Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
มิตรภาพ ไทย ลาว เวียดนาม

เมื่อต้องเดินทางสู่ดินแดนต่างถิ่นจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้เลย

เริ่มต้นออกเดินทางก็เริ่มสนุกแล้ว ตื่นเต้นมากออกมายืนรอรถทัวร์แสนหรูที่จะเดินทางไปตั้งแต่ ๑๗.๓๐ น. แต่รถมา ๑๙.๐๐ น. รอซะหนึ่งชั่วโมงครึ่งสบายขาไปเลย กว่าจะถึงจังหวัดมุกดาหาร ก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ไปหลายรอบ พอไปถึงก็รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วเดินทางเข้าสู่ด่านไทย-ลาว



เมื่อมาถึงด่านไทย-ลาว ก็ต้องเปลี่ยนมานั่งรถของเวียดนามแล้วค่ะ ช่างสบายจริง ๆ รถมาจอดรอรับที่ด่านเลยจากนั้นเราก็เดินทางเข้าสู่ "แขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว" เราได้ผ่านวงเวียน "กะปอมยักษ์" (ไดโนเสาร์หน่ะ) แต่ถ่ายรูปไว้ไม่ทันค่ะเสียดายมาก กะปอมเขาน่ารักจริง ๆ ค่ะ ต่อไปนะคะ สถานที่แรกที่เราได้ไปชมก็คือ "พระธาตุอิงฮัง" เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองสะหวันนะเขต การแต่งกายก่อนที่จะเข้าในวัดผู้หญิงต้องนุ่งผ้าซิ่น หรือผ้าถุงค่ะ ไม่อย่างงั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าค่ะ เราต้องบริจาคเงินค่าผ้าซิ่นด้วยนะคะ (ตามศรัทธา มีน้อยให้น้อย มีมากให้มาก)





หลังจากนมัสการวัด พระธาตุอิงฮัง เสร็จก็ออกเดินทางต่อ ไกด์ชาวลาว ก็บรรยายเรื่องราวของประเทศลาวให้ฟัง ฟังไปหลับไปตามอัธยาศัยจริง ๆ นั่งรถไปสักประมาณ ๒-๓ ชั่วไมงมั้ง (ลืมดูนาฬิกา) ก็มาถึง ร้านอาหาร สำหรับมื้อเที่ยงพอมาถึงที่ร้านนึกว่า ไกด์พามางานบวชซะอีก จัดเหมือนงานบวชบ้านเรามาก ๆ กางเต็นท์แบบคุณหนุ่มเหน่อไปขอยืมเจ้าอาวาสมาเลยค่ะ กางไว้หน้าร้านหลายเต็นท์เชียว และก็กั้นไม้กระดานด้วยนะคะ ประมาณว่า ไม้นี้คือรั้วนะ มีแม่หญิงลาวมาขายของที่หน้าร้านอาหารด้วย



เมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยก็เริ่มเดินทางต่อค่ะ ไกด์ชาวลาวก็จะเล่าเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนลาว ไกด์ให้เราสังเกตถ้าบ้านหลังไหนทำด้วยอิฐแสดงว่ามีฐานะดีค่ะ ส่วนบ้านไหนทำด้วยไม้แสดงว่ามีฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่สะหวันนะเขต มีแพะ กะหมูป่าเยอะมากค่ะ พอเห็นหมูป่า ปุ๊บ ก็นึกถึงเรื่อง เพชรพระอุมา ทันทีเลยค่ะ ขำ ๆ

เล่าต่อดีกว่า นั่งรถมาสักพักแบบหลับ ๆ ตื่น ๆ ก็มาถึงด่าน ลาว - เวียดนาม หรือเรียกว่า ด่านลาวเบา ค่ะ โอ๊ะโหซุ้มประตูช่างอลังการงานสร้างจริง ๆ ค่ะ สวยงามมากใต้ซุ้มมีภาพด้วยค่ะ





นั่งเล่นอยู่ที่ด่านสักพักเพื่อรอทำเรื่องผ่านด่าน เมื่อทำเรียบร้อยก็เริ่มเดินทางกันต่อ ไกด์ชาวลาวก็ลาพวกเรากลับบ้านไป และคราวนี้เราได้ไกด์ชาวเวียดนามเป็นหญิงสาวน่ารักมาก ๆ ขอบอกแอบกิ๊กกั๊กไกด์เวียดนามซะแล้ว

