"ไม่สวย" หรือแค่ "รู้สึกว่าไม่สวย"
มีคนสงสัยกันเยอะว่า ชะนีรักความงามแต่งหน้าแต่งตัวจัดจ้านมากๆแบบพลอย ทำไมออกแนวแอนตี้การเสริมความงามแบบเกินพอดี นอกจากนั้นที่แปลกมากคือไม่ค่อยใช้สกินแคร์(ทั้งที่หน้าแย่มากๆด้วย) ไม่รู้จะตอบแบบไหนดี.. เลยขอเล่าถึงบทสนทนานี้ให้ฟังแทนคำตอบแล้วกันค่ะ.. *****************************************
เมื่อไม่นานมานี้นั่งคุยประเด็นความงามกับพี่สาวนางหนึ่ง เริ่มตั้งแต่ประเด็นเบาๆอย่างลิปสติกสีไหนสวย รองพื้นรุ่นไหนดี คุยไปคุยมาก็ใหญ่โตบานปลายไปถึงคลิปที่พลอยพูดเรื่องขยะ และพูดเรื่องการเสริมความงามที่เราไม่ชอบ
คราวนี้เลยยาวเลยล่ะค่ะ.. คุยกันจนสรุปได้ว่า..
จริงๆแล้วเทคโนโลยีพวกนี้มันแล้วแต่คนเลือกใช้ทั้งนั้น คือมันจะเวิร์คมากๆกับคนที่มีปัญหาจริง
แต่กับชะนีสวยๆที่ไม่เคยรู้สึกและพอใจกับความสวยของตัวเอง พวกนี้พลอยเจอมาเยอะนะ ผิวดีๆ ขาวธรรมชาติ ก็ฉีดกลูต้าจนขาวแบบฉีดๆ หรือหน้าเรียวเล็กมีแก้มนิดๆน่ารัก ก็ฉีดจนหน้าตอบๆแปลกๆ เฮ้อ..
สำหรับชะนีเหล่านั้น.. ของพวกนี้มันก็เหมือน"ที่พึ่งทางใจ" ได้ผลแค่ไหนไม่สำคัญ ขอแค่ได้ทำเถอะ จนเราจะเห็นดาราและพริตตี้มีหน้าตาเหมือนกันไปหมด และขาวเว่อร์เหมือนกันไปหมด
-"- เรื่องความขาวนี่ก็เป็นอีกประเด็นที่เราไม่เข้าใจ.. ว่าจะผิวขาวกันไปถึงไหน อยากผิวขาวถึงขั้นเอาเข็มจิ้ม(กันเอง) คือมันน่ากลัวมากๆเลยนะเรื่องนี้ เพราะการฉีดยาผิดวิธีมันอันตรายมาก อาจติดเชื้อ(อันนี้น่ากลัว) หรืออาจช็อคได้เลย(อันนี้น่ากลัวมากกกก) จริงๆประเด็นอยากขาวเว่อร์ๆเราเเอนตี้มานานแล้ว คือก็ไม่ได้ว่า ว่าอยากผิวขาว แต่อยากให้พอดีๆกันมากกว่า พอดีๆไม่พอ เราอยากให้เพิ่มความ"พอใจ"ในสีผิวตัวเองด้วย เราเป็นคนหนึ่งเลยที่คิดว่าผิวสองสีแบบไทยแท้มันงามจะตาย..
ประเด็นนี้เลยคุยต่อว่าความสวยนี่มันไม่สำคัญเท่าความรู้สึกว่าตัวเองสวยหรอกนะ เพราะถ้าขาดข้อหลังแล้ว แม้ชะนีนางนั้นจะงามเพียงใด เธอก็จะรู้สึกว่าเธอไม่สวยๆ และวิ่งตามความสวยจนเกินพอดีไม่มีสิ้นสุด หลังจากนั้นก็แอบกัดคุณพี่ไปด้วยว่า "เจ้เองก็เหอะ ไดเอทจนหุ่นดีขนาดนี้ เจอกันทีไรยังเห็นบ่นอยู่ได้ว่าแขนย้อย ขาใหญ่ พุงเป็นชั้น คนอย่างเจ้ก็โรคจิตนิดๆเหมือนกันนะ สิ่งที่ควรหาตอนนี้ไม่ใ่ช่ความผอม แต่เป็นความรู้สึกพอใจในหุ่นสวยๆของตัวเองมากกว่า" พี่สาวถึงขั้นทำหน้าิอึ้งทึ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่าโดนพลอยด่า(555)
พูดเป็นสาระกันดิบดีมาถึงตรงนี้.. พี่สาวก็มองหน้าพลอย..ทำหน้าอยากด่ากลับ..แล้วพูดว่า "พลอย แต่แกควรบำรุงผิวหน่อยมั้ย ริ้วรอยแกก็มีแล้วนะ"
(โอ้วว ชีด่ากลับจริงๆด้วย)
