Group Blog
 
 
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
คนไทยหัวใจมีปีก---นางสาวสยาม---พี่น้องตระกูลไรท์ [บันเทิง]











































ตอนแรกเลย...ผมกะว่าจะอัพบล็อกเกี่ยวกับหนังเรื่อง "รักสยามเท่าฟ้า" อย่างเดียว


แต่ไปๆมา..นึกขึ้นได้ว่าประเทศไทยมีเครื่องบินลำแรกชื่อ "นางสาวสยาม" นี่นา

เลยไปหารายละเอียดมาเล่าให้ฟังด้วยเลยคับ

แต่ยิ่งหาไปค้นมา...ก็ยิ่งได้ข้อมูลเก่าๆตั้งแต่มนุษย์เริ่มจะหาทางที่จะบินกันเลย


ไปได้เรื่องของ "พี่น้องตระกูล ไรท์" เข้ามาอีก


เอาเป็นว่า...บล็อกนี้ ขอยำรวมเป็นเรื่องเดียวกันไปเลยแล้วกันครับ

ไม่อยากตัดส่วนไหนเลย....ชอบๆๆ


อย่างน้อยก็ได้รู้ประวัติความเป็นมา ตั้งแต่ดั้งเดิม...เกี่ยวกับการบินของมนุษยชาติ ทีเดียว



มาอ่านกันเลยค๊าบ



---------------------------------------------------------






ชื่ออื่นๆ : First Flight
ชื่อไทย : รักสยามเท่าฟ้า
ผู้กำกับ : ธนิตย์ จิตนุกูล
ผู้แต่ง : ก้องเกียรติ โขมศิริ



เนื้อเรื่องย่อ ปีพ.ศ. 2447 พันโทหลวงกาจยุทธการ(ขจรศักดิ์ รัตนนิสัย ) กลับจากฝึกเรียนการบินจากฝรั่งเศส ได้รับมอบหมายให้จัดตั้งกองบินแห่งสยาม แม้ขุนนางราชการผู้ทรงอำนาบางท่านมองเรื่องเครื่องบินเป็นไร้สาระหลวงกาจ จึงต้องปรับเปลี่ยนความเชื่อนี้
ภารกิจแรงแห่งกองการแห่งสยาม ต้องฝึกนักบินคนสยามขึ้นมาให้ได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ปิแอร์ ปูแปง(ทอม เคลย์เตอร์)ครูฝึกของหลวงกาจ ศิษย์การบินรุ่นแรก ประกอบด้วยนายทหารสัญญาบัตร 4 นายร้อยโทรัตน์(วูฒิชัย ไหมกัน),ร้อยเอกอัษฎา(กฤษณ์ สุวรรณภาพ),พันตรีทวยเทพ(ผดุงศักดิ์ กิจจานิชขจร),ร้อยตรีดำเกิง(กฤษฎา พัชรพิพัฒน์) โดยมีพลทหารชั้นประทวนร่วมกองบินเพียง 1 นาย คือพลทหาร ดวง เด็ดฉิมพลี(ศรราม เทพพิทักษ์) ลูกชาวนาที่ใฝ่ฝันเป็นนักบิน

เมื่อเครื่องบินจากประเทศฝรั่งแปลกปลอมเข้ามาบนทุ่งนาสยาม...

เมื่อเครื่องบินประจัญหน้ากับความ.. ไม่มีอะไรสนุก น่ารัก และต้องใช้ความกล้า ความรัก ความสามัคคี เข้าเผชิญหน้าเท่านี้อีกแล้ว

ครั้งแรกที่คนไทยได้ขึ้นไปสัมผัสความงามแห่งฟากฟ้าแผ่นดินตนเอง เป็นที่รำลึกกล่าวขานของคนรุ่นหลังจงบจนทุกวันนี้

"น่านฟ้าของแผ่นดินสยาม จะงดงามกว่าที่เคย"







Trailer
































นางสาวสยาม (Miss Siam)





