"ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ"

 
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
15 กรกฏาคม 2552
 

บทที่8: ซูเราะฮฺ อัล-อันฟาล (Al-Anfal) โองการที่ 60-75

60. “และพวกเจ้าจงเตรียมไว้สำหรับ(ป้องกัน)พวกเขา(*1*)สิ่งที่พวกเจ้าสามารถ อันได้แก่กำลังอย่างหนึ่งอย่างใด และการผูกม้าไว้(*2*) โดยที่พวกเจ้าจะทำให้ศัตรูของอัลลอฮฺ และศัตรูของพวกเจ้าหวั่นแกรงด้วยสิ่ง(*3*)นั้น และพวกอื่น ๆ อีก อื่นจากพวกเขา(*4*) ซึ่งพวกเจ่ายังไม่รู้จักพวกเขา อัลลอฮฺทรงรู้จักพวกเขาดี และสิ่งที่พวกเข่าบริจาคในทางของอัลลอฮฺนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม สิ่งนั้นจะถูกตอบแทนแก่พวกเจ้าโดยครบถ้วนโดยที่พวกเจ้าจะไม่ถูกอธรรม”

(1) หมายถึงพวกศัตรูที่คอยรุกรานคืออื่นจากศัตรูของอัลลอฮฺ และศัตรูของพวกเจ้าที่พวกเจ้ารู้ กล่าวคือนอกจากศัตรูของอัลลอฮฺและศัตรูของพวกเจ้าหน้าที่พวกเจ้ารู้แล้ว ยังมีศัตรูของพวกเจ้าอื่นจากนั้นอีก ซึ่งพวกเจ้ายังไม่รู้จักพวกเขา

61. “และหากพวกเขาโอนอ่อนมาเพื่อการประนีประนอมแล้ว เจ้า(*1*)ก็จงโอนอ่อนตามเพื่อการนั้น(*2*)ด้วย และจงมอบหมายแต่อัลลอฮฺเถิด แท้จริงนั้นพระองค์คือผู้ทรงได้ยินทรงรอบรู้”

(1) หมายถึงท่านนะบีมุฮัมมัด
(2) คือเพื่อการประนีประนอม

62. “และถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะหลอกลวงเจ้า ก็แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นที่พอเพียงแก่เจ้าแล้ว(*1*) พระองค์คือผู้ทีได้ทรงสนับสนุนเจ้าด้วยการช่วยเหลือของพระองค์ และด้วยผู้ศรัทธาทั้งหลาย”

(1) กล่าวคือเมื่อเจ้ามอบหมายแก่อัลลอฮฺแล้วก็ไว้วางใจแด่พระองค์เถิด เพราะพระองค์นั้นเป็นที่พอเพียงแก่เจ้าแล้วที่จะทำหน้าที่แทนเจ้า ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวการที่พวกเขาจะหลอกลวงเจ้า

63. “และได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขา(*1*) หากเจ้าได้จ่ายสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมด เจ้าก็ไม่สามารถให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขาได้ แต่ทว่าอัลลอฮฺนั้นได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างพวกเขา และแท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ”

(1) คือระหว่างหัวใจของบรรดาผู้ศรัทธา

64. “โอ้ นะบี! อัลลอฮฺนั้นเป็นที่พอเพียงแก่เจ้า(*1*) และแก่ผู้ที่ปฏิบัติตามเจ้าด้วย อันได้แก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย”

(1) คือจงมั่นใจในอัลลอฮฺเถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นที่พอเพียงแก่เจ้าและแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายด้วย

65. “โอ้ นะบี! จงปลุกใจผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในการสู้รบเถิด หากปรากฏว่าในหมู่พวกเจ้ามียี่สิบคนที่อดทน ก็จะชนะสองร้อยคน และหากปรากฏว่าในหมู่พวกเจ้ามีร้อยคน ก็จะชนะพันคนในหมู่ผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา เพราะพวกเขาเป็นพวกที่ไม่เข้าใจ

66. “บัดนี้อัลลอฮฺได้ทรงผ่อนผันแก่พวกเจ้าแล้ว และทรงรู้ว่า แท้จริงในหมู่พวกเจ้านั้นมีความอ่อนแอ (*1*) ดังนั้นหากในหมู่พวกเจ้ามีร้อยคนที่อดทนก็จะชนะสองร้อยคน และหากในหมู่พวกเจ้ามีพันคนก็จะชนะสองพันคน ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงอยู่ร่วมกับผู้อดทนทั้งหลาย”

