มะเร็งปากมดลูกรอบส่งท้าย : ปัญหาที่ถามกันจริง..และคำตอบที่จริงมากๆ
สวัสดีค่าาาา
ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่พลอยจะมาบอกต่อ เรื่องมะเร็งปากมดลูกตามที่สัญญาไว้ค่ะ
ครั้งหน้าอาจมาใหม่อีกนานนิดนึง (ตามประสาคนขี้เกียจและงานยุ่ง) แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ คิดได้เมื่อไหร่จะมาย้ำเรื่อยๆ
ว่าโรคนี้อันตรายและน่ากลัวมากๆ แต่ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน อย่าลืมอย่าเลือนกันไปนะจ๊ะ
ว่าแล้วครั้งนี้มาดูกันดีกว่า ว่าคำถามที่รวยรวมมาจากผู้ถามจริง ในประเด็นเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก มีอะไรบ้าง และมีข้อเท็จจริงประการใดค่ะ ............................................................................. คำถามที่พบบ่อยๆ ที่ถามโดย Real User Online ตรวจภายในมันเจ็บไหมคะ ไม่เจ็บหรอก ถ้าไม่เคยตรวจมาก่อนก็บอกหมอด้วย หมอจะได้ให้คำแนะนำเป็นพิเศษ ใช้เวลาในการตรวจแค่แป๊บเดียวก็เสร็จ ค่าตรวจราคาโดยประมาณเท่าไหร่คะ ขึ้นกับโรงพยาบาล โรงพยาบาลเอกชนทั่วไปการตรวจแป๊บเสมียร์ไม่เกิน 200 บาท
- มะเร็งปากมดลูกเกิดจากเพศสัมพันธ์เหรอ เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ (แม้จะใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่อาจป้องกันเชื้อเอชพีวีได้ 100%) แต่ก็พบว่าผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน โดยอาจได้รับเชื้อเอชพีวีจากทางอื่น เช่น อาจใช้ห้องน้ำ หรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ (แต่โอกาสเกิดน้อยกว่ามาก) - ฉีดแล้วจะคุ้มหรือเป่าคะ ปัจจุบันราคาวัคซีนถูกลงมามากแล้ว เมื่อทียบกับการป้องกันมะเร็งได้ก็ถือว่าคุ้มมาก ๆ
- ถ้าตรวจคัดกรองแล้วจำเป็นต้องฉีดวัคซีนด้วยหรือเปล่า หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ 4 ป้องกันต่างกัน ตรวจคัดกรองเป็นการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกหลังจากที่มีการติดเชื้อเอชพีวีแล้ว ซึ่งถ้าตรวจเจอก็ต้องเข้ารับการรักษา การฉีดวัคซีน เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อมาติด เป็นการป้องกันที่ต้นเหตุโดยตรง ถ้าไม่มีเชื้อมาติดก็จะไม่มีความผิดปกติของเซลล์ แต่ทั้ง 2 วิธีก็ไม่มีวิธีใดป้องกันได้ 100% เพราะฉะนั้นดีที่สุดควรทำร่วมกัน ลองคิดดูว่าถ้าเราตรวจคัดกรองอย่างเดียว วันหนึ่งหมอบอกว่ามีความผิดปกติ ให้รอผลละเอียดอีกครั้ง ระหว่างที่รอลุ้นผลอยู่ เราจะมีความสุขหรือไม่ คงจะกังวลและกระวนกระวายใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และเมื่อผลสรุปออกมา แม้จะเป็นเพียงความผิดปกติขั้นต้น ก็ต้องรับการรักษาและไปพบหมอบ่อย ๆ เพื่อคอยติดตามอาการ ดังนั้นถ้าให้ดีที่สุดก็ควรที่จะฉีดวัคซีนควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้เชื้อมาติดเราเลยดีกว่านะ
- ข้อแตกต่างของ วัคซีนทั้งสองชนิดคืออะไรบ้าง และวัคซีนแบบไหนของยี่ห้อไหนดีกว่า Cervarix ป้องกันสายพันธุ์หลักคือ HPV 16, 18, 45, 31 สาเหตุอันดับ 1, 2, 3, 4 ของมะเร็งปากมดลูกได้ดี ใช้สารกระตุ้นภูมิรุ่นใหม่ ทำให้ภูมิคุ้มกันสูงและอยู่ได้ยาวนาน ตัวนี้เน้นที่การป้องกันมะเร็งปากมดลูก ไม่ป้องกันหูด Gardasil ป้องกัน HPV 16, 18 สาเหตุของมะเร็ง และ HPV 6, 11 สาเหตุของหูด แต่การป้องกันมะเร็งไม่ค่อยดี ภูมิขึ้นไม่สูง ตัวนี้เน้นป้องกันหูด
ถ้าอยากป้องกันหูดก็เลือกตัวนี้ (แต่หูดรักษาหายได้) อยากป้องกันหูดหรือมะเร็งปากมดลูกก็เลือกเอา
- เป็นหูดบ่อย ๆ มีโอกาสจะเป็นมะเร็งไหมคะ 7 หูดเกิดจากไวรัส HPV สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง แม้จะเป็นบ่อย ๆ ก็ไม่ทำให้เกิดมะเร็งครับ
