BASS - The Pretty Low Frequency (3) Larry Graham - Slap innovator (ผู้อภิวัฒน์แห่งการตบเบส) Larry Graham - Slap innovator (ผู้อภิวัฒน์แห่งการตบเบส) นี่คือตำนานมือเบสอีกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ บนเส้นทางดนตรีแห่งเบสสายฟังก์กี้ (Funky) และมันจะดูแปลกและเชยไป สำหรับมือเบสคนที่ไม่รู้ว่า Larry Graham ได้ให้อะไรมากมายกับมือเบสทั่วโลก ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน (รวมทั้งตัวผมเอง) ผมจึงต้องการนำเสนอชีวิตเส้นทางดนตรีเบสอันน่าทึ่งของ Larry Graham ที่มีความน่าสนใจและน่าศึกษา ซึ่งมีมือเบสบางคนอาจจะไม่รู้ว่าการที่เรา Slap เบสอยู่ทุกวันนี้ใครเป็นผู้คิดและพัฒนา เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกวง Sly & The Family Stone โดยเขาได้สร้างแนวทางการเล่นเบสขึ้นมาใหม่ กับการเป็นบุคคลแรกที่คิดค้นและพัฒนาเทคนิค slap ที่ปัจจุบันเทคนิคนี้เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางกันในหมู่มือเบส และเป็นแรงบันดาลใจแก่มือเบสรุ่นแล้วรุ่นเล่า จนกล่าวได้เลยว่า ใครที่เล่นและคลั้งไคล้ เทคนิค slap , pop ต้องรู้จักกับมือเบสตำนานนามว่า Larry Graham Larry Graham เกิดวันที่ 14 สิงหาคม ปี 1946 ใน Beaumont, Texas, USA เขาได้ใช้ชีวิตที่ Texas เป็นเวลา 2 ขวบ ก่อนที่ครอบครัวเขาจะย้ายไปที่ Oakland รัฐ California ในปี 1948 เขาได้รับการถ่ายทอดดนตรีจากพ่อที่เล่นกีตาร์และแม่ที่เล่นเปียโน โดยยายของเขาสนับสนุนให้เขาเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก จนยายของเขาได้ซื้อกีตาร์ให้เขา เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรก กีต้าร์จึงเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ Larry เล่น ต้นกำเนิดแห่งการตบเบส .... เมื่ออายุได้ 15 ปีเขาได้ร่วมเล่นดนตรีกับแม่ของเขา คือ Dell Graham กับอีก 1 สมาชิกมือกลองเล่นตามคลับที่ San Francisco ในระหว่างนี้ Larry ก็ได้หันมาลองเล่นเบสดูบ้าง จุดนี้จึงเป็นเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นตำนานมือเบสไป เมื่อต่อมามือกลองได้ออกจากวงไป วงจึงขาดจังหวะที่เป็นหัวใจหลักสำคัญไป Larry จึงได้ใช้ประโยชน์ของที่เหยียบเท้าของออร์แกนมาเสริมตรงจุดนี้ โดยได้เล่นไปพร้อมกันกับการเล่นกีตาร์และร้องเพลง จนต่อมาออร์แกนที่เล่นแตกหักไป ซาวด์ดนตรีจึงขาดจังหวะในการควบคุมวงไปอีกครั้ง เขาจึงหาทางเอาชนะอุปสรรคนี้โดยการหยิบเบสขึ้นมาเล่นจังหวะในส่วนของเบส เหมือนกับการที่เขาเล่นกีตาร์ Larry จึงเกิดไอเดียที่นำเอานิ้วโป้งตบสายแทนจังหวะกลองและดึงสายแทนเสียงสแนร์ของกลอง ไอเดียทางเทคนิคนี้ถูกเรียกว่า "thumping and plucking" สิ่งนี้จึงเป็นการปฏิวัติการเล่นเบสในเวลานั้นและในเวลาต่อมา จนเรียกว่า "slap bass" (ที่เป็นแบบแผนมาในปัจจุบัน) และสไตล์นี้จึงเกิดแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลต่อมือเบสอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น Victor wooten , Louis Johnson, Marcus Miller, Stanley Clarke, Me'Shell Ndeg?Ocello, Les Claypool, Flea แต่ละคนที่กล่าวมาล้วนมีชื่อเสียงด้านการ slap ทั้งนั้น มือเบสแห่ง Sly & The Family Stone .... Sylvester Stewart เป็นที่รู้จักกันในนาม “Sly Stone” ได้คิดที่จะก่อตั้งวงขึ้น โดยเขาได้ยินกิตติศัพท์การเล่นเบสที่กล่าวขานกันในขณะนั้นของ Larry Graham ซึ่ง Sly ได้เห็น Larry แสดงบนเวทีแล้วรู้สึกประทับใจ จึงชวน Larry เข้ามาร่วมวง