“ นางสาวสยาม ” หรือ “MISS SIAM” เป็นชื่อของเครื่องบิน ซึ่งถือได้ว่าเป็นเครื่องบิน พลเรือน เครื่องแรกของไทย ที่จัดซื้อโดยคนไทยด้วยทุนส่วนตัว

เมื่อปี พ.ศ. 2473 นาวาอากาศเอก เลื่อน พงษ์โสภณ ได้รับพระราชทานทุนส่วนพระองค์ จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ให้ไปศึกษาวิชาการบินที่ Parks Air College ใน East St. Louid ในมลรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา (ปัจจุบัน คือ SAINT LOUIS UNIVERSITY ) เป็นเวลา 3 ปี ศึกษาจนจบชั้นสูงสุดของโรงเรียน

ในปี พ.ศ. 2475 ก่อนเดินทางกลับเมืองไทย นาวาอากาศเอก เลื่อนฯ ได้ไปรับจ้างแสดง การบินผาดโผนเป็นที่ชื่นชมของผู้ชม จึงได้เดินทางไปแสดงในรัฐต่างๆหลายแห่ง จนสามารถเก็บเงินซื้อเครื่องบินส่วนตัวได้ 1 ลำ ในราคา 6 , 000 บาท ให้ชื่อว่าเครื่องบิน นางสาวสยาม หรือ MISS SIAM โดยซื้อจากบริษัท TRAVEL AIR ซึ่งเป็นแบบเดียวกัน กับที่ นาวาอากาศเอก เลื่อนฯ เคยอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและนำกลับมาเมืองไทยด้วย




ก่อนที่จะได้ทำงานในบริษัทเดินอากาศไทย นาวาอากาศเอก เลื่อนฯ ต้องว่างงานอยู่ 1 ปี เต็มเนื่องจากหน่วยบินต่างๆยังไม่เชื่อความสามารถ จึงมีความคิดว่าจะต้องพิสูจน์ให้ดูก่อน โดยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 7 บิน ไปเชื่อมความสัมพันธไมตรีที่เมืองจีนซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงที่สโมสร สามัคคีจีนสยามช่วยกันเรี่ยรายเงินให้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ ได้เงิน 2,000 บาท

เมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นาวาอากาศเอก เลื่อนฯ เริ่มออกเดินทางด้วยเครื่องบิน นางสาวสยาม ซึ่งเป็นเครื่องบินเล็กจากดอนเมือง แวะลงเติมน้ำมันที่โคราช ออกจาก โคราชไปร้อยเอ็ดออกจากร้อยเอ็ดไปนครพนม พักอยู่ที่นครพนม 3 วันแล้วออก เดินทางจากนครพนม ไปเมืองวินประเทศเวียดนาม โดยมีคุณพระพนมนครานุรักษ์ และประชาชนชาวนครพนมไปให้กำลังใจ ระยะทางช่วงนี้ต้องบินผ่านภูเขา สูง 4,000 ฟุต ซึ่งต้องบินวนหาช่องทางเปิดเพราะไม่สามารถบินข้ามภูเขาได้ ในที่สุดถึงเมืองวินแวะเติมน้ำมัน แล้วบินต่อไปยังฮานอยค้างคืนที่ฮานอย 1 คืน รุ่งเช้าออกจากฮานอยผ่านไฮฟองไปบองกาย ออกจากบองกอยจะไปเกาะไหหลำ แต่เครื่องยนต์ขัดข้องจึงลงที่ตำบลลองบุน ค้างที่ลองบุน 1 คืน ออกจากลองบุนถึง ไหหลำ จากไหหลำบินต่อไปที่ไทปิงไปลงที่ฟอร์ตราย่า เติมน้ำมันแล้วบินไป หมาเก๊า ไปลงที่ฝั่งเกาลูน (ฮ่องกง) อยู่ที่ฮ่องกง 5 วัน จากเกาลูนไปที่กวางตุ้ง พักอยู่ ที่กวางตุ้ง 3 วัน จากนั้นบินไปซัวเถาเพื่อต่อไปเซี่ยงไฮ้ แต่มีคนบอกว่าไปไม่ได้เพราะ จีนกับญี่ปุ่นกำลังรบกันอยูที่ป้อมวูซุง จึงต้องบินกลับฮ่องกงพักซ่อมเครื่อง 2 วัน จึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ ออกเดินทางจากฮ่องกงแวะเกาะไหหลำ ไปเติมน้ำมัน ที่เมืองวิน ออกจากเมืองวินบินเข้านครพนม รุ่งขึ้นออกจากนครพนมผ่านร้อยเอ็ด ผ่านโคราชถึงดอนเมืองด้วยความปลอดภัย

