|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ฟื้นคืนชีวิตและ ติดละคร Episode II: รหัสริษยา, แคนลำโขง
ลิงค์ Episode I ฟื้นคืนชีวิตและ ติดละคร Episode I: โซ่เสน่หา, ทางผ่านกามเทพ, แก้วตาพี่
มาต่อค่ะ เล่า กันยาวมากๆ เล้ย เรื่องแบบนี้ เก่งนักแล !!!! เมื่อไหร่ฉันจะเล่าเรื่องอื่นๆ ที่มีสาระได้มั่งล่ะเนี่ย โอ๊ย!
"รหัสริษยา"
เป็นเรื่องที่ดูแล้วดุเด็ด เผ็ดมันที่สุด ไม่แปลกใจทำไมคนติดกันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะดำเนินเรื่องฉับไว ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่า จะเป็น internet SMS และโทรศัพท์มือถือ แบบไฮเทค ถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้หักหลัง แก้แค้น แก้ลำกันทั้งเรื่อง
นางเอก......ยุคใหม่ ที่(ปาก) เก่งกล้า สามารถ เก่งเลิศด้านการทำสงครามจิตวิทยา ไม่ยอมให้นางร้ายมาโขกสับ ง่ายๆ น้องนุ่นเล่นดีมากๆ ฝากฝีมือเอาไว้ไม่ผิดหวังเลย (แม้ว่าหน้าเธอจะเปลี่ยนไป)
พระเอก....... ตามบทแล้ว เป็นคนดี อ่อนโยน สุภาพบุรุษ แต่มาสติแตก เพราะเจอนางเอกกวนโมโห เลยหลุดกรอบ ทำอะไรเถื่อนๆ ไป เช่น ปล้ำนางเอก เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าแม้ว่าในเรื่องจะเต็มไปด้วยความสมัยใหม่ ไฮเทคอย่างไร ก็ยังมีมุขสุดแสนจะเดิมๆ ใน หนังไทย ทุกยุคทุกสมัย แถมปล้ำเสร็จยังมีคำถามน่าเกลียดๆ เช่น นี่คุณไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายจริงๆ หรือ ทำให้นึกถึงค่านิยม สังคมไทย เรื่องความบริสุทธิ์ผุดผ่องของผู้หญิง นางเอกต้องเป็นสาวพรหมจรรย์ ส่วนนางร้ายก็มั่วผู้ชายไม่เลือก เป็นภาพที่ต่างกันราวขาวกับดำ
พระเอกส่วนมากจะหูเบา ขาดสติ บ้าดีเดือด จนขืนใจนางเอก พอรู้ว่าตัวเองเป็นคนแรกที่เผด็จศึกก็จะสำนึกผิด แล้วมาทำดีด้วยเป็นการไถ่โทษ หรือขอรับผิดชอบ จะว่าไปแล้ว เรื่องความสัมพันธ์ทางร่างกายนี่ มันน่าจะสำคัญที่การยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าหญิงหรือชายนั้นจะ มีภูมิหลังมาอย่างไร เพราะมันเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล ที่ใครก็ตามควรเคารพ และไม่ควรล่วงละเมิด ไม่ได้อยู่ที่ความรับผิดชอบหลังการกระทำเพราะได้รู้ว่า สาวเจ้ายังไม่เคยผ่านมือชาย ถ้าเป็นสาวที่ไม่พรหมจรรย์แล้ว พระเอกหนังไทย ยังจะเสียใจในการกระทำของตัวเองหรือเปล่า น่าสงสัยจริงๆ
ตัวร้าย........ในเรื่องมีทั้งแบบร้ายกรี๊ดๆ ตามแบบฉบับละครไทย โดยมีตัวร้ายกว่า (ฉลาดกว่า) เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ทั้งหว่านล้อมและว่าจ้างตัวร้ายอื่นๆ รุมสกรัมนางเอกกันทั้งเรื่อง ลงท้าย.........ตัวร้ายละครไทย ไม่ตายก็เสียสติ ตามสูตร......