- ถ้าวัคซีนของ Gardasil ป้องกันสายพันธุ์ ได้มากกว่า แสดงว่าก็ต้องดีกว่าใช่ไหมคะ สายพันธุ์ไวรัส HPV ที่ Gardasil ป้องกันได้เพิ่มขึ้น คือ HPV 6, 11ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง แต่เป็นสาเหตุของหูด Gardasil จึงมีข้อดีที่สามารถป้องกันหูดได้ (แต่หูดถ้าเป็นขึ้นมาก็รักษาง่าย) แต่การป้องกันมะเร็งปากมดลูกจะสู้ Cervarix ไม่ได้ เพราะ Cervarix กระตุ้นให้ภูมิสูงกว่า และสามารถป้องกัน HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็งอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะสายพันธุ์ HPV 45 ที่ทำให้เกิดมะเร็งชนิดอะดีโน ที่ Gardasil ป้องกันไม่ได้
- ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่จะป่วยเป็นมะเร็งชนิดอะไรอันดับหนึ่ง 10 ปัจจุบันพบจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเป็นอันดับ 1 มะเร็งปากมดลูกเป็นอันดับ 2 แต่ถ้าดูจำนวนผู้เสียชีวิต จะพบว่าผู้หญิงเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก มากกว่ามะเร็งเต้านม
- วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้หรือไม่ เช่นมะเร็งทรวงอก วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกอาจป้องกันมะเร็งอื่นที่มีสาเหตุจากเชื้อ HPV ได้เช่นกัน เช่น มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด แต่ไม่สามารถป้องกันมะเร็งทรวงอกได้
- ทำไมวัคซีน Cervarix ถึงป้องกันมะเร็งชนิดอะดิโนได้ ทั้งที่จริงๆแล้ว Cervarix ป้องกันแค่ สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 HPV สายพันธุ์ 16, 18, 45, 31 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดีโนถึง 90% Cervarix สามารถป้องกัน HPV สายพันธุ์เหล่านี้ได้ จึงป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดีโนได้ (เนื่องจาก Cervarix ใช้สารกระตุ้นภูมิรุ่นใหม่ จึงป้องกันได้มากกว่าสายพันธุ์ 16, 18 ที่มีอยู่ในวัคซีนได้ด้วยคือ 45, 31)
- ช่วงระหว่างตั้งครรภ์สามารถฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ไหมคะ 2 ถ้าตั้งครรภ์ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปจนกว่าจะคลอดและหยุดให้นมลูกแล้ว
- ในการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เมื่อฉีดของยี่ห้อหนึ่ง ไปแล้วจะไปอีกยี่ห้อหนึ่งได้ไหมคะ 3
ไม่เคยมีการศึกษาในเรื่องนี้ จึงไม่มีข้อแนะนำ แต่ตามทฤษฎีก็น่าจะได้ ให้ถามคุณหมอ
- เราจะทราบได้อย่างไร ว่า วัคซีนที่เราฉีดไปนั้นหมดภูมิคุ้มกันแล้ว ข้อมูลปัจจุบันพบว่า ผู้หญิงที่ได้รับ Cervarix ยังมีภูมิคุ้มกันในระดับสูงอย่างน้อย 8 ปี และยังติดตามอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเรื่อย ๆ อาจอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฉีดกระตุ้นซ้ำ
- ระยะเวลาในการ ฉีดป้องกันมะเร็งปากมดลูกควรเริ่มฉีดตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ฉีดได้ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- ถ้าเคยมีเพศสัมพันธ์แล้วฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกยังทันหรือเปล่าคะ ยังได้ประโยชน์อยู่แน่นอนครับ
- เวลาจะไปฉีดบอกคุณหมอว่าอย่างไรคะ แล้วราคาต่อเข็มเท่าไหร่ รพ.เอกชนทั่วไปหรือเปล่าค่ะ บอกว่าต้องการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ทำให้ภูมิสูง (Cervarix) ราคาเข็มละประมาณ 2,300 ต่อเข็ม ขึ้นกับแต่ละโรงพยาบาล บางรพ.ขายเป็นแพคเกจ 3 เข็ม ก็จะประหยัดมากขึ้น """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" ปวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้สาวๆไม่มากก็น้อย ฮย่าลืมบอกต่อยังคนที่คุณรักด้วยนะคะ ^^
Free TextEditor
Create Date : 24 มกราคม 2554 |
Last Update : 24 มกราคม 2554 16:19:23 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1050 Pageviews. |
|
|