ระหว่างการเดินทางได้พบอุปสรรคมากมาย เช่น เครื่องบินเสียต้องร่นลงซ่อมเครื่องเอง แวะลงที่ไหนก็ถูกทหารเมืองนั้นจับกุมต้องอดอาหารไม่ได้หลับนอน และยังถูกเรือรบที่ กวางตุ้งใช้ปืนยิงทะลุอีกด้วย เพราะเข้าใจว่าเป็นเครื่องบินของฝ่ายตรงข้าม แต่ นาวาอากาศเอก เลื่อนฯ ได้ใช้ปฏิภาณและความรู้ในเรื่องช่างเครื่องยนต์มาประกอบด้วย สามารถเอาตัวรอดมาได้หวุดหวิดทุกครั้ง ในที่สุดก็เดินทางไปจนถึงเมืองจีน (มณฑลกวางตุ้ง)

มูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2535 โดยมี นาวาอากาศเอก วีระยุทธ ดิษยะศริน เป็นประธานกรรมการ มีวัตถุประสงค์ หลายประการ เช่น บูรณะ ฟื้นฟู อนุรักษ์ไว้ซึ่งอากาศยานในอดีตและ ที่ปลดประจำการแล้วในทุกด้านเพื่อให้สามารถนำกลับมาทำการบินเพื่อเป็น ประโยชน์ทางด้านประวัติศาสตร์การบินเป็นสายวิทยาการในการค้นคว้าศึกษา ในด้านต่างๆเกี่ยวกับการบินของอากาศยานในอดีตเพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนา อากาศยานของประเทศต่อไปในอนาคตเป็นพิพิธภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์การบิน และการอวกาศของประเทศไทย ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคและวัตถุประสงค์อื่นๆอีก โดยที่มูลนิธิฯมองเห็นว่าเครื่องบิน “ นางสาวสยาม” เป็นเครื่องบินพลเรือน เครื่องแรกของประเทศไทยที่ควรจะ บูรณะฟื้นฟูและอนุรักษ์ไว้เพื่อให้สามารถ นำกลับมาทำการบินอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ ์ทางด้านประวัติศาสตร์การบิน โดยจะ ทำการบินย้อนประวัติศาสตร์เพื่อเชื่อม สัมพันธไมตรีไทย-จีน เมื่อ พ.ศ. 2475 ของ นาวาอากาศ เอก เลื่อนฯ และจะทำ การบินเมื่อครบรอบ 70 ปี คือในปี พ.ศ. 2545 ตามเส้นทางเดิม มูลนิธิฯ จึงได้ริเริ่มโครงการบูรณะ ฟื้นฟูเครื่องบิน “นางสาวสยาม” ขึ้นโดยขอรับการสนับสนุนจากศูนย์การบินทหารบกให้นำมาบูรณะฟื้นฟูได้เมื่อ ปี พ.ศ. 2537 หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2538-2539 มูลนิธิฯได้จัดส่งเครื่องบินนางสาวสยาม โดยทางเรือไปบูรณะฟื้นฟูที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และมูลนิธิฯได้จัดซื้อเครื่องบิน แบบเดียวกัน (TRAVEL AIR 2000 ) จากประเทศสหรัฐอเมริกาอีก 1 เครื่อง รวมเป็น 2 เครื่อง เพื่อบูรณะฟื้นฟูตามวัตถุประสงค์โดยมูลนิธิฯได้รับความร่วมมือจากกองทัพอากาศ ช่วยสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ช่างอากาศและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นข้าราชการของ กองทัพอากาศและเป็นสมาชิกชมรมอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทยไปฝึกงานในการ บูรณะฟื้นฟูอากาศยานต่างๆ รวมทั้งอากาศยานแบบ TRAVEL AIRด้วยโดยมูลนิธิฯเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายการ บูรณะฟื้นฟูเครื่องบิน“ นางสาวสยาม” ได้ดำเนินก้าวหน้าไปตามลำดับโดย เจ้าหน้าที่ช่างของมูลนิธิฯที่ส่งไปฝึกงาน สามารถสร้างโครงสร้างของเครื่องบิน เช่น ปีก ซึ่งทำด้วยไม้ โครงสร้างลำตัว และ เครื่องยนต์ เป็นต้น จนได้รับคำชมเชยจาก ช่าง ชาวสหรัฐอเมริกา ว่าฝีมือ ช่างไทยสามารถทำได้ ประณีตและ ดีเป็นเยี่ยม หลังจากนั้น ประมาณปี พ.ศ. 2540 -2541 มูลนิธิฯได้จัดส่งชิ้นส่วนโครงสร้างเครื่องบินนางสาวสยาม ที่บูรณะฟื้นฟูและสร้างใหม่ส่วนหนึ่งกลับมายังประเทศไทยพร้อมเครื่องมือช่าง ไปดำเนินการบูรณะฟื้นฟูต่อที่ชมรมอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นชมรมในสาขาของมูลนิธิฯ โดยใช้ช่างที่ผ่านการฝึกงาน จากประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว











กว่าจะมาเป็นเครื่องบินนางสาวสยามในวันนี้
















โครงสร้างปีกที่สร้างมาจากไม้ spruce และลำตัวสร้างจากท่อโลหะที่เชื่อมถักเป็นโครงสร้างแบบสะพาน (TRSUT) ความดั้งเดิมที่หาไม่ได้แล้วในการบินแห่งยุคปัจจุบัน แต่ยังคงมนต์เสน่ห์ของกลิ่นไอยุค 30 ด้วยความรู้สึกเฉกเช่นนก







การประกอบ Center Wing (ปีกด้านบน)

















เครื่องบินพลเรือนลำแรกของประเทศไทย










เครื่องบินนางสาวสยาม
MISS SIAM
เป็นเครื่องบินพลเรือนลำแรกของไทย ซึ่งจัดซื้อโดย นาวาอากาศเอกเลื่อน พงษ์โสภณ ด้วยทุนส่วนตัวและได้ทำการบินเชื่อมสัมพันธไมตรี ไทย-จีน เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2475
เครื่องบินนางสาวสยาม
ความกว้างปีก 34 ฟุต 8 นิ้ว
ความสูง 8 ฟุต 9 นิ้ว
ความยาว 24 ฟุต 7 นิ้ว
พื้นที่ปีก 296 ตารางฟุต
น้ำหนักเปล่า 1335 ปอนด์
น้ำหนักบรรทุกสูงสุดรวม 2180 ปอนด์
- น้ำหนักใช้ประโยชน์ 845 ปอนด์
- น้ำหนักเชื้อเพลิง 380 ปอนด์
เครื่องยนต์ Curtiss OX-5 90 แรงม้าที่รอบ 1450 ต่อนาที
ความสิ้นเปลือง 8 US. แกลลอน/ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุด 110 ไมล์/ชั่วโมง
ความเร็วเดินทาง 85 ไมล์/ชั่วโมง










ฟังเพลง นางสาวสยาม











พี่น้องตระกูล "ไรท์"


