OLOS in ประจวบคีรีขันธ์ [ พาเที่ยว & พาชิม ] ... " ประจวบ เมืองที่มีมากกว่าทะเล " ...

//pantip.com/topic/33497152

 สวัสดีครับอมยิ้ม01

เริ่มเข้าสู่วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์กันแล้ว ใครกำลังจะเดินทางไปเที่ยวก็ระมัดระวังกันด้วยนะครับ

แต่ถ้าใครไม่ได้ไปไหน วันนี้จะชวนไปเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กันครับ

โดยทั่วไปแล้วเวลามาเที่ยวประจวบ หลายคนก็คงอยากมาเที่ยวทะเล หาดทรายสวยๆ เล่นน้ำกันเพลินๆ

แต่ถ้าไม่ชอบเล่นน้ำ  เดินหาด  ที่ประจวบยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง

ส่วนผมทริปนี้ขอสบายๆ เน้นกินเป็นหลัก และเที่ยวบ้าง ถ้ามีเวลา 555+

ถ้าอยากรู้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ก็รีบเก็บกระเป๋าแล้ว ก้าวขึ้นรถไปเที่ยวด้วยกันเลยนะครับ เพี้ยนแว๊น



แผนการเดินทางวันแรกนี้

กรุงเทพ-ร้านลูกปลา-ร้านรัชนีของฝาก-บึงบัว-ตรีชวา รีสอร์ท

//goo.gl/maps/3Vqb9



เช้าวันเดินทาง เราออกจากกรุงเทพกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะมีเวลาเที่ยวเยอะๆ
เป้าหมายแรก มาเติมพลังมื้อเช้ากันที่ร้านประจำ "ลูกปลา" สมุทรสาคร  
แต่เรามาถึงตั้งแต่ 7 โมง ร้านยังไม่เปิด เลยหาอะไรฆ่าเวลาแถวนี้ก่อน
มาเจอซอยข้างๆ เขียนว่าหาดรางจันทร์ เลยเข้าไปดูกันสักหน่อย

ขับเข้ามาไม่ไกล ก็ถึง ชายทะเลรางจันทร์ บริเวณนี้เป็นสะพานเทียบเรือ
เดินออกไปสัมผัสบรรยากาศริมทะเล ฟังคลื่นซัดไปมา ก็ดูสดชื่นดี  
แถวนี้ยังมีป่าโกงกาง ซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้าแห่งป่าชายเลน อย่างปูก้ามดาบ กับปลาตีน อีกด้วย
นั่งเฝ้ามองพวกมันเดินไปเดินมา  ก็เพลินดีเหมือนกัน













เผลอแปบเดียวก็เกือบ 8 โมงแล้ว ท้องเริ่มร้องละ
ก่อนออก มีวัดเล็กอยู่ตรงนี้ด้วย เลยแวะไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อน



ตามข้างทาง...แถบนี้ทำนาเกลือกันเป็นส่วนใหญ่
ทำให้มีนกมาอาศัยวนเวียนอยู่แถวนี้เยอะ
ตอนเรามาเห็นแล้วล่ะ ว่าเจ้านกสามตัวนี้มันยืนกันนิ่งเชียะ
จนจะกลับ มันก็ยังยืนเรียงกันสามตัวอยู่เหมือนเดิมเลย สงสัยกำลังพักขา 555+
แถวนี้เจอนกเยอะแยะเลย ใครชอบถ่ายนกแวะเวียนมาแถบๆนี้ได้







ออกจากซอย มาถึงร้านลูกปลา ร้านเปิดพอดีเลย จัดแจงสั่งอาหารกันด้วยความรวดเร็ว
เมนูที่ต้องสั่งทุกครั้ง คือ หอยหลอดผัดฉ่า แซ่บสุดๆ เอาน้ำราดข้าวยิ่งอร่อย
อีกอย่างก็คือ ปลากะพงผัดคึ่นช่าย นี่ก็เด็ดไม่แพ้กัน
และก็ยังมี ปลาหมึกชุบแป้งทอด กับแกงส้มปลากะพง อีกหนึ่งหม้อ
อิ่มพุงกางกันตั้งแต่เช้าเลยทีเดียว