ไกด์สาวสวยของเราก็เริ่มด้วยการแนะนำตัวเอง จากนั้นก็แนะนำสถานที่ต่าง ๆ ที่เรานั่งรถผ่านพอผ่านด่านมาแล้วเราจะเห็นโรงงานทำยางรถยนต์ที่คนไทยมาลงทุนไว้จำชื่อได้ไม่ได้ซะแล้ว ใหญ่โตมากค่ะ ผ่านร้านขายของไกด์บอกว่า ร้านนี้ไม่แนะนำเพราะของมาจากประเทศไทยทั้งหมด

เราก็นั่งรถไปเรื่อย ๆ ผ่านเข้าสู่เมืองประเทศเวียดนามแล้วค่ะ ได้ชมภาพภูเขาสวยงาม ลำธารที่มีสาวชนกลุ่มน้อยของเวียดนามมักจะใช้อาบน้ำตอนเที่ยง แต่ตอนที่เรานั่งรถผ่านเลยเที่ยงไปแล้วจึงไม่เห็นสาว ๆ อาบน้ำ



นั่งรถไปฟังไกด์สาวสวย เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ฟังกันเพลิน ๆ หลับ ๆ ตื่น ๆ สักพักไกด์ก็ปลุกเราให้ตื่นและบอกว่าตอนนี้เรากำลังเดินทางเข้าสู่ "อุโมงค์วินหม็อก" ซึ่งเป็นอุโมงค์หลบภัยที่มีขนาดใหญ่ของชาวเวียดนาม ใช้สำหรับหลบภัยใต้ดินจากการทิ้งระเบิดอย่างหนัก มีคนในหมู่บ้านช่วยกันขุดในปี ค.ศ.๑๙๖๖ ใช้เวลา ๒๐ เดือน ลึก ๓ ชั้น มีทางเข้าออก ๑๓ ทาง และชาวบ้านอาศัยอยู่นานถึง ๕ ปี มีคนเกิดในอุโมงค์แห่งนี้ ๑๗ คน ปัจจุบันคนที่เกิดในอุโมงค์แห่งนี้มีอายุราว ๆ ๔๐ ปี



ที่อุโมงค์วินหม๊อกนี้มี พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับอุโมงค์วินหม็อก และสงคราม ด้วย ข้างในพิพิธภัณฑ์จะมีปืนที่ใช้ในสงคราม ภาพของคนที่เกิดในอุโมงค์วินหม็อก ภาพของคนที่โดนฝนเหลือง ภาพของแผนที่อุโมงค์ฯ การมาชมอุโมงค์วินหม็อกนี้ ไกด์พาเราไปที่พิพิธภัณฑ์ก่อนเล่าประวัติเกี่ยวกับอุโมงค์ และบรรยายเกี่ยวกับภาพต่าง ๆ ที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ เมื่อบรรยายภาพเสร็จเรียบร้อย ไกด์จึงนำเราไปลอดในอุโมงค์ ก่อนที่พวกเราจะเดินลอดเข้าไปในอุโมงค์ ไกด์ทำความตกลงกับพวกเราก่อน คือ เมื่อเดินเข้าไปในอุโมงค์แล้วห้ามเลี้ยวซ้าย ให้เดินตรงไปตามช่องในอุโมงค์และเลี้ยวขวาเท่านั้น ทำไมไม่ให้เลี้ยวซ้ายหล่ะ ทุกคนก็ได้รับคำตอบว่า ถ้าเราเลี้ยวซ้าย เราก็จะได้ลงไปเล่นน้ำทะเล ถ้าไม่อยากเล่นน้ำทะเล เราต้องเดินเลี้ยวขวาเท่านั้น