(1) คืออ่อนแอที่จะต่อสู้ศัตรูในจำนวนยี่สิบคนต่อสองร้อยคนได้

67. “ไม่บังควรแก่นะบีคนใดที่เขาจะมีเชลยศึกไว้(*1*) จนกว่าเขาจะได้ประหัตประหารอย่างมากมายเสียก่อนในแผ่นดิน(*2*)พวกเจ้าต้องกร สิ่งเล็กน้อย(*3*) แห่งโลกนี้ แต่อัลลอฮฺทรงต้องการปรโลก(*4*)และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชา ญาณ”

(1) คือมีไว้เพื่อต้องการค่าไถ่ เพราะการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ผ่ายข้าศึกขาดความเกรงกลัว
(2) คือจะไมีเชลยไว้เพื่อแลกเปลี่ยนค่าไถ่ถอนได้ก็ต่อเมื่อได้ประหัตประหาร กำลังของฝ่ายศัตรูอย่างมากมายเสียก่อน เพื่อพวกเขาจะได้เข็ดหลาบไม่กล้ารุกรานอีกต่อไป
(3) หมายถึงค่าไถ่ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งเล็กน้อย
(4) คือต้องการให้ได้รับการตอบแทนอันมากมายในปรโลก

68. “หากว่าไม่มีพระกำหนด(*1*)จากอัลลอฮฺล่วงหน้าอยู่ก่อน แน่นอนการลงโทษอันมหันต์ก็ประสบแก่พวกเจ้าแล้ว เนื่องในสิ่งที่พวกเจ้าเอา(*2*)”

(1) คือพระกำหนดให้เอาทรัพย์เชลย และจับฝ่ายศัตรูไว้เป็นเชลยได้
(2) คือเอาค่าไถ่ถอนเชลย ก่อนจากที่จะทำลายกำลังของฝ่ายศัตรูให้อ่อนแอลง

69. “ดังนั้น พวกเจ้าจงบริโภคสิ่งอนุมัติที่ดีจากสิ่งที่พวกเจ้าได้มาจากการทำศึก(*1*) และพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตา

(1) หมายถึงทรัพย์เชลยและค่าไถ่ตัวเชลย

70. “โอ้ นะบี! จงกล่าวแก่ผู้ที่อยู่ในมือของพวกเจ้า(*1*) จากบรรดาผู้เป็นเชลยศึกเถิดว่า หากอัลลอฮฺทรงรู้ว่ามีความดี(*2*)ใดๆ ในหัวใจของพวกท่านแล้ว พระองค์ก็จะทรงประทานให้แก่พวกท่าน ซึ่งสิ่งที่ดียิ่งกว่าสิ่ง(*3*) ที่ถูกเอามาจากพวกท่านและจอทรงอภัยโทษแก่พวกท่านด้วย และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเป็นผู้ทรงเอ็นดูเมตตา”

(1) หมายถึงท่านนะบีและสาวกของท่าน และเชลยในที่นี้หมายถึงเชลยในสงครามบะดัรที่พวกเขาไถ่ตัว
(2) หมายถึงมีความปรารถนาที่จะศรัทธาต่อท่านนะบี และได้ศรัทธาต่อท่านมในภายหลัง อนึ่งความที่ว่า “หากอัลลอฮฺทรงรู้” นั้นมิได้หมายความว่าอัลลอฮฺยังมิทรงรู้ก็หาไม่ หากแต่เพื่อให้ตัวของพวกเขาเองได้ประจักษ์แก่ตนเองว่ามีความดีหรือไม่เท่า นั้น
(3) หมายถึงค่าไถ่ถอนที่ถูกเอาจากพวกเขาไป

71. “และถ้าหากพวกเขาต้องการจะทุจริตต่อเจ้า(*1*)ก็แท้จริงนั้นพวกเขาได้ทุจริต ต่ออัลลอฮฺมาก่อนแล้ว แล้วพระองค์ก็ทรงให้สมารถ(*2*) ชนะพวกเขาได้ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ”

(1) คือทำเป็นประหนึ่งว่าจะศรัทธาต่อเจ้า แต่เมื่อได้ปล่อยตัวไปแล้วก็กลับเป็นศัตรูต่อเจ้าอีก
(2) คือให้เจ้าและสาวกของเจ้าชนะพวกเขาในสงครามบะดัร และจับพวกเขาเป็นเชลยทั้งๆ ที่พวกเจ้ามีกำลังน้อยกว่า กล่าวคือ ถ้าหากพวกเขาจะทุจริตต่อเจ้า ก็ไม่ต้องวิตก เพราะเจ้าย่อมชนะพวกเขาอีก ดังที่ได้ชนะมาแล้ว

