่เมืองนอก เมืองนากันนะคะ
ทุกปัญหา มีทางออกค่ะ






ไม่ว่าจะอยู่เมืองไทยหรือที่ไหนๆก็ฝึกกันได้ทั้งนั้นล่ะค่ะ
ง่ายๆเลย เราก็แค่ สร้างโอกาสในการฝึกใช้ภาษาอังกฤษให้กับตัวเอง
เช่น ทุกๆเช้า ลองเปลี่ยนจากไทยรัฐ เดลินิวส์ สยามดารา อัพเดทข่าวไทยเทศน์
แล้วหันมาอ่าน Bangkok Post หรือ The Nation ดูบ้างก็จะดี
อ่านตะบี้ตะบัน อ่านมันไปก่อนเหอะนะคะ ไม่ต้องกังวลถ้าหากมีบางช่วงบางตอนที่ยังไม่เข้าใจ






และถ้าวันไหนเกิดอยากดูหนังฝรั่ง ก็ลองตัดใจไม่อ่านคำแปลด้านล่าง (subtitle) ดูซะ
ถือโอกาสฝึกฟัง (Listening Skill) ไปซะเลย
หรือ ถ้าบังเอิญเดินเจอฝรั่งทำท่างกๆเงิ่นๆ เหมือนจะขอความช่วยเหลือ
แทนที่จะโกยอย่างทุกครั้ง
ลองเป็นหน่วยกล้าตาย ใส่เกียร์เดินหน้าเข้าไปคุยหรือทักทายเขาดูซิคะ






ช่วงแรกๆของการฝึกอาจจะรู้สึกอึดอัดบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง
อย่าเพิ่งท้อนะคะ
เป็นเพราะว่าทั้งสมองและจิตใจของเรายังไม่ชินกับความเปลี่ยนแปลงน่ะค่ะ
ฝึกต่อไปเรื่อยๆก่อน แล้วจะดีเอง
(หมอ)หญิงขอคอนเฟิร์มอีกที






คราวหน้าี้หญิงจะมาบอกเคล็ดลับดีๆเพิ่มเติม พร้อมกับเว็บไซต์เจ๋ง
ที่จะช่วยทำให้การเรียนและฝึกภาษาอังกฤษในแบบสนุกและได้ผลค่ะ..











อย่าลืมนะคะ Keep practicing!
...
..
.






Create Date : 28 มิถุนายน 2552
Last Update : 1 กรกฎาคม 2552 22:58:30 น.
Counter : 787 Pageviews.

9 comments
  
น่าสนใจมากครับจะรออ่านวิธีฝืกครับ
โดย: -*- IP: 124.120.20.126 วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:22:11:09 น.
  
จะมาอ่านอีกน่าสนใจดีค่ะ
ขอ add เป็นเพื่อนแล้วนะค่ะ

ขอบคุณที่มาชมชุด นะคร้าาาา........^_^
โดย: เม้าท์ค้าง...อีกแล้ว วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:01:57 น.
  
เขียนอีกนะคับ ได้ความรู้ดี
โดย: m IP: 58.8.146.175 วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:35:53 น.
  
thanks for your trip
โดย: E Y ร้ายยยยบริสุทธิ์ IP: 61.7.164.202 วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:25:00 น.
  
คงเป็นอีกคนค่ะ ... ที่ขาดการฝึกฝน


.. เข้าใจที่คนอื่นพูด


.. แต่เวลาพูดเอง ทำไมรู้สึกตัวเองเรียงคำไม่ถูก
โดย: ต้นข้าว_ต้นนั้น วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:09:13 น.
  
ตามมาอ่านค่ะ


โดย: asita วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:45:20 น.
  
ขอบคุณมากครับ
ได้ความรู้ดีมาก
โดย: kamol2w IP: 115.67.173.89 วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:45:33 น.
  

... จงให้เวลากับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ แต่ละคนมีวิธีการเฉพาะของตัวเอง ...


... จำเขามาครับ ... เอามาบอกต่อ เผื่อเป็นประโยชน์บ้าง ...
โดย: เคมีรามคำแหง วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:42:36 น.
  
การฝึกทำได้รอบตัวเราแหละครับ ไม่จำเปนต้องไปเรียนถึงเมืองนอกหรอกครับ

การฝึกฝนนี่สำคัญมากๆเลยล่ะ
โดย: ลุงเค้ก วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:23:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

onsutee
Location :
สุราษฏร์ธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



หญิงคือใคร??
ตั้งแต่เกิดมาหลายคนที่รู้จักก็เรียกต่างกันไป
มีทั้งที่เรียก พี่หญิง น้องหญิง ครูหญิง อาจารย์หญิง
และไม่เว้นแต่ไอ้หญิง

หญิงคือเด็กบ้านน้อก...บ้านนอกคนนึงที่มีฝันไกล
อยากไปเมืองนอกเมืองนา
อยากพูดภาษาได้แบบฝรั่ง

จนมาวันนึงจับผลัดจับผลู ส่งสลากชิงโชคก็ได้มาเรียนในกรุงเทพเมืองฟ้าอมร
จบปริญญาตรีเป็นครุศาสตร์บัณฑิตก็ดั๊นคิดอยากเรียนต่อโท
เลยต้องดิ้นรนกัดฟัดสู้ เพื่อจะได้ไปสู่อเมริกา...
เที่ยวไป เล่นไป ทำงานไป ได้เกือบสามปี
จบสักทีได้ดีกรีปริญญาโท (การสอนภาษาอังกฤษ..)

มันเอาอีกละ ต่อมฝันยังทำงานต่อ
ตอนนี้หญิงอยากมีคำว่า "ดอกเตอร์"มาประดับนำหน้าชื่อ!!
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร หญิงจะล่าฝันได้สำเร็จหรือไม่
โปรดติดตามตอนต่อไป...


อ้อ.....
ยินดีต้อนรับ และ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ


ถ้ามีปัญหากวนใจเรื่องการเรียนหรือการใช้ภาษาอังกฤษ
อย่าเก็บไว้ค่ะ บอกหญิงมาเลย
ยินดีรับฟังทุกเรื่องค่ะ :)

Onsutee Ying Wattanapruck

Create Your Badge

มิถุนายน 2552

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
MY VIP Friend