เมื่อซักซ้อมกันเป็นที่เข้าใจแล้วไกด์จึงนำหน้าพวกเราเดินเข้าไปในอุโมงค์ ภายในอุโมงค์ ลักษณะคล้าย ๆ ถ้ำมีช่องทางเดินพอดีกับขนาดของคนเวียดนาม ผนังถ้ำคล้ายดินเหนียวมีสภาพชื้นจึงทำให้บางช่วงแฉะนิดหน่อย ข้างในมืดเหมือนกันแม้จะมีหลอดไฟให้แสงสว่างบ้างแต่ก็ยังมืด โชคดีที่นำไฟฉายติดตัวไปด้วยจึงพอช่วยให้มีแสงสว่างบ้างตอนที่พวกเราเดินไปในช่วงที่ไม่มีแสงจากหลอดไฟ ความสูงของถ้ำก็สูงไม่มากนัก พอเดิน ๆ ไปแล้วบางครั้งศีรษะชนกับด้านบน บางครั้งก็ลื่นเพราะเป็นดินเหนียวและแฉะ ภายในอุโมงค์มีบรรไดไม้ด้วยค่ะ อากาศข้างในค่อนข้างอับพวกเราคนหนึ่งก็พูดว่า “เฮ้ย! ใครอย่า.... นะ คงจะเหม็นน่าดู” แล้วทุกคนก็หัวเราะกัน เดินมาได้สักไม่เกิน ๑๐ นาทีพวกเราก็เห็นแสงสว่างข้างหน้าแสดงว่าใกล้ทางออกแล้ว เมื่อเดินออกมาจากอุโมงค์ได้ทุกคนก็โล่งอก ประมาณว่ารอดตายแล้ว!!! เมื่อออกมาจากอุโมงค์วินหม็อก พวกเราก็เดินกลับมาที่รถเพื่อเดินทางต่อเข้าสู่เมืองเว้ (เหวในภาษาเวียดนาม) ต่อไป



ระยะทางทางอุโมงค์วินหม็อกไปยังตัวเมืองเว้สองข้างทางมีทัศนียภาพที่สวยงามมากทั้งทะเล ลำธาร ภูเขา และสะพานแขวน พวกเรานั่งรถกันไปเรื่อย ๆ ฟังไกด์เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ขอบอกว่าไกด์พูดภาษาไทยได้ชัดเจนมาก และเป็นไกด์ที่พูดเก่งพอสมควร ทำให้พวกเราฟังกันจนเพลินและสนุกสนาน รวมทั้งได้ความรู้ต่าง ๆ มากมาย ขอบอกว่า มากมายจริง ๆ ค่ะ





ระยะเวลาที่เรานั่งรถจากอุโมงค์วินหม็อกมาจนถึงตัวเมืองเว้ใช้เวลาประมาณ ๕ ชั่วโมงก็มาถึงตัวเมืองเว้ ระหว่างทางที่เข้าสู่ใจกลางเมืองเว้ ไกด์ก็แนะนำว่าพรุ่งนี้เราจะได้ไปชมสถานทีใดบ้าง พวกเราได้เห็นชีวติความเป็นอยู่ของชาวเมืองเว้ ได้เห็นผู้หญิงใส่ชุดประจำชาติ ไกด์บอกว่า นั่นคือนักเรียนและนักศึกษาของชาวเวียดนามค่ะ ชุดประจำชาติของเวียดนามเรียกว่า “ชุดอ๋าวหญ่าย” ค่ะ ดูแล้วก็สวยงาม คนที่เวียดนามส่วนมากใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทางไปที่ต่าง ๆ ที่นี่มีรถโดยสารเป็นรถแท๊กซี่ราคาเริ่มต้นก็ประมาณ ๓๐ – ๔๐ บาทค่ะตามระยะทาง มีรถรับจ้างแบบสามล้อคล้าย ๆ ของบ้านเรา แต่สามล้อของที่เวียดนามผู้โดยสารจะนั่งด้านหน้าค่ะ เรียกว่า “รถซิกโลว” ค่ะ



ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงร้านอาหารแล้วค่ะ หิวจริง ๆ ค่ะเพราะนั่งมาตั้งนานไม่ได้ทานอะไรเลยไม่กล้าทานเยอะค่ะกลัวว่าจะปวดท้องเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี่หายากเหมือนกันค่ะ หากเข้าไปบริเวณที่เขาจัดไว้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ ๕ บาท หรือประมาณ ๒๕๐๐ ดอง ค่ะ ที่นี่ไม่รับเหรียญบาทนะคะ เขาจะรับเหรียณ ๕ บาทขึ้นไปค่ะ เงินไทยใช้ได้สบาย ๆ เลยค่ะชาวเวียดนามชอบเงินไทยมากค่ะ