จากสมุทรสาคร เราก็ขับตรงดิ่งยาวมาถึงปราณบุรี เพื่อมาซื้อกล้วยกวนที่ร้านรัชนีของฝาก
พอดีมีคนเอากล้วยกวนมาฝาก ที่บ้านกินแล้วติดใจ เลยต้องดั้นด้นตามมาซื้อถึงที่นี่
พอถึงสี่แยกปราณบุรีเลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆ พอผ่านโค้งแรกไป ร้านจะอยู่ซ้ายมือ
หน้าร้านเป็นตึกชั้นเดียว ภายในมีของฝากหลายอย่าง ทั้งกล้วยกวน สับปะรดกวน ต่างๆ
กล้วยกวนที่นี่จะใช้กล้วยหอมเป็นวัตถุดิบ ทำให้มีกลิ่นหอมกว่ากล้วยทั่วไป
พี่เจ้าของร้านชวนเข้าไปดูที่หลังร้านตอนกำลังกวนด้วย
งานนี้เลยได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านไปหลายอย่าง













ตอนนี้ก็เวลาเที่ยงแล้ว เราเดินทางต่อไปยัง บึงบัว อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
จริงๆเคยมาที่นี่สองครั้งแล้ว แต่ที่บ้านยังไม่เคยมา เลยพามาสักหน่อย
แถมมาช่วงเที่ยงด้วยนะ แดดกำลังดีเชียวล่ะ 555+
แต่ครั้งนี้เราดันดูเส้นทางจาก google มันนำทางมาอีกเส้นนึง ไม่เหมือนรอบก่อน
แรกๆ ก็เป็นทางคอนกรีต เจอทุ่งนาสีเขียว ฉากหลังเป็นภูเขา สวยเชียวแหละ
แต่ขับต่อไป  ทางดีดี เริ่มเป็นถนนลูกรัง ฮือๆ สงสารรถเศร้า







ซึ่งเส้นทางปกติที่จะไปบึงบัว คือ หากมาจากถนนเพชรเกษม ผ่านแยกปราณบุรี ตรงมาประมาณ 20 กิโลเมตร
จะเห็นป้ายโรงเจลุ่ยอิมยี่ เขาสามร้อยยอด ให้เลี้ยวเข้าซอยนั้น ตรงมาเรื่อยๆ จะข้ามทางรถไฟ
ขับลอดซุ้มประตูโรงเจตรงไปตามทาง จะเจอโรงเจลุ่ยอิมยี่ บริเวณหัวโค้ง
ขับตรงไปอีกนิดเดียว ก็จะถึงบึงบัว



ป้ายโรงเจลุ่ยอิมยี่ ปากทางเข้าริมถนนเพชรเกษม



ซุ้มประตูโรงเจ



โรงเจลุ่ยอิมยี่ จะอยู่บริเวณหัวโค้ง



หากเริ่มเห็นวิวแบบนี้แสดงว่าถึงบึงบัวแล้ว
จะมีด่านเก็บค่าเข้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อยู่ตรงทางเข้า
ค่าเข้าผู้ใหญ่คนละ 40 บาท ค่าเข้ารถยนต์ คันละ 30 บาท
สามารถเก็บบัตรนี้ไว้ใช้เข้าชมสถานที่อื่นๆ ในอุทยานได้ ภายในวันเดียวกัน



หลังจากจ่ายค่าเข้า จอดรถเรียบร้อย ก็มานึกว่านี่เราคิดผิดเปล่าเนี่ย
มาเที่ยวบึงบัวตอนกลางวันแสกๆ แถมแดดร้อนจ้า แทบจะไหม้กันเลยทีเดียว
แต่เสียเงินแล้ว จะถอยก็กระไรอยู่ เดินหน้าใส่หมวก กางร่มลุยกันไปเลย
ที่เรียกกันติดปากว่าบึงบัว จริงๆตอนนี้บัวแทบไม่เหลือแล้ว
เห็นข่าวว่าจะมีการปลูกใหม่ แต่เท่าที่เห็นก็ยังเหมือนเดิม
สภาพศาลาและสะพานก็ชำรุดไปมาก
แต่ก็ถือว่ามาเดินเล่นชมบรรยากาศกันเพลินๆ ละกัน























