|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...กัวลาลัมเปอร์เต็มที่ ก่อนนาทีระทึก
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...กัวลาลัมเปอร์ หลายชั่วโมงถัดมา
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...กัวลาลัมเปอร์ in 24 hrs! (1)
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…กลุ่มอพยพที่บางปู สมุทรปราการ
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…ดูมันให้ถึงที่...ภูเขาไฟพูจิ ที่ Fuji Five Lakes (ใช่ที่ๆที่ดีที่สุดแล้วเหรอ)
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…กลับมายืนที่เดิมกับตัวเลขบังคับที่ หาดปึกเตียน จ.เพชรบุรี
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…Future Town: Minato Mirai, Yokohama และ สะพานสายรุ้ง, Tokyo
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…First day in Tokyo & Panda On Tour
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…แผนเที่ยวญี่ปุ่น 10 วัน
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…เจ็บนี้อีกนาน ณ ถนนที่ชันที่สุดในโลก Dunedin, New Zealand
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…ทัวร์พุงป่อง โรงงานชอคโกแลต และ โรงเบียร์ Speight’s, Dunedin, New Zealand
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…ฟักใหญ่ น้ำเต้าโต และตลาดร้อยปี, บึงฉวาง สุพรรณบุรี
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...พาเหรดเพนกวิน Phillips Island, Australia
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…GPS สมองกลหรือสมองคนจะแน่กว่ากัน Melbourne, Australia
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…เที่ยวเมืองออสซี่ (แบบนี้) ขอไม่มีหนที่ 2!!!
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...Butterfly Park, Coromandel New Zealand
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…ทะเล ทะเล ทะเลลลลลลลลล Coromandel, New Zealand
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน…เรื่องระทึก ณ เมืองทะเล Coromandel, New Zealand และ Brokeback Mountain
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน....Auckland City กระเตงลูกชมเมืองวันเดียวก็เกินพอ!
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน… จอมปลวกพ่นน้ำ, บ่อน้ำขวดแชมเปญ, โคลนเลนเต้นระบำ … Rotorua, New Zealand
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน (ภาคท้อง)…The Everest ฝันให้ไกล แล้วก็ไปให้ถึง
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน (ภาคท้อง)…อุ้มท้องส่องพระอาทิตย์ที่ Sarankot, Nepal
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน (ภาคท้อง)…เยี่ยมวังกุมารี เด็กหญิงที่ไม่ควรโต ที่ Dubar Square ,Nepal
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน (ภาคท้อง)...กาฎมัณฑุ สาธุ นะโมตัสสะ
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน (ภาคท้อง)…..ไป เนปาล ไม่ผจญภัยไม่ได้หรอก
- 1000 places to see before you die --มีกี่ที่จาก Thailand?
- คิดว่าไม่น่าเบื่อแล้วนะ
- เมืองที่เคยน่าเบื่อ Wellington, New Zealand
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...Franz Josef Glacier เฮ้อ จบซะที
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...Queenstown ที่เดียวก็เกินคุ้ม
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...Christchurch มาถึงแล้วแดนกีวี่
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...Wellington ฟ้าฝนลมพัดเป็นเรื่องปกติ
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...ธรรมชาติให้มาขี้โคลนที่ Rotorua
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน...ซีนหวิวๆที่ Auckland City กับ ขี้โคลนแปลกๆที่ Rotorua
- ทัวร์แม่ลูกอ่อน (่1)....ย้ายสะโพกข้ามประเทศ BKK-AKL
|
|
|
|
|
ทัวร์แม่ลูกอ่อน...กัวลาลัมเปอร์ หลายชั่วโมงถัดมา