ในเรื่องนี้นางเอกจะเจ็บไข้ได้ป่วยหลายรอบ ต้องให้พระเอกมาดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดตัวให้กันเป็นว่าเล่น จนเกิดความใกล้ชิด เห็นอกเห็นใจกันขึ้นมา ส่วนบริวารของพระเอกนางเอก บทบาทเยอะมากจนเฝือ ดูๆ ไปแล้วมันเกินคำว่าสีสันไปหน่อย เหมือนดูละครตลกอยู่เลย
ข้อสังเกตเพิ่มเติม 1
ในเรื่องนี้คือ เสื้อผ้า จะเห็นได้ว่านางเอกจะแต่งตัวเปิดเผยเนื้อตัวมากกว่านางร้ายซะอีก (ถึงจะบอกว่าเป็นชุดอยู่กับบ้านก็เถอะ) ส่วนใหญ่เป็นสายเดี่ยว เสื้อกล้าม ขาสั้น ทำให้นึกถึงที่เพื่อนคนหนึ่งเคยพูดว่า
เดี๋ยวนี้ละครไทย นางเอกกะนางร้าย ไม่ได้แยกกันออกได้ด้วยเสื้อผ้า หรือแม้แต่กิริยาท่าทางอย่างสมัยก่อน อยากรู้ว่าใครเป็นนางเอก ต้องดูว่าตอนจบ ใครได้ผู้ชายไป (ฮา)
แต่จะว่าไป การแต่งตัว มันก็สิทธิส่วนบุคคลอีกแหละนะ ว่ากันลำบาก เนอะ
ข้อสังเกตเพิ่มเติม 2
ที่ชอบที่สุดในเรื่องนี้ คือ เรือนกล้วยไม้ บ้านที่นางเอกอยู่ สวยมาก เป็นบ้านไม้สมัยก่อนที่ ประดับด้วยลายฉลุ หน้าต่างเป็นแบบ บานเกล็ด (เขาเรียกอย่างนี้หรือเปล่าไม่รู้) กระเบื้องปูพื้นมีลวดลาย สีสัน สวยงาม ทำให้นึกถึงพื้นของตึกสมัยเก่าๆ ที่สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกเข้ามาในไทยใหม่ๆ สวยดี
เรื่องนี้มีดีอย่างไร ก็มีดีตรงบทพูดนางเอกที่บอกว่า "ความอิจฉา-ริษยาเป็นสิ่งที่ไม่ดี และทำลายทั้งตัวเองและผู้อื่น" นั่นแล
เรื่องสุดท้ายแล้วค่ะ
แคนลำโขง
ในบรรดา 4-5 เรื่องที่ฉันดูจนตาจะแตกนี่ ฉันชอบเรื่องนี้มากที่สุด นอกจากจะชื่นชอบฝีมือการแสดงของน้องนุ่น ฉันก็ชอบแนวคิดการทำละครของค่ายละคร เป่า จิน จง อยู่เหมือนกัน ที่ดูจะทำเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องการอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้าน (รวมถึงเรื่องก่อนหน้านี้ คือ เพลงผ้าฟ้าล้อมดาว) เรื่องนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องชีวิตคนรวยล้นฟ้า สังคมไฮโซ เวอร์ๆ แต่เป็นเรื่องราวชาวบ้าน ๆ คนธรรมดา หาเลี้ยงปากท้อง มาสุดแสนจะ drama ก็ตรงที่นางเอกเป็นเจ้าหญิง แล้วมารวยตอนจบนี่แหละ ต้องพูดว่า Oh!! Drama, so drama!!!
เอ้าเล่าเรื่องดีกว่า นางเอกเป็นสาวชนบท มาทำงานในวงดนตรีเพลงลูกทุ่ง ที่นายวงมีแนวคิดอยากจะอนุรักษ์ดนตรีพื้นบ้านอีสาน (ในความเป็นจริง วงดนตรีในอิสานนี่ น้อยมากค่ะที่จะเป็นดนตรีลูกทุ่ง ธรรมดา ส่วนมากจะเป็นลูกทุ่ง-หมอลำ นะคะ โดยเฉพาะ จังหวัด อุบลฯ นี่ หมอลำดี-มีฝีมือทั้งนั้นค่ะ) นางเอก......ก็เป็นคนดี ทำงานช่วยเหลือคนอื่นทุกอย่าง ตอนแรกเป็นคนตัดชุดหางเครื่อง ต่อมามาเป็นหางเครื่อง แล้วก็กลายเป็นหมอแคนสาว ดาวรุ่งประจำวง พระเอก......นี่ชีวิตสวนทางกับนางเอก เริ่มแรก เป็นนักร้องประจำวง ดูมีภาษีดีกว่านางเอก คอยช่วยเหลือนางเอก ตอนหลังถูกตัวร้ายกลั่นแกล้ง จนตกอับ ร้องเพลงไม่ได้ สุดท้ายก็ออกจากวงเพราะความเป็นคนดี ออกรับว่าเป็นพ่อของลูก ของเด็กสาวที่ถูกตัวร้ายข่มขืน ตอนหลังกลับมาเข้าใจกัน
เรื่องนี้แตกต่างจาก เรื่องแรกๆ ตรงที่
1. ความรู้สึกของคนสองคนพัฒนามาจากความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งเป็นธรรมชาติวิสัยของการริเริ่มความสัมพันธ์ระหว่างคนทั่วไป ไม่ได้เริ่มต้นแบบเพราะความแค้น มีคนหรือสถาณการณ์บังคับ หรือเกิดจาดการกระทำประหลาดๆ เพราะความเข้าใจผิด
2. เรื่องนี้ ไม่มี การประชดประชัน กลั่นแกล้ง กันแบบเอาเป็นเอาตาย ระหว่างพระ-นาง (ดูเหมือนคนปกติดี)
3. นางเอกเรื่องนี้ไม่ได้แสดงท่าทาง สะบัด สะบิ้ง เกลียดชังพระเอก จะเป็นจะตายในฉากเข้าพระเข้านาง แต่เป็นแค่หลบๆ เลี่ยงๆ อิดๆ ออดๆ เพราะกลัวความไม่เหมาะสม หรือเพราะว่าอาย ก็ดูเป็นธรรมชาติดี ธรรมดาคนรักกัน ชอบกัน มันก็คงต้องมีการสัมผัส แตะต้องกันด้วยความรักบ้าง แต่เหล่านี้ต้องมีการยับยั้ง ชั่งใจ ให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม
ชอบอะไรในเรื่องนี้ นอกจากจะเป็น ความใกล้เคียงความจริง เรื่องความสัมพันธ์ ของพระ-นางในเรื่อง แล้ว ฉันชอบตรงที่
1. มีการเป่าแคน เพราะถึงจะฟังเพลง ฟังดนตรีอะไรมาหลายร้อยเพลง สำหรับลูกอีสาน เสียงแคน เป็นเสียงที่กระตุ้นเตือนให้คิดถึงบ้าน พ่อ-แม่ พี่-น้อง ทุ่งนา-ข้าวเขียว นึกถึงวัยเด็ก ที่โรงเรียนประถมมี ปิดดำนา ปิดเกี่ยวข้าว หรือเวลาที่วิ่งเล่นซ่อนหาตามทุ่งนา กองฟาง ถึงฉันจะเติบโตมาแบบผสมผสาน ฟังหมอลำไม่บ่อยเท่าสุนทราภรณ์ รู้จักผญาน้อยกว่าสุนทรภู่ จนกระทั่งมาอยู่ด๋อยแลนด์ฟัง โอเปร่า แต่ แต่ แต่ ตัวตน ความเป็นคนอีสานมันก็ฝังรากลึกซึ้ง มาพอๆ กับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมนั่นแหละค่ะ ได้ยินเสียงแคนทีไร แล้วน้ำตามันจะไหลทุกทีเลย