ใครคือมนุษย์ที่บินได้ของโลก


"ต่อให้สักพันปีมนุษย์ก็บินไม่ได้หรอก" วิลเบอร์ ไรท์ พูดอย่างหัวเสีย หลังประสบความล้มเหลวในการทดลอง ที่มีขึ้นในวันหนึ่งเมื่อปีค.ศ.1901 ไม่ใช่เขาคนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้น ยังมีอีกหลายคนในยุคเดียวกัน ที่พยายามทำให้มนุษย์บินได้ แต่ต้องพบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนนก
หลายคนก็คิดเช่นเดียวกับเขาแหละว่า "มนุษย์ไม่มีทางบินได้" ไม่มีทาง!!!






ความสนใจในการบินมีมาตั้งแต่พวกเขายังเด็กแล้ว แต่ที่จุดประกายให้สองพี่น้องสนใจสร้าง "เครื่องยนต์บินได้" อย่างจริงจังนั้น เป็นเพราะข่าวการเสียชีวิตของ ออตโต ลิเลียนธัล นักเล่นเครื่องร่อนชาวเยอรมันที่ฝันว่าจะบินให้ได้

ในปี 2453 พวกเขาได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการบินทั้งหมดเท่าที่จะหาได้ โดยวิลเบอร์ ไล่อ่านข้อมูลเกี่ยวกับการบินที่ขอมาจากสถาบันสมิธโซเนียน และได้ข้อสรุปออกมาว่า ถ้าจะทำให้มนุษย์บินได้ ต้องมีองค์ประกอบสำคัญสามอย่างด้วยกัน ได้แก่ การยกตัว การเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และการควบคุมการบิน และเขาพบว่า ประเด็นเกี่ยวกับการควบคุมเป็นประเด็นที่ยังมีความเข้าใจอยู่น้อยที่สุด และทฤษฎีต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถหาทางออกให้ได้





เขาให้เหตุผลไว้ว่า เครื่องบินจำเป็นต้องอาศัยการควบคุมในสามลักษณะ ได้แก่ การหมุนตัวของแกนขวาง เรียกว่า pitch ซึ่งทำให้เครื่องยกตัวขึ้นหรือลง การหมุนตัวของแกนตั้ง เรียกว่า yaw ทำให้เครื่องหันหัวไปทางซ้ายหรือขวา และการหมุนตัวของแกนยาว เรียกว่า roll เพื่อเลี้ยวเครื่องบิน

การยกเครื่องขึ้นลง และการเหเครื่องไปทางซ้ายหรือขวานั้น ได้ศึกษาจนเป็นที่เข้าใจแล้ว และพวกเขาได้ศึกษาการเลี้ยวตัวของจักรยานเพื่อใช้ออกแบบวิธีควบคุมการเคลื่อนไหวของเครื่องบินตามแกนยาว และพบว่าถ้าเพิ่มแรงยกให้กับปีกข้างหนึ่ง ปีกอีกข้างหนึ่งจะลดระดับลง เขาเชื่อมั่นว่าวิธีดังกล่าวจะทำให้เครื่องตีโค้งและแก้ปัญหาที่เหลือได้

จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่เกี่ยวกับการยกตัว และระบบควบคุมที่เขาพัฒนาขึ้นมาเอง วิลเบอร์ได้สร้างว่าวสองปีกขึ้นมาในเวลารวดเร็ว ว่าวตัวนี้ช่วยสนับสนุนทฤษฎีของเขาว่าด้วยการควบคุมเครื่องบิน






หลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่พักใหญ่ ในที่สุดพี่น้องตระกูลไรท์ก็ตัดสินใจทดสอบทฤษฎีควบคุมเครื่องด้วยการกระดกปีก (wing-warping theory) โดยใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

