My Honeymoon@Tokyo300309
หลังจาก review เที่ยวในประเทศมานาน คราวนี้ถึงตา review ทริป ต่างประเทศบ้าง นั่นคือโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ไปครั้งนี้เรามีเวลาเตรียมตัวกันน้อยมากประมาณว่าคุณสามีตั้งตัวทำ VISA แทบไม่ทัน ฉิ่วเฉียดมากๆ หลังจากแต่งงานเราไป Honeymoon ในประเทศมา 2 ที่คือ เชียงใหม่และกระบี่ ก็ไม่ทันคิดว่าจะไปต่างประเทศ อยู่ดีๆ ไม่รู้อะไรดลใจให้เรานึกถึงดอกซากุระ และความคิดอยากไปชมซากุระที่ญี่ปุ่นก็แว้บเข้ามา เราเลยหาข้อมูลปรากฎว่าซากุระในโตเกียวจะบานช่วง ปลาย มีค.-เมษ ซึ่งหลังเราแต่งงานพอดี เราเลยถือโอกาสบังคับขู่เข็ญคุณสามีให้ลากกระเป๋าไปด้วย ทริปนี้จึงเกิดขึ้นจากความกระทันหันจริงๆ ตอนแรกนึกว่าจะได้น้องออนเซนกลับมาซะอีก สงสัยยังไม่อยากมาเกิดเริ่มด้วยอาหารบนเครื่อง เรากับสามีเลือกคนละอย่าง อันนี้เป็นหมูกระหรี่อันนี้เป็นไก่/หมูชุบแห้งทอด จะบอกว่าเสริ์ฟช้าไปหน่อยนะ เราหลับไปแล้วอ่ะ ปลุกขึ้นมากิน ตี 1 กว่าๆหลังหนังท้องตึง หนังตาก็ตก หลับดีกว่า คร่อกๆๆๆๆรู้สึกตัวอีกที ถึงแล้วเหรอนี่รอรวบรวมพลที่สนามบิน คราวนี้ไปกับทัวร์ ไม่ต้องคิดมาก จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดทะเลาะกัน คู่ข้าวใหม่ปลามันควรจะเป็นอะไรที่ทุกอย่างราบรื่นไปหมดซิ(เราวางแผนเอง)เมื่อรวมพลเสร็จ เราต้งเดินไปที่จอดรถโค้ช ท่ามกลางความหนาวเย็น เห็นไกด์บอกว่า 1 องศาอ่ะ หงิกๆๆๆนั่งรถเข้าเมืองแล้วจ้าทัวร์เราไม่มีอาหารเช้าให้อ่ะ เขาเลยแวะร้านสะดวกซื้อให้เลือกอาหารเช้าตามสะดวก สามีบอกให้เราถ่ายแก๊งค์ชอปเปอร์ไว้ ต้องแอบๆ ถ่ายอ่ะ ตู้กดน้ำมีหลายหลากให้เลือกขับผ่าน Disney Land Resort อยู่ในโปรแกรมเราด้วย จริงๆ แล้วไม่อยากไป Disney เลย เคยไปแล้วเบื่อต่อคิว อยากขอตัวไป shopping มากกว่า แต่ตุณสามีอยากไปถึงที่เที่ยวจุดแรกของเราสะพานแว่นตา เป็นสะพานที่สร้างตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานนี้อยู่หน้าพระราชวังอิมพีเรียลชื่อสะพานภาษาญี่ปุ่น เห็นพระราชวังไกลๆ แล้ว อยากใกล้มากกว่านี้แต่คนเยอะมาก เข้าไม่ถึงเลยระหว่างทางเดินทางพระราชวังไปที่จอดรถ เดินผ่านสวนสาธารณะรูปปั้นในสวนไปจุดต่อไปกันดีกว่าโชคร้ายระหว่างเดินทางยางรถแตกเสียก่อน แต่ไม่มีอุบัติเหตุใดๆ เลยนะ แตกตอนไหนเรายังไม่รู้เลย ได้ยินแต่เสียง และรถก็ค่อยๆ ชะลอจอดริมถนน กด์บอกว่าคนขับรถที่นี่ชำนาญมากและต้องมี license ถ้าเกิดอุบัติเหตุล่ะก็หมายถึงอาชีพเขาเลยล่ะคนขับเรียกหน่วยเปลี่ยนยางเคลื่นที่มาให้บริการ รอประมาณ 