2. ตัวละครในเรื่อง แต่งเพลง แต่งกลอน สร้างสรรค์งานศิลปะ เป็นการแสดงออกเชิงบวก อันเกิดจากแรงกระตุ้นเชิงบวก (รัก) ตัวฉันเองก็ชอบๆ ขีดๆ เขียนๆ อยู่ แม้จะทำได้ไม่ดีนัก แต่ฉันเข้าใจดีว่า เมื่อมีรัก มันทำให้เข้าถึงความสวยงาม ละเมียดละมัย ของทุกสิ่งรอบตัวเรา และบ่อยครั้งที่มันดลใจเรา บอกเล่าความรู้สึกผ่านบทกวี
3. เรื่องนี้ พูดถึงลิขสิทธิ์ ของผลงานศิลปะ ซึ่งปัจจุบันนี้ ละเมิดกันเป็นว่าเล่น ในเรื่องได้พูดถึง การเคารพและให้เกียรติเจ้าของผลงาน ซึ่งสำคัญอย่างยิ่ง
4. เพลง นางเอกในเรื่อง ไม่ยอมร้องเพลง ที่มีเนื้อหา แบบสองแง่ สองง่าม ทำลวกๆ สุกเอาเผากิน หวังกอบโกยเวลาที่กำลังดัง โดยขาดสำนึกที่ดีต่อสังคม จุดนี้เป็นแนวคิดที่ดีมาก จะเห็นได้ว่า เพลงลูกทุ่ง รุ่นหลังๆ มักจะออกแนววัตถุนิยม หรืออ้อนเสี่ย อ้อนป๋า เลิกสามี เพราะสามีไม่เร้าใจ อะไรทำนองนี้ หากจะคิดว่า เป็นเพลงเล่นๆ สนุกๆ ก็คงจะพอได้ (ฉันเองก็ร้องได้นะ แต่หน้าตาไม่ดึงดูด อ้อนใครก็ไม่สำเร็จ) แต่เราไม่ต้องร้องแนวนี้ก็สนุกสนานได้ไม่ใช่หรือ
5. ในเรื่อง มีสัญลักษณ์ของความผูกพัน คือ เพลงที่พระเอกแต่ง (เพลงรอรัก) และแคน ฉันว่ามันโรแมนติกดีนะคะ อิอิ แหม๊ ถ้ามีผู้บ่าวมาร้องเพลงหรือเล่นดนตรีเกี้ยวล่ะก็ เลือกเพลงดีๆ นี่หนีตามกันได้เลยหนา (กรี๊ด !!! ได้แต่ฝัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
6. ไม่มีกรณีพระเอกปล้ำนางเอก(แต่มีตัวร้ายพยายามปล้ำแทน) หรือหึงหวงแบบก้าวร้าว มีแค่การถามคำถามแบบโยนหินถามทาง และตัดพ้อแต่พองาม ไม่มีการประชดประชัน หรือเล่นแง่ไม่รู้จักจบ จักสิ้น 7. นางเอกแต่งตัวดี ไม่มีเปิดชะเวิกชะวาก เลยค่ะ
ข้อด้อยของเรื่องนี้ ก็เหมือนละครไทยส่วนมาก ที่ขาดความสมจริง เช่น
-เรื่องราวเกิดใน อุบลฯ แท้ๆ ทั้งเรื่อง มีคนเดียวที่พูดอีสานได้ คือ แวว จ๊กม๊ก แต่ก็เข้าใจละค่ะ ว่าถ้า เว่าลาวกันหมด คนดูภาคอื่นๆ ก็คงไม่มีใครเข้าใจ -พระเอกขายมอเตอร์ไซค์เก่าๆ เพื่อเอาเงินมาช่วยค่าผ่าตัดพ่อนางเอก ได้เงินตั้ง ห้าหมื่น ดูยังไงก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะห้าหมื่นมันเป็นราคารถใหม่แล้วล่ะค่ะ