ในฤดูหนาวของปี 1900 ทั้งคู่เดินทางไป "คิตตี้ ฮอว์ก" เพื่อทดลองบินด้วยเครื่องร่อน ในการทดลองครั้งนี้ ระบบควบคุมที่ออกแบบไว้เพิ่มประกายความหวังให้วิลเบอร์และออร์วิลล์ ถึงแม้ว่าปีกเครื่องร่อนจะยกระดับได้ไม่มากตามที่คำนวณไว้ก็ตาม หลังจากนั้นทั้งสองกลับมาอีกครั้ง ในปี 1901 พร้อมกับปีกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ปีกก็ยังไม่สามารถยกขึ้นได้ตามที่คำนวณไว้ และอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์ที่มีกำลังมากกว่านี้

ระหว่างทางกลับบ้าน วิลเบอร์ถึงกับบ่นด้วยความทดท้อว่า "ต่อให้อีกพันปีมนุษย์ก็ยังบินไม่ได้หรอก"

ทั้งสองกลับมานั่งคิดนอนคิดว่า วิธีการคำนวณที่ใช้ต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง พวกเขาต้องทดสอบข้อมูลด้วยตัวเอง โดยสร้าง "อุโมงค์ลม" ขึ้นในโรงงาน และพี่น้องสองคนช่วยกันทดสอบชุดปีกเครื่องบินกว่า 200 แบบในอุโมงค์ลม และค้นพบว่าข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้านี้มีจุดผิดพลาด






ในปี 1902 พี่น้องตระกูลไรท์เดินทางมาคิตตี้ ฮอว์ก อีกครั้งพร้อมกับเครื่องร่อนที่พวกเขาออกแบบปีกเอง และใช้วิธีการคำนวณของตัวเอง ปีกที่พวกเขาออกแบบนี้มีขนาดยาวแต่แคบกว่ารุ่นก่อน และใช้การได้ดีกว่ามาก

หลังจากเปลี่ยนจากครีบหางที่ติดตายตัวมาเป็นหางเสือแบบใหม่ที่ขยับได้สอดคล้องกับเทคนิคกระดกปีก ทั้งสองก็สามารถควบคุมเครื่องร่อนได้ดังใจ การบังคับเครื่องร่อนบนความสูงกว่า 550 ฟุต เป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว

ตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วสำหรับขั้นต่อไป...บินด้วยเครื่องยนต์ !!!
พี่น้องตระกูลไรท์ได้สร้างเครื่องยนต์อะลูมิเนียมสี่สูบขึ้นในโรงงานของตัวเอง เครื่องยนต์นี้หนัก 200 ปอนด์ มีกำลัง 12 แรงม้า และด้วยเหตุที่ยุคนั้นไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการทำใบพัดสำหรับเครื่องบินอยู่เลย ทั้งสองเลยต้องกลับไปที่อุโมงค์ลมอีกครั้ง เพื่อพัฒนาใบพัดอย่างที่พวกเขาต้องการ พี่น้องไรท์ให้เหตุผลว่า "ใบพัดก็คือปีกเครื่องบินที่หมุนได้เท่านั้น"







พี่น้องไรท์ออกแบบใบพัดในลักษณะเดียวกับปีก ด้วยคิดว่าแรงกระทำเดียวกับที่ทำให้เกิดแรงยก จะทำให้เกิดแรงผลักไปข้างหน้า พวกเขาติดตั้งใบพัดสองใบไว้ที่ท้ายเครื่องบิน โดยหมุนไปคนละทิศ

แม้ว่า "เครื่องยนต์บินได้" ของพี่น้องไรท์จะยังไม่ได้พิสูจน์ว่าบินได้จริงๆ แต่พี่น้องตระกูลไรท์มีความมั่นใจเต็มร้อยว่าพวกเขาทำได้สำเร็จ แทนที่พวกเขาจะเลือกจดสิทธิบัตรการทำงานที่ประกอบไปด้วยมู่เล่ สายพาน และโซ่ พวกเขากลับเลือกจดสิทธิบัตร "ความคิด" ว่าด้วยความสำคัญของการงอปีก เพื่อควบคุมการหมุนตามแกนทั้งสาม (แกนตั้ง นอน และขวาง)