เดินกันจนเหงื่อเต็มหลังแล้ว ก็สัญญาว่า คราวหน้าจะไม่มาตอนเที่ยงแล้ว555+
เวลาที่เหมาะสม คือ ช่วงเช้าๆ เย็นๆ หรือหลังฝนตก จะเหมาะมาก
ขึ้นรถมุ่งหน้าเข้าที่พักกันเลย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง เราก็มาถึงตรีชวารีสอร์ท
เช็คอินเข้าห้องพัก สำรวจห้องกันเรียบร้อย ก็ออกมาหาอะไรกินกันข้างๆรีสอร์ท
เท่าที่อ่านมา ร้านนี้ถูกพูดถึงมากที่สุด หากใครมาพักที่นี่ "ร้านหลบมุม" สาขา 2







ออกจากตรีชวาไปทางซ้าย ด้วยระยะทางแค่ 50 เมตร ใกล้มากๆเลย
บรรยากาศในร้านตกแต่งเรียบง่าย เมนูที่นี่เป็นอาหารทะเลแทบทั้งหมด











เราสั่งอาหารกันหลายอย่าง ทั้ง เนื้อปูผัดผงกะหรี่ ต้มส้มปลากระบอก
ยำทะเลคลองวาฬ ทอดมันปลาอินทรีย์ ปลาทรายทอดกระเทียม
พร้อมข้าวโถใหญ่ ซึ่งไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้



ทอดมันปลาอินทรีย์ โรยกระเพราทอดกรอบมาด้วย  อร่อยหนึบหนับ ให้มาเยอะมากกก



ต้มส้มปลากระบอก รสชาติกลมกล่อม อร่อยสุดๆ ให้เนื้อปลามาเต็มหม้อเลยทีเดียว



ยำทะเลคลองวาฬ  ใส่ตะไคร้หั่นฝอย รวมมิตรมาทั้งกุ้ง หอยแมลงภู่ตัวโตๆ ปลาหมึก และเนื้อปลา จานนี้แซ่บจริงๆ



ปลากรายทอดกระเทียม ทอดมาแบบกรอบๆพร้อมกระเทียมชิ้นโตๆ  กินได้ทั้งตัว



เนื้อปูผัดผงกะหรี่ อร่อย แต่เป็นเนื้อตามขาเล็กๆ ไม่ใช่เนื้อก้อนใหญ่ รสชาติใช้ได้



หลังจากเช็คบิลแล้วได้วุ้นมะพร้าวกะทิมาด้วย  ทั้งหอมทั้งอร่อย จนอยากซื้อกลับ ไม่รู้มีขายไหม



ค่าเสียหายตามนี้ แต่อิ่มจนพุงกาง เดินกลับแทบไม่ไหว 555



กลับมาที่พัก ก็เตรียมเก็บภาพแสงช่วงเย็นกันต่อเลย
ชมรีวิว ตรีชวา รีสอร์ท แบบ เต็มๆ ได้ที่นี่
//pantip.com/topic/33474863













ช่วงเช้าตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมหาดคลองวาฬ
พร้อมจัดการมื้อเช้าที่รีสอร์ทให้เรียบร้อย
ชอบแซนวิชของที่นี่เป็นพิเศษ หน้าตาดูดีแถมอร่อยด้วยเยี่ยม











จากนั้นเริ่มคิดกันว่าจะไปไหนกันก่อนดี  เพราะพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ เปิด 9โมง
เลยตัดสินใจขับรถลัดเลาะไปเดินเล่นที่อ่าวมะนาวกันก่อน
แล้วค่อยกลับมาพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ และไปด่านสิงขรต่อ



จากตรีชวา ขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านเข้าไปในกองบิน ไม่ไกลก็ถึงแล้ว
ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของฐานกิจกรรมต่างๆ ภายในกองบิน เพี้ยนลุย
ทั้งขี่ม้า ยิงธนู ขับรถ ATV หรือให้อาหารแพะ กวาง นกกระจอกเทศ
และยังมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร เรียงรายตลอดแนวหาด
เราจอดรถกันที่ฝั่งนี้ก่อนเดินข้ามถนนมาเดินเล่นที่อ่าวมะนาว





