@... ของฝากจากเมืองใต้ ...@
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักพิมพ์แจ่มใสและร้านหนังสือเส้งโห จังหวัดภูเก็ตได้จัดกิจกรรมเพื่อนักอ่าน มีชื่อเก๋ไก๋ว่า "แจ่มใสออนทัวร์ พบเพื่อนที่ภูเก็ต" และเราได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมนี้ พร้อมยัยย่าย้อย เอ้ย yayoi นักเขียนอีกคนของแจ่มใส
ตั้งแต่จำความได้ นี่น่าจะเป็นกิจกรรมที่ออกต่างจังหวัดครั้งแรกของแจ่มใสนะคะ แถมไปซะไกลถึงภูเก็ตเชียว ก็เลยอดตื่นเต้นกันกับยาโยยและน้องๆ จากแจ่มใสไม่ได้ว่าจะมีคนอ่านหนังสือของเรามาร่วมงานแค่ไหน ร้านหนังสือชื่อแปลกๆ จะเป็นยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนไปก็เซิร์ฟๆ ถามน้องที่มีบ้านอยู่ภูเก็ตแล้วได้ความว่าเป็นร้านหนังสือใหญ่ประจำจังหวัดเชียวนะ ไม่ต้องเป็นห่วง สมาชิกตรึม นอกจากนี้เรายังไปค้นหาประวัติความเป็นมาของร้านจากที่เว็บของเขาด้วย
แต่ไม่คิดว่าพอไปถึงจริงๆ เราและน้องๆ ชาวแจ่มใสจะตบอก อุทานพร้อมกันว่า
"อุ แม่เจ้า อะไรมันจะใหญ่โตขนาดนี้"
เห็นแล้วอยากให้กรุงเทพฯ มีร้านหนังสือแบบนี้บ้างจัง หรือว่ามีแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ในรัศมีที่เราจะเดินทางไปถึงได้ ?!!?
ว่าแล้วก็เชิญทัศนาภาพประกอบที่ถ่ายมาทั้งจากกล้องดิจิตอลและกล้องมือถือ จึงชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง คงไม่เป็นไรนะคะ
ก่อนงานเริ่มได้มีโอกาสสำรวจรอบๆ เส้นทางเห็นป้ายผ้า โฆษณาประชาสัมพันธ์แล้วกิ๊บเก๋ดีค่ะ ชอบ
ร้านหนังสือเส้งโห เก๋ไก๋ ใหญ่โตมั่กๆ ค่ะ
เขาบอกว่าเป็นร้านหนังสือที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยด้วย ( The Oldest Bookstore in Thailand ) คำว่า เส้งโห เป็นคำประสมจากภาษาจีน โดย คำว่า 'เส้ง' หมายถึง ชัยชนะ 'โห' หมายถึง ความสามัคคี
รอบๆ ร้านมีเก้าอี้ไม้ให้นั่งพัก
กิจกรรมภายในงาน มีทั้งกิจกรรมบนเวที และบูธเล่นเกม รับของที่ระลึกจำนวนมาก ประเภทที่คั่นหนังสือ โปสการ์ด และ ฯลฯ ที่เห็นแล้วอยากงุบงิบมาเป็นของส่วนตัวยิ่งนัก อิอิ
พิธีกรที่สร้างสีสันในงาน คุณพาวเวอร์แมน
พี่แมนเป็นนักจัดรายการวิทยุอยู่ที่ภูเก็ต คลื่นอะไร รายการอะไร ขออภัยด้วย จามม่ายด้าย แต่รายการนี้คงกร่อยแย่ถ้าขาดพี่แมนไป ประโยคเด็ดที่พี่แมนใช้เรียกเสียงฮาและหยุดการตุกติกของน้องๆ ได้ดีที่สุดคือ "อย่าจับได้ว่าโกงนะ ไม่งั้นพี่แมนจะกระโดดเข้าไปทับ" ฮ่าๆๆๆ
น้องๆ ที่มาร่วมงานค่ะ อยู่ตั้งแต่งานเริ่มเมื่อบ่ายโมงจนถึงงานเลิกตอนหกโมงเย็น น่ารักมากๆ แต่แอบได้ยินแว่วๆ มาว่าอยู่เพราะรางวัลใหญ่เขาจับแจกกันตอนนั้น แฮ่....
หลังจากจบงานที่ร้านเส้งโหแล้วก็แวะไปที่ร้านนายอินทร์ สาขาภูเก็ตค่ะ เห็นอันดับหนังสือขายดี และชั้นวางหนังสือภายในร้านแล้วปลื้มใจแทนแจ่มใสค่ะ
เสียดายมากๆ ว่าคราวนี้ไปทำงาน และต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ไม่มีเวลาเที่ยวที่ไหนเลย และคุณปู ผู้จัดการของแจ่มใสคงจะเห็นใจน้องจอย ทีมงาน เช้าวันที่ 3 ก็เลยพาไปชมสะพานหิน และอนุสรณ์เรือขุด สัญญลักษณ์ของเมือง นัยว่าไม่มาเห็นเรือขุดเหมือนไม่ได้มาภูเก็ต อิอิ ส่วนเราที่ถึงแม้จะเคยมาที่นี่แล้ว (เมื่อเกือบสิบปีก่อน) เลยพอติดร่างแหมาเที่ยวอีกครั้ง
หลังป้ายหินอ่อนมีคำจารึกว่า "หลัก 60 ปี เพื่อระลึกถึงศักราชใหม่ของการทำเหมืองแร่ดีบุกในประเทศไทย ซึ่งเริ่มเมื่อกัปตันเอ็ดเวิด ไมลส์ และบุตร ได้นำเรือขุดลำแรกมาขุด ณ ที่นี้ในเดือนธันวาคม 2450 เพื่อเทอดทูนน้ำใจผู้บุกเบิกและความอดทนของชาวเหมืองในอดีต ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้การทำเหมืองดีบุกในประเทศไทยได้เป็นดังเห็นอยู่ในปัจจุบัน เราขอสร้างอนุสรณ์นี้ไว้ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512"
ถึงเวลานี้ก็คงเป็นได้แค่อนุสรณ์และความทรงจำว่าสมัยก่อนเราเคยเรียนหนังสือว่าภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีแร่ดีบุกมากที่สุดเท่านั้น เนอะ ปัจจุบันจริงๆ ( พ.ศ. 2548 ) ภูเก็ตกลับมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว
ระหว่างทางกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่มีอะไรทำ นอกจากพูดคุย กินขนม หลับ และหยิบมือถือติดกล้องมาถ่ายทิวทัศน์ข้างทาง ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เอาสนุก
มาภาคใต้ทั้งทีจะไม่เจอฝนก็เหมือนไม่ได้มาอีกนั่นแหล่ะ ;b
ภาพสุดท้าย เอาท้องฟ้าเมืองใต้มาฝากค่ะ อยากรู้ว่าต่างจากท้องฟ้าในกรุงขนาดไหน
จบบันทึกเรื่อยเปื่อยจากเมืองใต้เน้อ สำหรับภาพกิจกรรมในงานแบบเต็มอิ่ม อีกสักพัก ทีมงานแจ่มใสคงได้อัพเดทขึ้นเว็บไซต์ให้ดูกันเร็วๆ นี้ค่ะ
Create Date : 04 กรกฎาคม 2548 |
|
23 comments |
Last Update : 28 สิงหาคม 2548 13:56:25 น. |
Counter : 2853 Pageviews. |
|
|
|
ส่วนหนูด้วยความที่ยังไม่มีสมบัติ (กล้อง) เป็นของตัวเอง เลยได้แต่รอ ร้อ รอ นิ