ในวันทดสอบการบินด้วยเครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ วิลเบอร์ชนะโยนเหรียญเลยได้ขึ้นไปบังคับเครื่อง หลังจากวิ่งไปตามรางสำหรับนำเครื่องบินได้ไม่ไกล เครื่องบินยกตัวลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วหยุด และตกลงมากระแทกพื้นทำให้ตัวยกเพดานบินได้รับความเสียหาย ทั้งสองได้ใช้เวลาวันต่อมาซ่อมมัน วันต่อมาอากาศไม่เป็นใจเลยไม่ได้ทดสอบ

จนวันที่ 17 ธันวาคม หนึ่งร้อยปีก่อน ลมจากเหนือพัดมาด้วยความเร็ว 24 ไมล์ต่อชั่วโมง คราวนี้ตาออร์วิลล์ขึ้นไปบังคับเครื่อง เวลาประมาณ 10.35 น. อาร์วิลล์เร่งเครื่องช้าๆ ไปตามราง หลังจากวิ่งไปได้ชั่วครู่ เครื่องบินลอยขึ้นสู่อากาศ ออร์วิลล์กับ "เครื่องยนต์บินได้" ทรงตัวอยู่กลางอากาศสู้กับแรงลมที่เพิ่มขึ้นเป็น 27 ไมล์ต่อชั่วโมง ใช้เวลา 12 วินาที และบินไกลจากจุดนำเครื่องขึ้น 120 ฟุต





ในที่สุด พี่น้องตระกูลไรท์ทำได้สำเร็จ พวกเขาบินได้!!!
พี่น้องไรท์ทดสอบบินอีกสามครั้งในวันนั้น ผลัดกันขึ้นไปควบคุมเครื่อง เที่ยวบินสุดท้ายของวันนั้น วิลเบอร์บินได้ไกล 852 ฟุต ในเวลา 59 วินาที กระแสลมที่รุนแรงในวันนั้น ทำให้เครื่องบินได้รับความเสียหาย และต้องขนขึ้นเรือกลับมาที่เดย์ตัน

กลับมาพี่น้องไรท์ได้ปรับปรุงแบบเครื่องบิน และตั้งเป้าที่จะพัฒนาเครื่องบินที่ใช้งานได้จริง และในปี 1905 พวกเขาก็ทำได้สำเร็จ เครื่องบิน "ฟายเออร์ ทรี" สามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้าภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์ โดยสามารถบินได้ไกล 25 ไมล์ ใช้เวลานานถึง 40 นาที

ความทุ่มเทและเอาจริงของสองพี่น้องตระกูลไรท์ เป็นทั้งแรงบันดาลใจและแบบอย่างให้นักประดิษฐ์รุ่นหลังยึดเป็นแบบอย่าง









































Create Date : 27 มกราคม 2551
Last Update : 27 มกราคม 2551 0:00:10 น. 9 comments
Counter : 3187 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะที่นำมาฝากกันนะค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:0:15:41 น.  

 
ชอบจังเลยค่ะ...


โดย: ZiNNiAz วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:1:40:08 น.  

 
อยากดูหนังเรื่องนี้นะครับ


โดย: เพกร (เพกร ) วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:8:46:56 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ


โดย: รัตตมณี (kulratt ) วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:19:05:39 น.  

 
The Shawshank Redemption
ที่ร้านเช่า...มีแน่นอนค่ะ
เพราะวีเองก็เช่ามาดู
(ชอบดูเรื่องนี้...เวลาจิตตกค่ะ
เรียกความแข็งแกร่งกลับมา
ได้ชงัดนัก)


โดย: โสดในซอย วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:18:33:55 น.  