ยามเช้าบรรยากาศที่อ่าวมะนาว เงียบสงบ มีทิวต้นสนปลูกเรียงรายตลอดทาง
ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่ยกพลขึ้นบก ของทหารญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของทหารอากาศ และ กองบิน 53
อ่าวนี้ถือว่าเป็นอ่าวที่สวยที่สุดในประจวบ เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ
เราเดินเล่นกันแปบเดียว เพราะแดดแรงมาก นี่ขนาดมาช่วงเช้าแล้วนะแป๊ก











ข้ามมาอีกฝั่ง ว่าจะขับรถกลับ แต่เห็นลูกแพะเดินเล่นอยู่ น่ารักอ่ะ
เลยเข้ามาดูกันหน่อย ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรี ไม่เสียเงิน
นอกจากแพะ ก็มีกวาง นกกระจอกเทศ อยู่ในรั้วที่ล้อมไว้
มีอาหารเลี้ยงสัตว์จำหน่ายด้วย  ในราคาถ้วยละ 20 บาท
ถ้าถืออาหารไว้ในมือต้องระวังตัวให้ดี เพราะเจ้าลูกแพะจะกรูเข้ามาแพะ
ทั้งกระโดดเกาะ ก่าย แย่งกินอาหารจากมือ กันสนุกเลย 555
ลูกแพะส่วนใหญ่ที่เห็นเดินอยู่ข้างนอก เขาไม่ได้ปล่อยนะ มันมุดหนีออกมาเอง
แต่จะมีสุนัขคอยไล่ต้อนพวกมันเข้าคอกอยู่เรื่อยๆ















ขับกลับมาทางเดิม ผ่านร้านเค้กคลองวาฬ แวะเข้าไปดูหน่อย
มีทั้งรสวานิลา ใบเตย ส้ม ราคาไม่แพง รสชาติก็ปกติทั่วไป
นอกจากนั้นยังมีขนมต่างๆ ทั้งกล้วยตาก ขนมปังไส้สับปะรดจำหน่ายด้วย







ถัดเข้ามาแถบที่พัก บรรยากาศร้านอาหารช่วงเช้าคึกคักเป็นพิเศษ
ขนาดเพิ่งจัดการมื้อเช้าไปไม่นาน ท้องเริ่มหิวอีกแล้ว
สงสัยพยาธิในกระเพาะกำลังร้องกันให้วุ่น
ลองร้าน เจ๊เพ็ญ นี้ละกัน มีทั้งก๋วยเตี๋ยว ต้มเลือดหมู ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ
มีคนซื้ออยู่เรื่อยๆ รสชาติน่าจะโอเค ร้านก็ดูเก่าแก่
จัดการสั่งข้าวมันไก่ใส่กล่อง มาลองกินในรถ อืมอร่อยใช้ได้เลย
แม้น้ำจิ้มจะออกหวานนิดๆ แต่ก็ชอบนะ





ขับเรื่อยมาผ่านตรีชวา เราแวะท่าเทียบเรือที่อยู่แถวๆ ที่พักกันก่อน
ตอนแรกกะว่าอยากจะซื้อของทะเลสดๆ ก่อนกลับบ้าน
แต่ช่วงนี้ชาวบ้านบอกว่า หน้านี้ ของทะเลไม่ค่อยมี เลยอดไปตามระเบียบ
แต่ก็ได้เห็นบรรยากาศของชาวประมงต่างชาติที่นี่
ดึงแหไป ก็ร้องประสานเสียงไป แต่ฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไร
มะเจรา ฮุย .. มะเจรา ฮุย ... บลาๆ ♫.. 555





ริมทะเลแถบนี้ก็มีวิวสวยๆเหมือนกันนะ



และแล้วเราก็มาถึง " พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ "ปลา
เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ธรรมชาติวิทยา และสิ่งแวดล้อม
ค่าเข้าชมก็ถูกแสนถูก เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท แค่ตากแอร์เย็นๆ ก็คุ้มละอมยิ้ม35