45 นาที แต่เปลี่ยนเร็วมากไม่ถึง 15 นาที ก็วิ่งต่อได้กำลังเปลี่ยนอยู่เลย นักท่องเที่ยวก็ใจจดจ่อให้เสร็จเร็วๆ กลัวไปต้มไข่ดำไม่ทันออกเดินทางต่อได้ จุดต่อไปคือไปกินกลางวัน รอมานานแล้ว วิวบริเวณร้านอาหารสวยจัง อากาศดีมากๆเราจะขึ้นไปกินบนโน้นกันใกล้ๆมองจากร้านอาหารออกมาเดินไปขึ้นรถ เห็นคู่แต่งงานมาถ่าย pre wed ด้วยไปกันต่อดีกว่า อันนี้เป็นพืชปลูกไว้ทำของใช้ประเภทจักรสานจุดต่อไป เราไปลงเรือในทะเลสาปซึ่งอยู่ในวนอุทยานฮาโกเน่เราจะลงเรือลำนั้นไงถ่ายรูปซะหน่อย ก่อนลงเรือคนเยอะมากโกลาหลพอสมควร พอลงเรือมาแล้วไกด์เช็คชื่อปรากฎว่าหายไปคนนึงอากาศนอกเรือหนาวมากจนเราก็แอบไปหาไออุ่นด้านในเรือถ่ายรูปคู่ซะน่อยคนที่หายไปปรากฎว่าเขาไม่ได้ลงเรือมาด้วย รออยู่บนฝั่งนั่นแหละ รอพวกเรากลับมาจากล่องเรือ แล้วก็ไปรับกลับ ตอนนั้นคนเยอะเขาเลยหลงล่องเรือเสร็จแล้วเราเห็นผู้ร่วมทางไปมุงอะไรกัน อ๋อปลาหมึกย่างนั่นเอง ทำไมที่ญี่ปุ่นมันได้หอมยั่วยวนขนาดนั้น แต่เราก็ไม่ได้ซื้อนะ เก็บตังค์ไว้ช้อปเครื่องสำอางค์ 555ซากุระแถบนี้ยังตูมๆ อยู่เลย เพราะอยู่บนเขาอากาศเย็นอยู่ๆ หิมะก็ตกลงมาอ่ะ ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่จุดต่อไปเราจะไปต้มไข่ดำกันแล้วระหว่างที่นั่งรถจะไปแหล่วแร่กำมัถันนี้เราก็ได้กลิ่นตุๆ เลยหันไปถามสามีว่าเธอตดเปล่าสามีก็ส่ายหน้า งึกๆ แต่เราก็ไม่ได้ตด อ่ะ แล้วใครกัน เรากับสามีก็เลยเดาต่างๆ นานา ว่าใครกันในรถคันนี้ที่ตด เหม็นมาก ไม่นาน ไกด์ก็พูดขึ้นมาว่าได้กลิ่นอะไรไหมคะ เรากับสามีขำกันใหญ่ คิดว่าไกด์จะตามหาคนตด คงสงสารคนตดน่าดู แต่ไม่ใช่ไกด์บอกว่าเป้นกลิ่นตุๆของกัมมะถัน ยิ่งใกล่กลิ่นจะแรงขึ้น เราก็อ๋อ กัมมะถันนี่เองสามีดิฉันไปเป็นตากล้องซะแล้ว ผลัดกันถ่ายค่ะระหว่างที่สามีกำลังง่วนอยู่กับถ่ายรูปให้ผู้ร่วมทริปดิฉันไปแอบซื้อไข่ดำมาแล้วค่ะ ขายเป็นแพ๊ค 4 ฟอง กิน 1 ฟองจะอายุยืน 7ปี แต่เราขอหน้าเด็กลง 7 ปีไม่ได้เหรอกับน้องคอตตี้หน้าร้านของชำร่วย ดิฉันกินไข่ดำไปคนละฟองกับสามี ให้อายุยืนขึ้นคนละ 7 ปีพอ และก็แบ่งให้น้องๆ ร่วมทริปค่ะจากจุดนั้น ถึงเวลาเข้าที่พักสักที ตั้งแต่ลงเครื่องมาแต่เช้าตระเวนไปโน่นนี่ จนกว่าจะได้นอนก็ดึก กินอาหารค่ำกันก่อนค่ะอาหารญี่ปุ่นค่ะ เราพักกันที่ รร. ใกล้ทางขึ้นฟูจิค่ะเพราะวันรุ่งขึ้นเราจะขึ้นภูเขากันก้ามปูยักษ์ค่ะ มันเย็นๆ อ่ะเราไม่ชอบเรารีบอิ่มและตบท้ายด้วนขนมหวานดีกว่า ปล่อยสามีแทะก้ามปูต่อไปที่ รร. มีชุดกิโมโนให้ใส่ด้วยล่ะ เราก็อยากเข้าบรรยากาศ หลังจากนั้นเราก็เข้านอนเพื่อเตรียมเที่ยววันต่อไป ที่นี่มีออนเซนด้วยแต่เราไม่ได้แช่นะ เพราะทัวร์คนไทยเยอะมาก อายคนไทยด้วยกันเองอ่ะ อายเพื่อนร่วมทริปด้วย หากไปเจอกันข้างใน แหมน่าจะให้แช่กับสามี 2 ต่อ 2 เดี๋ยวมาต่อนะจ๊ะว่าวันต่อไปเราไปไหนกันบ้างวันรุ่งขึ้นหลังอาหารเช้า เราเดินออกเล่นหน้า รร. กันอากาศดีมากๆ อีกแล้วถ่ายคู่มั่งถนนโล่งๆ สวยๆวันนี่เราจะขึ้นเขาฟูจิ ไม่รู้ว่าจะขึ้นได้ถึงชั้น 5 อ่ะเปล่า ไกด์บอกหิมะจะตก ถ้าตกก็คงขึ้นได้แค่ชั้น 1เมื่อคืนนี้หิมะตกทั้งคืน ไกด์บอกว่าตอนนี้เช้าเกินไปยังขึ้นไม่ได้ก็เลยพพวกเราไป drop ที่พิพิธภัณฑ์ก่อน แต่จนกว่าเราจะเดินเข้าไปพิพิธภัณฑ์ได้ ก็ถ่ายรูปอยู่นานจริงๆไม่ค่อยอยากถ่ายคู่เท่าไหร่เพราะเกรงใจเพ่อนร่วมคณะที่มาด้วย แต่ไกด็ก็ชอบเข้ามายุให้เราถ่าย โดยที่เขาเป็นช่างภาพให้ และเรียกคู่เราว่าคู้ฮันนี่มูนเกร็ดหิมะได้เวลาขึ้นเขาสักที แต่เราโชคไม่ดีอ่ะ เมื่อคืนหิมะตกทำให้ถนนลื่น รถจึงไม่สามารถขึ้นไปชั้นบนได้ ได้อยู่แค่ชั้น 1 อ่ะ เราก็เลยเดินเล่นอยู่ตรงนั้นแหละ ถ่ายรูปไม่ค่อยได้คนเยอะมาก หนาวด้วย ผิงไฟดีกว่าป้ายห้ามเข้าอ่ะจ้าแอบเห็นภูเขาไปฟูจิแล้วสวยจังในฝันไม่ได้ขึ้นไปฟูจิชั้นอื่นๆ พวกเราจึงมีเวลาเหลือก่อนอาหารกลางวันไกด์จึงปล่อยให้เราไปเดินเล่นแถวๆทะเลสาป เราก็เดินกันไปเรื่อยๆ ก็เจอร้าน mini mart เลยเดินเข้าไปชมสินค้าซื้อสตรอเบอรี่มากินสักหน่อยได้มาแล้วเดินเล่นอยู่แถวๆ นั้นรอเวลาอาหารเที่ยงถ่ายกับป้ายชื่อทะเลสาปได้เวลาอาหารกลางวันแล้วชาบูร้อนๆ คลายหนาวได้ดีมองออกไปนอกร้านอาหารเห็นวิวทะเลสาปสวยๆ ช่างโรแมนติกจริงๆจุดต่อไปกำลังจะไปวัดอาซากุซะสุดยอดประติมากรรมของอาคารอาซาฮีถึงแล้วค่ะโคมไฟใหญ่ ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายมาถ่าย pre wed อีกแล้วค่ะออกจากวัดแล้วค่ะเดี๋ยวจะไปต่อย่านชินจูกุค่ะหลังจากทานกลางวันเสร็จ ก็ไปเดินย่อยชินจูกุกันค่ะตึกสูงๆ เยอะแยะ ที่ถ่ายตึกไว้ก็เพราะไกด์บอกให้เราเดินเล่นกันตามสะดวกแล้วมาเจอกันตอนทุ่มครึ่งตรงจุดนี้ เรากลัวจำไม่ได้อ่ะ เลยถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเผื่อหลงก็เปิดรูปให้คนญี่ปุ่นดูซะเลยผู้คนมากมายในย่านนี้เดินกันควักไคว่ข้ามถนนก่อนดีกว่า จำได้ว่าเราตั้งใจจะไปอิเซตันเพราะน้องสาวฝากซื้อกระเป๋าทุเรียนน่าจะจากเมืองไทยนะมะพร้าวก็มี แพงจังไปดูสาวๆ ย่านชินจุกุกันบ้างน่ารักทั้งนั้นเราเดินเล่น shopping กันไปมา จนมืดค่ำ เราก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่กลับ รร.