 


โดย: นายแจม วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:7:51:33 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มากยังไม่ได้ดู
ชอบนักบินทุกคน
คือเป็นคนชอบหนังแนวรักชาติแนวต่อสู้ก็เลยว่าจะไปดู
อุดหนุนหนังไทยนะครับและยังมีประวัติดีๆแบบนี้ด้วยชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆมักมากมาก
แค่นี้แหละครับ


โดย: 123show IP: 125.26.179.159 วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:19:33:48 น.  

 
อยากเป็นนักบินบ้างจัง
เป็นผู้ผลิตด้วยก็ดีนะครับ
อยากรู้ว่าชินส่วนแต่ละชินทำกันใด้ยัง
ประกอบกันยังใง และรู้ใดไงว่าทดสอบบินและจะบินได้จริงเมื่อสร้างเสร็จ และขอบคุณครับสำหรับหข้อมูลที่ให้


โดย: นิล IP: 164.115.7.10 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:54:32 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.122.247.144 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:23:09:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นอกลู่นอกทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








ภาพถ่ายดาวเทียมด้านอุตุนิยมวิทยา
ภาพสดๆจากที่ต่างๆทั่วมุมโลก
Ban Na Song BKK, Thailand
Karon Beach , Phuket , Thailand
Federal Highway, Angkasapuri ,Pantai Valley , Malaysia
Delta Estate , Singapore
Malate ,Manila , Philippines
Bandar Seri Begawan , Brunei
Guangxi Guilin, China
달빛무지개분수(Banpo Bridge Fountain )Sin’gilsa-dong , Seoul , South Korea
Hong Kong skyline from Admiralty, China
Shiomidai , Kanagawa , Japan
Cable Beach, Broome, Western Australia, Australia
Keahua Hawaii , USA
Sacramento California, USA
Washington D.C., USA
Manhattan , New York , USA
McCulloch Kelowna, Canada
Niagara Falls , Ontario , Canada
Panama Canal , Bella Vista , Panama
Santiago de Chile , Región Metropolitana , Chile
Fairbanks, Alaska Forecast Arctic
Mar del Plata Buenos Aires , Argentina
Tasiilaq , Østgrønland , Greenland
London Skyline from the Sheraton Park Tower , Knightsbridge , United Kingdom
Trafalgar Square , London , United Kingdom
Eiffel Tower Paris, France
Harstad Nordland , Norway
Halsum , Svalbarð , Iceland
Amsterdam , Netherlands
Vatican City State, Saint Peter's Basilica Borgo , Italy
Berlin, Germany
Чебоксарский залив, Yakimovo, Chuvashia , Russia
Udaipur Lake Pichola , Rājasthān , India
Mount Everest , Junbesi , Sagarmāthā , Nepal
Cape Town Sanddrift, South Africa
Orpen , Richmond , South Africa
Abū Hayl Dubai , United Arab Emirates
Kairo, Egypt
Medhufushi, Maldives
Mawson station Antarctica

Profile Visitor Map - Click to view visits
หนังทุกเรื่องหรือเพลงทุกเพลงในบล็อกนี้ เป็นเจ้าของ ของลิขสิทธินั้นๆตามเจ้าของเดิม นำมาเพื่อแบ่งปันชมกันในหมู่เพื่อนพ้อง ชาวบล็อกแก้งค์เท่านั้นครับ....
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 หากผู้ใดคิดจะ ลอกเลียน หรือนำส่วนใดส่วนหนื่ง ของข้อความใน Blog แห่งนี้ไปเผยแพร่ ให้นำไปได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต จขบ. แต่ต้องคัดลอกแจกจ่ายให้ครบ 50 ก็อปปี้ ไม่เช่นนั้น จะมีอันเป็นไป ต่างๆนานา ถึงขั้นชีวิตตกอับ อิอิ หากแต่ว่า..นำชื่อ จขบ. ไปใช้ในทางเสียหายหรือประจาน จะถูกดำเนินคดี ตามที่ กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด นะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add นอกลู่นอกทาง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.