72. “แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และอพยพและต่อสู้ทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา และชีวิตของพวกเขาในทางของอัลลอฮฺ และบรรดา(*1*)ผู้ที่ให้พักอาศัย และช่วยเหลือนั้น ชนเหล่านี้แหละคือบางส่วนของพวกเขาย่อมเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วน (*2*) และบรรดาผู้ที่ศรัทธา และมิได้อพยพนั้นก็ไม่เป็นหน้าที่แก่พวกเจ้าแต่อย่างใดในการช่วยเลือพวกเขา จนกว่าพวกเขาจะอพยพ และถ้าหากเขาขอให้พวกเจ้าช่วยเหลือในเรื่องศาสนา (*3*) ก็จำเป็นแก่พวกเจ้าซึ่งการช่วยเหลือนั้น (*4*) นอกจากในการต่อต้าน (*5*) พวกที่ระหว่างพวกเจ้ากับพวกเขามีสัญญากันอยู่ และอัลลอฮฺนั้นทรงเห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน”

(1) หมายถึงชาวมะดีนะฮ์ที่ให้ที่พักอาศัย และช่วยเหลือชาวมักกะฮ์ที่อพยพไป
(2) คือต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
(3) คือในเรื่องที่พวกเขาถูกข่มเหงรังแก เนื่องจากการปฏิบัติตามบัญญัติศาสนา
(4) คือการช่วยเหลือที่พวกเขาขอร้องมา
(5) คือนอกจากการช่วยเหลือนั้นเป็นการต่อต้านและทำศึกกับพวกที่มีพันธะ สัญญาต่อพวกเจ้าเท่านั้น เพราะการกระทำดังกล่าวจะทำให้พวกเจ้าเป็นผู้ละเมิดสัญญา

73. “และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้น บางส่วนของพวกเขาย่อมเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วน(*1*) หากพวกเจ้าไม่ปฏิบัติในสิ่งนั้น(*2*) แล้ว ความวุ้นวายและความเสียหายอันใหญ่หลวง(*3*) ก็จะเกิดขึ้นในแผ่นดิน

(1) คือพวกเขาต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
(2) คือไม่ช่วยเหลือพี่น้องร่วมศาสนาที่ถูกข่มเหง และไม่รักษาสัญญาที่ได้กระทำไว้แก่ผู้อื่น
(3) คือจะก่อให้เกิดความวุ่นวายแก่บรรดาผู้ศรัทธา อันทำให้พวกเขามีความท้อถอย และหย่อนความศรัทธาลงขณะเดียวกันก็ทำให้ฝ่ายผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ใจ และทำการข่มเหงรังแกยิ่งขึ้น ในการนี้ความเสียหายอันใหญ่หลวงก็จะเกิดขึ้น และส่วนการไม่รักษาสัญญาที่ไกระทำไว้แก่ผู้อื่นนั้นก็ย่อมมีผลอย่างเดียวกัน

74. “และบรรดาผู้ที่ศรัทธา และอพยพ และต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺ(*1*)และบรรดาผู้ที่ให้ที่พักอาศัย และช่วยเหลือนั้น(*2*)ชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ศรัทธาโดยแท้จริง ซึ่งพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษ และเครื่องยังชีพอันมากมาย(*3*)”

(1) หมายถึงพวกมุฮาญิรีน
(2) หมายถึงชาวอันซอร์
(3) ได้อธิบายไว้ในฟุตโน๊ตของอายะฮ์ที่ 4 แห่งซูเราะฮ์นี้แล้ว โปรดพลิกไปดูอีกครั้ง

75. “และบรรดาผู้ที่ได้ศรัทธาที่หลัง(*1*) และได้อพยพ และต่อสู้ร่วมกับพวกเจ้านั้น ชนเหล่านี้แหละเป็นส่วนหึ่งของพวกเจ้า(*2*) และบรรดาญาตินั้น บางส่วนของพวกเขาเป็นผู้สมควรต่ออีกบางส่วน(*3*) ในคัมภีร์ของอัลลอฮฺ(*4*) แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง”

(1) คือหลังจากที่ท่านนะบีได้อพยพไปนครมะดีนะฮ์ และก่อนจากที่มักกะฮ์ถูกพิชิต
(2) คืออยู่ในฐานะเดียวกับพวกเจ้า
(3) คือสมควรได้รับมรดกซึ่งกันและกันยิ่งกว่าผู้อื่นที่มิใช่เป็นเครือญาติกัน
(4) คือในบทบัญญัติที่ระบุอยู่ในคัมภีร์อัล-กุรอาน




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2552
0 comments
Last Update : 15 กรกฎาคม 2552 8:18:49 น.
Counter : 664 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

bteeranan
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add bteeranan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com