โอ้วว จอร์จ จากนั้นพี่สาวมีการหยิบกระจกมาส่งให้ แล้วชี้รอยเล็กๆบนหน้าผากให้ดู จริงๆรอยพวกนี้มันเกิดจากการที่พลอยเป็นคนโอเวอร์แอ็คติ้งค่ะ รู้สึกอะไรจะแสดงออกทางสีหน้าหมด โดยเฉพาะการขมวดคิ้วที่ขมวดมาแต่เด็ก พอถึงตอนนี้ริ้วรอยจากการขมวดคิ้วเลยมาไวเคลมไวกว่าชาวบ้าน จริงๆพลอยเองก็รู้นะว่า พวกครีมบำรุงต้านริ้วรอยก่อนวัย เราควรจะทาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ อายุ25ขึ้นไปก็เริ่มได้แล้ว แต่ด้วยความที่เราเป็นคนไม่มีปัญหากับริ้วรอย เลยปล่อยจนอายุ26ปลายๆแล้วยังไม่ได้เริ่ม ถึงตรงนี้พี่สาวพูดน่าคิดว่า "เพราะตอนนี้ริ้วรอยแกมันแค่นี้ไง ถ้าปล่อยจนมันเยอะ แกยังจะมีความสุขกับมันอยู่มั้ย ถ้าอายุ 40 กว่าแล้วตีนกาเพียบ รอยพรึ่บ มาแก้ตอนนั้นมันก็ไม่ทันหรอกนะ ทางเดียวที่ทำได้คือโบทอกซ์ที่แกไม่ชอบนั่นแหละ" เออ..จริง เราเองอายุ 26 มันก็ถึงเวลาของเราแล้วสินะ มัวแต่ห่วงเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องน้ำหนัก เรื่องเรียน เรื่องๆๆๆๆๆๆ อีกสารพัดเรื่อง จนมองข้ามไปว่าเรื่องริ้วรอยก็ควรห่วงเช่นกัน
จริงๆแล้วเรื่องริ้วรอยนี่น่ากลัวกว่าเรื่องผิวไม่ขาวอีกนะ(ถ้าจะตระหนักกันนิดนึง) ซึ่งจริงๆแล้วเทรนด์ระแวงริ้วรอยตอนนี้มาแรงก็ขึ้นมา(บังเอิญไปอ่านงานวิจัยของโอเลย์มา) ก็เป็นเรื่องน่าดีใจนะ.. เพราะจะลงทุนตั้งแต่อายุน้อยๆกันน่าจะเวิร์คกว่าไปอัพเครื่องหน้าตอนแก่ -"-
ลองคิดภาพตัวเองตอนอายุมากๆขึ้นไป คนไม่ค่อยมองแล้วว่าผิวขาวมั้ย เค้าจะไปมองเรื่องความตึงเหี่ยวมากกว่า ดังนั้นการ"ลงทุน"เพื่อความสวยในอนาคต ควรเพิ่มความกลัวเหี่ยวเข้าไปบ้าง ตัดความกลัวดำออกบ้างก็ดี
****************************************** จริงๆแล้วการที่เราจะรู้สึกสวย เราเองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีพอที่จะทำให้เรารู้สึกได้เหมือนกัน ไม่ใช่ปล่อยตัวจนเกินไปแล้วมาสร้างภาพหลอกตัวเองว่าพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น ในทางกลับกัน.. ถ้าเราดูแลตัวเองได้ดีพอ เราก็ไม่ควรไปดูคนอื่นแล้วกลับมามองตัวเอง รู้สึกเปรียบเทียบตลอดเวลาว่าไม่ดี ไม่ผอม ไม่ขาวอย่างใครเขา หันกลับมาดูแค่ตัวเราและมีความสุขกับความสวยที่เรามี และพอใจกับมันจะดีกว่า
สรุปที่คุยกันเลยได้บทเรียนเป็นการลด"ความสุดโต่ง"ของทั้งสองฝ่ายลง คือพี่สาวจะลดความโรคจิต..beauty obsessed ส่วนพลอยจะลดความขี้เกียจในการใช้สกินแคร์ลงบ้าง ซึ่งในที่สุดแล้วมันก็กลับมาที่หลักธรรมะได้อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือ "ทางสายกลาง" ไม่มากไป ไม่น้อยเกิน หาสมดุลในชีวิต..ในความงามให้เจอ แล้วเราจะสวยอย่างสุข ไม่ใช่ทุกข์ทรมานเพราะรู้สึกไม่สวยตลอดเวลา เจอกันครั้งหน้าจ๊ะ (จบง่ายๆตลอดเวลา) *************************************<
Create Date : 29 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2554 13:02:31 น. |
|
17 comments
|
Counter : 1869 Pageviews. |
|
|
แต่ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ถ้าคนเราไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ ก็จะต้องดิ้นรนไปเรื่อยๆ มันก็ไม่มีวันจบสิ้น อย่างดาราบางคนที่ดูน่ารักอยู่แล้วเนี่ย จะทำไปทำไมก็ไม่รู้ เสียดายหน้าเก่ามากมาย ถ้าเรามีหน้าตาจิ้มลิ้มแบบนี้เราก็คงไม่ทำหรอก.....เสียดาย