//www.aquariumthailand.com/waghor-aquarium.html









ภายในมีนิทรรศการและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่หลากหลายสมจริง
ตามระบบนิเวศวิทยาของแหล่งน้ำต่าง ๆ ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำทะเล
มีเส้นทางให้เดินชมตามจุดต่างๆ กันแบบเพลินๆ
ถึงแม้จะไม่หรูหราอลังการเท่ากรุงเทพ แต่ก็คุ้มค่าเข้าชมสุดๆ















ลัดเลาะตามโซนต่างๆ จนถึงแทงค์น้ำขนาดใหญ่
ก่อนที่จะเข้าสู่อุโมงค์ใต้น้ำที่มีปลากระเบนเป็นพระเอกของโซนนี้ประหลาดใจ









ก่อนที่จะเข้าสู่จุดสุดท้าย เป็นนิทรรศการแสดงหอยชนิดต่างๆ
และด้านนอกมีบ่อแสดงสัตว์น้ำ ที่เราสามารถชมกับสัตว์น้ำได้อย่างใกล้ชิด
โดยโซนนี้จัดแสดงทั้งสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
อาทิ เต่าทะเล ดาวทะเล ปลิงทะเล หอยมือเสือ รวมถึงปลาการ์ตูนน่ารักๆเหล่านี้ด้วย ปลา ปลา















นอกจากนั้นในบริเวณเดียวกันภายในอุทยานแห่งนี้ ยังมี หอดูดาวและสวนผีเสื้อให้เข้าชมอีกต่างหาก
แต่เราไม่มีเวลาละ ต้องรีบไปต่อ





ออกจากหว้ากอ เดินทางกันต่อไปยังด่านสิงขร บริเวณชายแดนไทย-พม่า
ระยะทางไม่ไกล ขับกันเพลินๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงละ
อากาศวันนี้ร้อนจัด ผู้คนบางตา คงเพราะเป็นวันธรรมดาด้วยละมั้ง
แต่หลายร้านก็เปิดขายตามปกติ  มีหลายจุดกำลังก่อสร้างเพิ่มเติม











สินค้าที่ขายกันด้านนอกส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้
ส่วนด้านอาคารจะเป็นร้านจิวเวอรี่ ขายพวกพลอย หินต่างๆ
รวมถึงไม้ป่าพวกกล้วยไม้ เฟิร์น และของกินของใช้จากพม่า
อย่างกล้วยไม้ ราคาก็ไม่แพง ขายกันแค่ต้นละ 10 บาท













เดินกันพอหอมปากหอมคอ  ได้ของมานิดหน่อย
เริ่มหิว ...นี่ก็มื้อเที่ยงละ  ได้เวลากินอีกแล้ว
ขามาเห็นข้างทางมีก๋วยเตี๋ยวเรือด้วย ร้านนี้ละกัน ง่ายๆ
"ก๋วยเตี๋ยวเรือ อโลโบ้ " ชามละ 20 บาท
อร่อยใช้ได้ มีของหวานเย็นๆขายด้วยนะ
ผ่านมาลองแวะมาชิมกันดู









จากนั้นก็ตรงดิ่งกลับที่พักนอนเอาแรงกันก่อน
แต่เรื่องกินยังไม่จบ 555+
ข้างๆรีสอร์ทจะมีร้านขายอาหารตามสั่งอยู่เจ้านึง
ลักษณะเป็นเพิงเก่าๆ หน่อย เลยลองสั่งใส่กล่องมาชิมดู
"ข้าวกระเพราหมูกรอบ-ไข่ดาว" 40 บาท
ผิดคาด คือ อร่อยมากกกก หมูกรอบ กรอบสุดๆ
เสียดาย 4 โมงเย็นร้านก็ปิดละ ใครพักแถวนี้  ลองมาชิมดูนะ ^^