-พระเอกถูกวางยาพิษ ทำให้เสียงเสีย ร้องเพลงไม่ได้ ไปขอร้องหมอว่า ให้ฉีดยารักษาให้หน่อย หมอบอกว่า ยารักษาฉีดได้ไม่เกิน 2 เข็ม ถ้าฉีดอีก จะทำให้พระเอกกลายเป็นใบ้ มันยาอะไรอ่ะ อยากรู้จริงๆ
-ตอนหลังนางเอกตามหารากเหง้าของตัวเองเจอ ว่าเป็นเจ้าหญิงลาว ได้เจอเจ้าพ่อ เจ้าลุง ได้ทรัพย์สมบัติมากมาย ความเป็นอยู่หรูหรา ทำให้มันดู drama อย่างแรง หากเรื่องจะจบลงในลักษณะที่ว่านางเอกไม่ได้กลายเป็นร่ำรวย ล้นฟ้า แต่หาลุงเจอ และมีทรัพย์สินเพียงพอที่จะอยู่ได้อย่างไม่ยากลำบาก แล้วก็มีความมุ่งมั่นที่จะสืบสานงานดนตรีพื้นบ้าน ต่อไป จะดูเนียนกว่า
โดยรวมแล้ว เรื่องแคนลำโขงนี้ ฉันว่า สนุก ซึ้ง มีสาส์นสื่อถึงคนดูในเรื่องการอนุรักษ์ดนตรีพื้นบ้านชัดเจน แต่ในเชิงปฏิบัติทุกวันนี้นั้น เราทำได้กันถึงขั้นไหนแล้ว เรื่องนี้อาจจะทำให้ลูกหลานชาวอีสานหลายคน หันมาสนใจดนตรีพื้นบ้านซึ่งเป็น มรดกทางวัฒนธรรมบ้าง อย่างฉันเป็นต้น
สรุปทั้งหมดทั้งมวล ละครไทยก็ยังคงความเป็นละครไทยอย่างแน่นเหนียว มีปมหลักที่หนีไม่พ้นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ตบตีกันแย่งผู้ชายทั้งเรื่อง ตัวร้ายสุดโต่ง ตัวดีดีจนโง่และตกเป็นเหยื่อ (แม้ว่าปัจจุบันจะมีนางเอกที่เก่งขึ้นกว่าเดิมบ้างก็ตาม) โดยมากเป็นกล่าวถึงแต่ชีวิตไฮโซ ฟุ้งเฟ้อ รายละเอียดของเรื่องขาดความสมจริง ดูเล่นๆ เบาสมองคงพอได้ แต่หมกมุ่นดูมากไป อย่างที่ฉันทำนี่ ไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่
ถ้าดูหนังดูละคร แล้วมาย้อนดูคน เราก็น่าจะเตือนตัวเองว่าอย่าทำตัวเยินๆ เหมือนตัวละครบางตัว ก็แล้วกันค่ะ
Create Date : 05 เมษายน 2550 |
|
10 comments |
Last Update : 5 เมษายน 2550 19:12:54 น. |
Counter : 1730 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ShiEri 5 เมษายน 2550 21:35:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: TsuTaYa 7 เมษายน 2550 1:40:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 11 เมษายน 2550 14:46:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: TsuTaYa 11 เมษายน 2550 22:09:26 น. |
|
|
|
|
|
|
|
''แถมปล้ำเสร็จ''ยังมีคำถามน่าเกลียดๆ
นี่คุณไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายจริงๆ หรือ