a love song for Bobby Long: ฉบับเทปยืด
รอคอยจอร์น ทราโวลต้า มาแสนนานว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาเล่นหนังดี ๆ เสียทีเพราะหลังจากช่วงรุ่งตอน pulp fiction เป็นต้นมา จนถึงช่วงตกต่ำสุดขีดเมื่อ Battlefield Earth เขาก็ยังไม่มีผลงานดราม่าโดน ๆ สักที
a love song for Bobby Long เป็นหนังเรื่องล่าสุด ยิ่งสังเกตจากหน้าหนังแล้วก็น่าสนใจทีเดียว ดูจากโปรเตอร์สีทึม ๆ มีลำแสงส่องผ่านเข้ามาพอให้เห็นหน้าตัวละครเอกที่ดูหม่นเศร้าแต่ก็ดูอบอุ่นอย่างประหลาด บรรยากาศหนังแบบนี้แหละก็ถือว่าเข้าทางผมมาก ๆ
ยิ่งพอเห็นนางเอกสุด love อย่าง Scarlett Johansson ที่ผมทึ่งความสามารถตั้งแต่ The Horse Whisperer และตกหลุมรักใน lost in translation ด้วยแล้ว ผมก็ไม่ลังเลเลยที่จะหยิบเรื่องนี้มาดู
หนังว่าด้วยเรื่องราวของ loser สามคนที่มีเหตุให้ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านหลังหนึ่ง ทั้งอดีตครูวรรณคดีชื่อดังที่ตอนนี้เป็นเพียงตาแก่ขี้เมาที่ชอบพร่ามวาทะของกวีเอก กับลูกศิษย์ก้นกุฎิที่พยายามเขียนชีวประวัติของอาจารย์ และก็สาวน้อยไร้เดียวสาที่อนาคตสาวเสริฟกำลังรอเธออยู่
โครงเรื่องก็ประมาณว่า แม่ของนางเอกนั้นตาย โดยทิ้งบ้านไว้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของนางเอกและเพื่อนอีกสองคน นางเอกเองก็เบื่อแฟนเก่าเต็มที ก็เลยอพยพมาอยู่กับเพื่อนแม่ที่บ้านของแม่ของเธอ พอตัวละครที่ต่างกันสุดขั้วต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ได้เติมเต็มชีวิตให้กันและกัน มันก็ทำให้ชีวิตของตัวละครแต่ละตัวนั้นดีขึ้น
ตัวละครในเรื่องก็น่าสนใจดีหรือ แต่หนังมันเนือย เนิบ นิ่ง (และดูนานๆ ไปก็เริ่มจะเน่านิด ๆ ด้วย) เหตุการณ์เรื่องมันไม่ได้ดึงดูดให้เรารู้สึกอยากติดตามเรื่องเลย เพราะเราก็จะพอจะเดาเรื่องได้นิด ๆ อยู่แล้วว่าพวกเขาก็คงไม่ถูกกันในตอนแรก และหลังจากที่เริ่มรู้จักกันมากขึ้น เริ่มล่วงรู้ความลับที่เจ็บปวดของแต่ละคน พวกเขาก็เริ่มเป็นมิตรกัน และเริ่มปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น
plot เรื่องมันสูตรมาก ๆ แต่จังหวะของหนังมันไม่ค่อยเอื้อเลย หนังมันดำเนินเรื่องช้า บทสนทนาบางทีก็มีกลิ่นตุ ๆ และใช้ไม่ค่อยถูกที่ถูกจังหวะเท่าไหร่ เช่นประมาณว่า "วัชพืชนั้นต่อให้สวยแค่ไหนมันก็เป็นแค่วัชพืช" (แต่ว่าทะของกวีที่บ็อบบี้ชอบพูดนั้นต้องยอมรับว่าคมคายจริง ๆ นะ)
หนังเนือย ๆ ก็ยังพอให้อภัย แต่ไอ้การจบเรื่องแบบหักมุมตามแบบสูตรสำเร็จนี้มันออกจะเหลือรับจริง ๆ (อ่านเรื่องย่อดูแล้วคุณลองเดาตอนจบดูก็ได้ รับรองว่าไม่น่าจะผิดจากที่คุณเดาหรอก)
สิ่งเดียวที่พอจะเป็นหยาดน้ำทิพย์ชโลมใจสำหรับหนังเรื่องนี้ ก็คงมีเพียงแค่การแสดงของนักแสดง ทั้งจอร์น ทราโวลต้า ที่เล่นได้ดีระดับมาตรฐาน(เสียที) และโดยเฉพาะ Scarlett Johansson ที่เล่นหนังดีวันดีคืน จนตอนนี้เธอกลายเป็นดาราหน้าใหม่เนื้อหอมไปแล้ว ยิ่งจากเรื่องนี้เธอเองก็ได้ชิงดารานำหญิงจากลูกโลกทองคำด้วย เสียดายว่า ถ้าบทหนังมันส่งอีกสักหน่อยเธอก็คงชิงออสก้าร์ได้ไม่ยากเย็น
หนังเรื่องนี้คงจะเหมาะกันแฟนประจำScarlett Johansson เท่านั้น หรือไม่ก็เหมาะกับครูวรรณคดีที่อาจจะเริ่มหนาว ๆ แล้วว่าชีวิตตัวเองจะเข้าอีกหรอบเดียวกับ Bobby Long หรือเปล่า...
ใครจะไปรู้หละว่าสายลมแห่งโชคชะตาจะพัดพาเราไปที่ใด...
Create Date : 08 สิงหาคม 2548 |
|
7 comments |
Last Update : 8 สิงหาคม 2548 10:17:47 น. |
Counter : 2193 Pageviews. |
|
|
|
แต่...ผมไม่ชอบ Horse Whisperer ฉบับ Movie เลย..รู้สึกดัดแปลงนิยายเยอะเกิน