พร้อมคณะดีกว่าเพราะกลับไปก็ไม่มีอะไรทำ เข้าห้องนอนเบื่ออ่ะ อุตส่าห์บินมาตั้งไกล เราเลยโทรบอกไกด์ว่าจะนั่ง Taxi กลับเอง จากนั้นเราก็ตะลุยชินจูกุกันต่อเลยหลังจาก shop จนหนำใจแล้วเราก็เรียก taxi กลับโอ้ แม่เจ้าค่า taxi ขึ้นเร็วมากๆ นั่งไปไม่ถึง 15 นาที ค่า taxi 800 บาท แต่ไม่เป็นไร ได้ความสนุกอ่ะวันต่อมาเป็นไฮไลท์แล้ว นั่นคือ ไปดูซากุระกันอันนี้เป้นต้นแรกๆที่เราเห็นระหว่างทางไปถ่ายใกล้ๆ ระหว่างเดินทางที่จอดรถไปสวนสาธารณะอุเอโน๊ะมาถึงแล้ว พอมาถึงเราก็กระจัดกระจายกันไปถ่ายรูปตามมุมต่างๆ เล้วค่อยกลับมาที่จุดนัดพบตอนเราไปถือว่ายังไม่บานเต็มที่นะ ทั้งๆ ที่เป้ผนช่วงเวลาทีเขาคาดการณ์ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมซากุระที่โตเกียว แต่เพราะปีนี้หนาวนาน ซากุระก็เลยไม่อยากบานอ่ะเราเดินไปเดินมไกด์ก็มาชวนให้ถ่ายรูปคู่ และเรียกเราว่าคู่ฮันนี่มูน เออลืมไป เมื่อคืนที่เราโรบอกไกด์ว่าจะนั่ง taxi กลับเอง เราก็โทรไปหาไกด์พร้อมบอกชื่อ แต่กลัวว่าไกด์จะจำไม่ได้ ก็เลยบอกนิคเนมว่าคู่ฮันนี่มูน เขาก็อ๋อ ทันที และก็เรียกเราว่าคู่ฮันนี่มูนตั้งแต่วันนั้นเมืองไทยน่าจะหาดอกไม้อะไรสักอย่างเพื่อทำเป็น สวนใหญ่ๆ แล้วให้นักท่องเที่ยวมาชมอย่างนี้นะ หารายได้เข้าประเทศอันนี้พันธ์สีขาว ซากุระมีหลายพันธ์ทั้งสีขาว สีชมพู ดอกเล็ก ดอกใหญ่แวะกินทาโกะยากิ ขนานแท้ดีกว่าอร่อยมาก ร้อนๆ ท่ามกลางอากาศเย็นๆที่นี่นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ทั้งคนญี่ปุ่นเอง คนไทย คนจีน ทางยุโรป อเมริกา อาจเพราะ 1 ปีมีครั้งเดียวทำให้คนไม่อยากพลาดโอกาสอยากจะเก็บภาพไว้เยอะๆถังขยะที่โน่นแยกหลายประเภทมาก ทำให้เราคิดอยู่นานว่าขยะในมือเราจะใส่ถังไหนดี ต้องแยก่อนหรือเปล่าดอกตูมๆสีมชมพูบ้างอีกสักรูปจุดหมายต่อไป Tokyo Disneyland จริงๆ ไม่ค่อยอยากไปอ่ะ อยากไป shopping มากกว่ามุมนี้ มุมทิวลิป จนกว่าจะเข้าไปถ่ายได้ต้องต่อคิวอ่ะ ก็ดีนะมีระเบียบดี ได้ทุกคนแอบเจอสาวๆคิกขุ น่ารักพาเหรดกลางวันมาแล้วคนเยอะมาก อากาศก็หนาวปราสาทเทพนิยายเข้าไปเล่นใน small town ไม่ค่อยได้เล่นอะไรมาก เพราะต่อคิวยาวมากบางเครื่องเล่น 4 ชม. แน่ะ โอ้ย ไม่ไหวอ่ะชอบรูปนี้จัง แสงยามเย็นใกล้เย็นแล้ว อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆมืดแล้วอ่ะ ระหว่างรอพาเหรดตอนค่ำดอกทิวลิปรออยู่นานจนกว่าพาเหรดจะมา แต่ในที่สุดก็ทนความหนาวไม่ไหว เข้ามาหลบข้างในดีกว่า ไม่ดูก็ได้ หนาววันรุ่งขึ้นกลับบ้านแล้วจ้าบ้าย บายไปด้วยไอติมรสซากุระ แล้วจะไปเยี่ยมใหม่นะ