มาพูดถึงร้านอาหารต่อค่ะ ร้านอาหารเย็นของเราที่นี่ชื่อแปลเป็นไทยแล้วหมายความว่า “ยิ่งใหญ่” ค่ะชื่อเป็นภาษาเวียดนามอ่านไม่ออกค่ะ “An Phuoc” มีหมวก มีขีดกำกับ ดูแล้วก็งงค่ะ อาหารที่นี่ก็มีหลายอย่างน่าตาหน้าทานมาก ๆ มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก ปลาอินทรีย์ ผัดผัก แกงจืด รสชาติอาหารก็ออกจืดนิดหน่อย เขาปรุงรสด้วยพริกไทย น้ำปลา อาหารเกือบทุกอย่างจะใส่พริกไทยค่ะ พวกเราก็รับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ก้มหน้า ก้มตาทานกัน พออิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็เดินลงมาหน้าร้าน โอ้โหแม่ค้ามาขายของกันเพียบเลย แต่ไกด์กำชับเราแล้วว่าห้ามซื้อของที่นี่เพราะราคาค่อนข้างสูง เขาจะพาเราไปซื้อในบริเวณที่มีราคาถูกให้พวกเราใจเย็น ๆ แต่ขอบอกว่าเยอะจริง ๆ ค่ะ ประมาณ ๑๐ คนได้ที่มาขาย มีคนมาขอเงินด้วยค่ะ เป็นคนพิการนะคะน่าสงสารมาก ไกด์บอกว่าคนพิการที่เวียดนามส่วนมากโดน “ฝนเหลือง” ค่ะ ไว้จะมาขยายความเรื่องฝนเหลืองทีหลังนะคะ



เรารวมกลุ่มกันได้ประมาณ ๕ – ๖ คนมองซ้าย มองขวา จะไปรอพวกเราที่ยังไม่อิ่ม กับรอรถทางไหนดีน๊า สายตาก็ไปจ๊ะเอ๋ปิ๊ง ๆ กับแม่ค้าสาวสวยฝึ่งตรงข้าม ซึ่งเป็นร้านขายชำของเหมือนบ้านเราค่ะ พวกเราก็เอาหล่ะเราไปดูกันดีกว่า พวกผู้ชายก็บอกว่าเผื่อไปหาอะไรดื่มแก้เบื่อกัน ก็โอเคข้ามไป พอไปถึงที่ร้านเราก็ส่งถามแม่ค้าว่า เครื่องดื่มกระป๋องนี้ราคาเท่าไหร่ แม่ค้าก็บอกว่าราคา ๑๐,๐๐๐ ดอง ประมาณ ๒๕ บาทไทย ก็เอาหล่ะเพื่อนก็ตกลงปลงใจคนแรกก็ ๕ กระป๋อง คนที่สองก็ ๔ กระป๋อง ก็หมดเงินกันไปคนละประมาณ ๕๐,๐๐๐ ดอง และ ๔๐,๐๐๐ ดอง สบายใจกันไป จากนั้นก็เกิดอยากทานขนมขึ้นมาอีกแล้ว ก็สอบถามราคากันไป โอ้!!! ขนมที่นี่ราคาแพงกว่าบ้านเรามากทั้งมันฝรั่งกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมซอง ๆ อื่น ๆ ก็แพงกว่าบ้านเราจริง ๆ เป็นอันว่าอดรับประทานกันไปสำหรับขนม



เมื่อซื้อน้ำกระป๋องกันเรียบร้อยก็ยืนรอหน้าร้านขายของสักพัก ไกด์ชาวไทยก็มาตามพวกเราให้เดินไปขึ้นรถเลยหน้าร้านอาหารที่เรารับประทานไปเมื่อสักครู่นิดหน่อย เราก็เดินกันไปเป็นฝูง เอ้ย เป็นกลุ่ม เดินกันไปก็จะได้ยินเสียงรถจักยานยนต์ (เยอะมากเหมือนกัน) บีบแตรกันตลอด ถามไกด์เวียดนามบอกว่า ที่นี่บีบแตรเขาไม่ถือสากัน ถือว่าเป็นการทักทาย โหเป็นงงไปเลย แล้วเวลาเราเดินเราต้องระวังรถจักรยานยนต์กันเองนะคะ ต้องคอยระวังตัวให้ดี ๆ ค่ะไม่งั้นอาจจะถูกรถชนได้ เมื่อเดินมาถึงที่รถก็ขึ้นรถนั่งประจำที่ เรียบร้อยแล้วไกด์ก็นำเราเดินทางสู่ที่พัก ที่พักของเราคืนนี้ ไกด์บอกว่าระดับ ๓ ดาว ไกด์ชาวไทยชี้แจงว่า ที่ได้ระดับ ๓ ดาวเพราะคนมาเที่ยวเยอะทำให้ในคืนแรกนี้จองที่พักระดับ ๔ – ๕ ดาวไม่ได้ ก็ขอโทษขอโพยกันไป