จนต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Sly & The Family Stone โดยออกอัลบั้มเป็นครั้งแรกชื่อว่า A Whole New Thing ในปี 1967 จนวงนี้ได้กลายเป็นวงรุ่นบุกเบิกแนวดนตรีฟังก์กี้ (funky)ขึ้นมา จนมีชื่อเสียงและออกแสดงทั่งโลกช่วงยุคปลาย 60 จนถึงต้นยุค 70 และต่อมามีบทเพลงที่ชื่อว่า Thank You (Falettinme Be Mice Elf Agin) ที่เพลงนี้ Larry ได้โชว์การตบเบส (slap bass ) แบบเต็มรูปแบบขึ้น จนเป็นที่นิยมกันในหมู่คนฟังก์ทั่วโลก แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ต่อมาวงแตกเนื่องจากปัญหาภายใน จน Larry ต้องออกจากวงในปี 1972 Larry Graham สู่ Graham Central Station .... จุดมุ่งหมายที่ Larry ได้ตั้งไว้คือต้องการที่จะเขียนและโปรดิวส์เพลงขึ้น โดยเขาได้เริ่มกับวงของเขานามว่า “ Hot Choclet ” และต่อมาก็เปลี่ยนเป็น “Graham Central Station ” โดยได้ออกอัลบั้มแรกชื่อว่า “ Graham Central Station ” ตามชื่อวงในปี 1974 จนประสบความสำเร็จ ต่อมา Graham Central Station ยุบวงในปี 1979 แต่ถึงกระนั้น Larry ก็ไม่หยุดยั้งที่จะทำงานดนตรีต่อไป เขายังคงทำงานโซโล่ของเขาต่อไปจนออกอัลบั้มแรกชื่อว่า One In A Million You ในปี 1980 จนแฟนเพลงเขาประหลาดใจกับอัลบั้มนี้ แต่ก็ยังคงประสบความสำเร็จอยู่ดีกับงานโซโล่ชิ้นแรก จนมีเพลงที่ติดอันดับ 1 ในแนว R&B และ อันดับ9 ในแนว pop จนเขาต้องออกอัลบั้มต่อมาชื่อว่า “Just Be My Lady" ปี 1981 และตามมาติดๆกับ Sooner Or Later ปี1982 และ Victory ปี1983 จนเขาได้ออกโซโล่อัลบั้มสุดท้ายชื่อว่า “ Fired Up ” ปี 1985 ที่ประเทศญี่ปุ่น Larry Graham ยังได้ทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่นๆ อีกเช่น Betty Davis, Stanley Clarke, Santana, Aretha Franklin และอีกมากมาย จนทำให้งานเขามีงานที่ทรงคุณค่าต่อมือเบสทั่วโลก ในยุค 90 เขารวมวง Graham Central Station อีกครั้งในรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมและมีการแสดงคอนเสริ์ตทั่วโลก โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น ที่ๆเขาประทับใจมาก Larry ยังมีงานดนตรีและการแสดงทัวร์ออกมาเรื่อยๆ เช่น คืนหนึ่งในปี 1997 เขาร่วมแจมกับกับวง “Prince” สร้างความประทับใจแก่แฟนเพลง และการทำงานร่วมกันใน Graham Central Station อัลบั้มชุด “GCS 2000” ในปี 1998 และการแสดงของเขากับวง Prince ชีวิตที่เสมือนกับการถูกลิขิตมากับความเป็นตำนานมือเบสของโลกกับการพยายามสร้างงานดนตรีอย่างไม่ย้อท้อและสร้างสรรค์งานคุณภาพออกมาโดยตลอด จนเป็นที่กล่าวขานว่าเป็น “จ้าวแห่งการตบเบส” ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่มือเบสในการพัฒนาการเล่นของตนรุ่นแล้วรุ่นเล่า และสร้างแนวทางการเล่นใหม่ให้กับมือเบส เพราะเมื่อศึกษาจากประวัติมือเบสแต่ละคนแล้ว แรงบันดาลใจที่เขาได้รับต้องมีชื่อของ Larry Graham อยู่ด้วยทุกคน อ้างอิงจาก //www.kttbass.dwthai.com/bio //www.bassroom2008.com/ แหะๆๆๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่น่ะครับ
เด๋วขอเวลาหาข้อมูลให้ปึ๊กๆหน่อยนะครับ แต่ฝั่ง J-ROCK จะลงเรื่องของ TAIJI อยู่น่ะครับ รอติดตามนะคร้าบบ อิอิ โดย: แกงไก่หมูทอด วันที่: 25 พฤษภาคม 2554 เวลา:2:52:06 น.
|
แกงไก่หมูทอด
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] อยากแนะนำเพลงชื่อว่า Live and Learn แล้วชีวิตจะเจริญและเป็นสุข ใช้ชีวิตเหมือนอย่างเพลงไม่เป็นทุกข์ มีแต่สุขสุดแสนสบายเอย...~ Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
เขียนถึงเท็ตจังมั่งดิ