หลังจากนั้นกินอิ่ม ก็พักผ่อนอยู่ในห้องจนถึงช่วงเย็น
จะไปไหนก่อนดีนะ เที่ยวก่อน หรือกินก่อนดี ติ๊กตอกๆๆ
ไม่ต้องเดา  สรุปว่ากินก่อนดีกว่า 555+
ตอนแรกกะว่าจะไปกินอีกร้านที่เตรียมไว้ แต่มีเพื่อนน้องแนะนำ
ให้ไป "ร้านครัวแมกไม้ "สิ อาหารอร่อย .. อ่ะ ไปก็ไป
ที่ตั้งก็อยู่ใกล้ๆเลยสามแยกรูปตัว V ไปนิดเดียว
//goo.gl/maps/LzWsI



บรรยากาศด้านในสวน ดูร่มรื่นสมชื่อ  แต่เราเลือกนั่งที่ระเบียงด้านหน้า
เมนูอาหารที่นี่มีทั้งอาหารไทย และอาหารทะเล หลายรายการ
แต่เราเลือกสั่งอาหารไทย เพราะดูเมนูแล้วน่ากินกว่า













จานแรกผัดพริกขิงกากหมู หน้าตาดูดีมาก
เครื่องแกงผัดมาซะหอมเตะจมูก กากหมูชิ้นโตก็กรอบสุดๆ
ยิ่งเอามาคลุกข้าว ยิ่งอร่อย  ทำเอาจานนี้หมดเกลี้ยง



ถัดมาอินทรีย์ทอดราดน้ำปลา จานนี้หอมมาแต่ไกล
เนื้อปลาทอดมาร้อนๆ จนกรอบ กับน้ำปลาที่ปรุงรสมาอย่างดี



แกงเผ็ดเป็ดย่าง ชามนี้เครื่องแกงเด็ดอีกเช่นเคย
เนื้อเป็ดก็ไม่เหนียว กินกับข้าวสวยร้อนๆ ฟินเลย



ต่อมาต้มยำปลากะพง รสชาติแซ่บเข้มข้น
พร้อมเนื้อปลาเต็มชาม



สุดท้ายหลนกุ้งสด เป็นอะไรที่เด็ดมากๆ อีกจาน
หอมกะทิ กินกับผักสด... โอ๊ยอร่อยอ่ะ



มื้อนี้ราคาไม่แพง อาหาร 5 อย่าง พร้อมข้าวเปล่า 4 จาน รวมน้ำดื่ม
ใครมาแถวนี้แนะนำว่าต้องมาชิมนะครับ ให้ไป 10 คะแนนเต็มเลย เยี่ยม



ได้ของอร่อยตุนในท้องแล้ว ได้เวลาออกไปเที่ยวกันต่อ
ตอนแรกแพลนไว้จะเดินขึ้นไปเขาช่องกระจก
และไปดูค่างแว่นที่เขาล้อมหมวก



แต่หลังจากไปถึงเขาช่องกระจก  ที่บ้านก็เปลี่ยนใจไม่ยอมเดินขึ้นซะงั้น
สงสัยจะเห็นเจ้าถิ่นต้อนรับอยู่เยอะ และอากาศก็ร้อนอบอ้าวด้วย
แถมยังมีคนเตือนว่าจอดรถไว้ข้างล่าง ให้ระวังลิงพวกนี้ลิง
มันชอบมาเกาะแกะ ดึงกระจกข้าง นั่นนี่  ให้ไปจอดไกลๆ ที่มีคนเยอะๆ
เลยได้ข้อสรุป ไม่ขึ้นก็ได้   เพราะกลัวรถพัง!

สำหรับขึ้นไปยังเขาช่องกระจก ต้องเดินขึ้นบันได 396 ขั้น
ด้านบนสุดเป็นที่ตั้งของวัดเขาช่องกระจก
มีพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาท ให้ได้สักการะ
สามารถชมวิวสามอ่าว ทั้งอ่าวน้อย อ่าวประจวบ และอ่าวมะนาว ได้อย่างชัดเจน
และถ้าใจกล้าพอ ก็สามารถให้อาหารลิง ที่อาศัยอยู่บนเขาช่องกระจกได้