หลังจากนั่งรถมาอีกสัก ๑๕ นาที ก็มาถึงโรงแรมที่พักกันแล้ว ไกด์ชาวไทยก็แจกกุญแจห้อง ใครพักกับใครก็จับคู่ ดู๋ดี๋กันไป เมื่อได้กุญแจก็เข้าห้องใครห้องมันกันหล่ะ เท่าที่ดูที่พัก ๓ ดาวของที่นี่ก็ดีระดับนึงนะคะ ห้องพัก ห้องน้ำ ก็สะอาดดีค่ะ ดูท่าในคืนแรกนี้คงหลับกันเป็นตายค่ะ เพราะเหนื่อยกันมาทั้งวัน เมื่อชำระร่างกายกันเสร็จสรรพ ก็พักผ่อนกัน เป็นอันว่าวันแรกของการเดินทางนี้ก็มีทั้ง สนุก เหนื่อย ตื่นตาตื่นใจกันพอสมควร ขอจบการเดินทางวันแรกเพียงเท่านี้ได้เวลาหลับแล้วค่ะ “ราตรีสวัสดิ์”


คอยติดตามตอนต่อไปนะคะ จุ๊บ ๆ





Create Date : 13 ธันวาคม 2550
Last Update : 16 ธันวาคม 2550 21:23:48 น. 9 comments
Counter : 6332 Pageviews.

 
ประเทศลาวผมเคยไป แต่ทางช่องเม็ก เพราะอยู่ใกล้มากกว่า ประมาณ ๓ - ๔ ปีที่แล้ว

เขาทางจัมปาศักดิ์ ปากเซ คอนพะเพ็ง(ไม่รู้เขียนชื่อถูกหรือเปล่า)
ก็ได้สัมผัสบรรยากาศไปอีกแบบ มีความเป็นกันเอ็งดี

ที่หวาดเสียวก็มีตอนขี่เรือข้ามไปดูหลี่ผีมั๊งถ้าจำไม่ผิด
มองดูน้ำขุ่นคลั่ก
เรือก็เก่าตามสภาพ เข้าไปนั่งในเรือด้วยกันความจุได้ประมาณ ๒๐ กว่า ชีวิต
ตอนนั้นน้ำโขงไหลไม่ค่อยแรงสักเท่าไหร่
แต่ก็ยังหายใจฝืด หายใจหายคอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว


เขาว่าตายไปอกดีกว่าตกน้ำตาย
แต่จะตายร้อน หรือตายเย็น ผมก็ไม่อยากตายหรอกครับ


ขอพยากรณ์เหมือนกัน

คนที่พกกล้องอยู่ใช่คุณแอ่งหรือเปล่าครับ


สาวลาวผมเห็นส่วนมากเขานิยมมีผ้าสะไบพาดเฉียงไว้ที่บ่า


อ้อ! เล่าเรื่องน้อย รูปน้อยจังเลยครับ หรือว่าจะเขียนหลายตอน


โดย: ปฏิทิน วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:7:56:28 น.  

 
ถูกต้องค่ะคุณปฏิทิน พยากรณ์แม่นมาก ๆ เล่าเรื่องยังไม่จบค่ะ ต้องใช้เวลานิดนึงค่อย ๆ ทำไปวันละนิดละหน่อย แฮะ ๆ


โดย: ~แอ่งน้ำซับ~ (Oases ) วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:14:52:59 น.  

 


โดย: กากีแกมเขียว วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:15:05:34 น.  

 
เพิ่งได้จิ้มเข้ามาบล๊อกพีแอ่ง

เห็นภาพแล้วก็อยากไปเที่ยวจังเลยค่ะ

เคยไปครั้งนึง แต่นานมากและ...ไว้ว่างๆจะไปอีก


โดย: Gueese วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:0:39:40 น.  

 


โดย: Gueese วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:46:36 น.  

 


โดย: vivee_t วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:37:10 น.  

 


โดย: Gueese วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:40:19 น.  

 
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ



โดย: vivee_t วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:40:39 น.  

 
แวะมาอีกแล้วค่า
มาบอกคุณแอ่งน้ำว่า...

ช่วยรับ tag วีด้วยนะคะ


โดย: vivee_t วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:06:23 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Oases
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Oases's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.