ส่วนเราเปลี่ยนมาเดินเล่นริมอ่าวประจวบแทนละกัน



จากนั้นไม่รอช้า รีบเดินทางไปยังจุดต่อไป เขาล้อมหมวก
ตอนเราไป หลงเล็กน้อย เลี้ยวไม่ทัน ทำให้ต้องไปเขาช่องกระจกก่อน
ขากลับ ก็ผ่านลานบินเหมือนเคย แต่ต้องถามทางจากทหารเป็นระยะๆ





ในที่สุดเราก็มาถึงเขาล้อมหมวก ด้านล่างมีศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก
เราตรงเข้าไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อน
เจ้าพ่อเขาล้อมหมวก เป็นที่เคารพของชาวประจวบมานานแล้ว
ซึ่งเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกนั้นเป็นชาวจีน ที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ จนอายุ 97 ปี จึงสิ้นอายุขัย
ด้วยความดีของท่าน ทำให้วิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์เป็นเทพคอยคุ้มครองเขาล้อมหมวกแห่งนี้
และช่วยบันดาลความสุขความเจริญให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงตลอดไป
ชาวบ้านแถบนี้ และนักท่องเที่ยวจึงมักมาขอพร กราบไหว้เจ้าพ่อเขาล้อมหมวกตลอดมา

ใกล้ๆกันมีทางขึ้นเขาล้อมหมาก เห็นว่าด้านบนวิวสวยมาก
แต่ต้องปีนไต่หินเกาะเชือกขึ้นไป  เลยขอบายดีกว่า





ไหว้เจ้าพ่อเขาล้อมหมวกเรียบร้อย ก็ได้เวลามาดูเจ้าถิ่นอย่างค่างแว่นกันบ้าง
ค่างแว่นเหล่านี้อาศัยอยู่บนต้นไม้ ใกล้ๆกับศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกนี่เอง
ค่างพวกนี้เชื่อง ไม่ดุร้าย  แต่ละตัวเรียกรอยยิ้มจากนักท่องเที่ยวได้มากมาย
ที่นี่มีข้อห้าม ห้ามนำถั่วฝักยาว แตงโม และแตงกวา มาให้ค่างแว่น
เพราะกลัวว่าจะมีสารเคมีตกค้าง จะเป็นการทำร้ายค่างแว่นนั่นเอง











สำหรับลูกค่างแว่น จะเกาะอยู่กับแม่ตลอดเวลา
โดยลูกค่างในช่วงแรกจะมีขนสีเหลืองทอง
ตาแป๋ว หน้าตาน่ารัก น่าอุ้มจริงๆ













เราใช้เวลากับเจ้าค่างแว่นจนพระอาทิตย์ตกดิน ก็ได้เวลากลับไปพักผ่อน
เพราะพรุ่งนี้หลังมื้อเช้า เราก็เดินทางกลับบ้านกันทันที
ขอจบรีวิวประจวบไว้ที่ภาพนี้นะครับ
ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาชม โอกาสหน้าพบกันใหม่ครับOK





Create Date : 11 เมษายน 2558
Last Update : 11 เมษายน 2558 11:38:28 น. 4 comments
Counter : 5539 Pageviews.

 
อาหาร บรรยากาศ ลิงน่ารักค่ะ


โดย: mariabamboo วันที่: 11 เมษายน 2558 เวลา:20:18:10 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 12 เมษายน 2558 เวลา:5:17:26 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
One Light One Shadow Photo Blog

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
One Light One Shadow Travel Blog

โหวตให้ทั้งสองอย่างเพราะพาเที่ยวได้สะใจแถมภาพสวยงามมากๆ เลยค่ะ แม่บุญเคยไปอ่าวมะนาวเมื่อสองสามปีก่อน ไปถึงตอนเที่ยว อากาศร้อนมากทีเดียว


โดย: Maeboon วันที่: 14 เมษายน 2558 เวลา:21:35:57 น.  

 
ลูกค่างแว่นเหมือนหนุมาณมากค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 เมษายน 2558 เวลา:14:13:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

One Light One Shadow
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




กด like / ถูกใจ OLOS

qrcode free counters
Group Blog
 
<<
เมษายน 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
11 เมษายน 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add One Light One Shadow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.