ทางโรงแรมแนะนำว่าถ้าเราจะไปตึก Petronas คืนนี้คงไปไม่ทันแล้ว เพราะการจะขึ้นชมตึกนี้ได้นั้น ทุกคนจะต้องไปยืนต่อรับบัตรคิวที่ใต้ตึก และกลับมาขึ้นตึกอีกครั้งตามเวลาที่เค้าบอกไว้ในบัตร แหม…การที่เธอเป็นตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกเนี่ย มันทำให้เล่นตัวน่าดู แต่เอาเถอะ ท่ีอื่นก็มีตั้งเยอะให้ไปตอนนี้ พนักงานโรงแรมแอบบอกให้เรารู้นิดนึงว่า จริงๆแล้วถ้าอยากเห็นวิวของ KL อย่างแท้จริง ต้องไปตึก KL Tower เพราะทำเลที่ตั้ง และ ระดับชั้นของจุดชมวิวนั้นสูงกว่าตึก Petronas หลังจากฟังคำแนะนำกันเรียบร้อย เราก็ออกมาเรียกแทกซี่กันด้านหน้า
ทุกครั้งที่ฉันมีโอกาสได้ไปขึ้นตึกที่สูงที่สุดในประเทศต่างๆ คำถามโลกแตกของของฉันก็คือ “ขึ้นไปกลางวันหรือกลางคืนจะดีกว่ากัน” สำหรับฉันแล้ว เวลาดูวิวตอนกลางวันมันก็เหมือนกับอ่านหนังสือ non-fiction ตรงที่ว่าสิ่งที่ได้รับมันก็จะเห็นกันจะจะไปเลยว่าอะไรเป็นอะไรในแง่ของสถาปัตยกรรม ส่วนการดูวิวตอนกลางคืนก็เหมือนการอ่านนิยายที่เน้นให้เห็นความสวยงามโดยรวมและอาศัยจินตนาการในการชื่นชม สรุปแล้วมันก็ดีไปคนละอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าเวลาจะอำนวยให้ขึ้นตอนไหน แต่ฉันก็ยังแอบหวังลึกๆในใจตามประสาคนงกว่า มันก็น่าจะมีซักที่ที่ให้เราเห็นทั้งรายละเอียดของสถาปัตยกรรมและได้ปล่อยอารมณ์ไปตามบรรยากาศแห่งจินตนาการ
พอก้าวขาออกมาจากรถสายตาของฉันก็เริ่มกวาดทุกอย่างเข้ากล่องแห่งความทรงจำเพื่อความคุ้มค่าของการเดินทาง ตาของฉันก็รีบเก็บรายละเอียดทุกกระเบียด และสะดุดกับแสงสีม่วงที่สะท้อนออกมาจากตัวตึก KL ฉันไม่รอช้าที่จะแหงนหน้ามองและถ่ายรูปนั้นเก็บไว้ เราไม่มีเวลาเถลไถลมากนักเพราะตึกกำลังจะป ิดในอีกครึ่งชั่วโมง
เมื่อขึ้นไปบนจุดชมวิว ความคาดหวังของฉันก็ดิ่งลงมาประมาณชั้น 10 ภาพที่มองลงไปนั้นเป็นความมืดซะ 60% ก่อนที่ฉันจะเปิดปากบ่นไปมากมาย ส่ิงที่ช่วยง้างตาฉันให้กว้างขึ้นก็คือ ภาพของแสงสีขาวเหมือนดาบเลเซอร์จากตึก แฝดPetronas ที่ส่องเป็นประกายอย่างสวย แปลกตา สงบและสง่าในเวลาเดียวกัน แสงสีทองจากถนนที่ไม่มีรถวิ่งอย่างขวักไขว่ยิ่งทำให้ตึกแฝดฉันไม่เคยเห็นตึกที่ออกแบบมาเพื่อส่องแสงแบบนี้มาก่อนเลย นี่ถ้าบรรยากาศโดยรอบมีสีสันมากมาย ความน่าตื่นตาของภาพที่เห็นคงจะไม่น่าประทับใจแบบนี้ นี่แหละที่เค้าว่าในมุมมืดๆมักมีแสงสว่างที่ไม่คาดหวังเสมอ อิอิ
หลังจากหลุดออกจากภวังค์และอิ่มตากันเป็นที่เรียบร้อย เราคงหนีความจริงกันไม่ได้ว่าเราจำเป็นต้องหาอะไรหม่ำให้อิ่มท้องเช่นกัน ขณะนั้นที่ KL เป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆ แต่เมืองไทยเพิ่งจะทุ่มกว่าๆเท่านั้นเอง เราเลยยังมีแรงเหลือเฟือที่จะออกท่องราตรี เราเรียกแทกซี่มุ่งตรงไปยัง Petaling Street หรือ Jalan Petaling คำว่า จรัลสนิทวงศ์ ก็มีรากภาษามาจากคำนี้นี่เอง
เมื่อรถเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆใกล้ที่หมาย ฉันก็เห็นบรรยากาศคุ้นๆแบบที่ชินตาและชื่นชอบ แต่หากคนไม่เคยชินก็คงรู้สึกว่าไร้ระเบียบและจอแจสไตล์ถนนเอเชียอาคเนย์ ของอย่างงี้ก็แล้วแต่มุมมอง ถ้ามองแบบชอบอวยกันสุดๆ ฉันคงบอกว่าถนนนี้อัดแน่นแค่ 2 อย่างเท่านั้นคือสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต
สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดคือมะม่วงสุกลูกใหญ่กว่าลูกธรรมดาถึง 3 เท่า นอกจากนี้อาหารพื้นเมืองต่างๆเช่นหมูแผ่นรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ดูเหนียวนุ่ม ลูกชิ้นเสียบไม้ ที่มีหลากหลายชนิด เราเดินวนเวียนด้านในถนน Pentaling ที่ดูแล้วไม่ค่อยต่างจากถ.ข้าวสาร ผิดแต่ว่าร้านค้าไม่หลากหลายและคนเยอะเท่า ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเน้นขายซีฟู้ดและขายโดยคนจีนเป็นส่วนใหญ่ เราพยายามจะหาอาหารมาเลย์แท้ๆกินกันแต่ก็ตัวเลือกก็น้อยเหลือเกิน จนในที่สุดก็มาหยุดที่ร้านอาหารใหญ่ที่อยู่ส่วนหน้าของถนนเราสั่งไก่สะเต๊ะ เนื้อผัดน้ำมันหอย และน้ำมะพร้าว ฉันว่าไม่ว่าจะที่ไหนเมืองไทยก็อร่อยที่สุด
หลังจากนั้นเราออกเดินสำรวจร้านค้า ของปลอมมากมายวางขายให้เกลื่อน ไม่ว่าจะด้วยราคาหรือคุณภาพความปลอมเมืองไทยของเราก็ชนะเลิศอีกเช่นเคย เพราะฉะนั้นฉันเลยไม่ได้จ่ายตังค์สักนิดเดียว ช่วงนั้นเราและลูกก็เริ่มจะง่วงเลยนั่งแทกซี่ตรงดิ่งกลับโรงแรมนอนเพื่อตะลุยกันต่อในวันรุ่งขึ้น
รุ่งเช้าก่อนออกเที่ยวเราก็ได้กินอาหารมาเลย์กันซะที อาหารของโรงแรมนี้รสชาติอร่อย และหลากหลาย เมื่ออิ่มเต็มที่เรามุ่งหน้าไปยังตึก Petronas ทันที เพื่อไปรับบัตรคิว การขึ้นชมตึก Petronas ไม่ต้องเสียตังค์ แต่ว่าทางตึกจะจำกัดจำนวจผู้ขึ้นชมในแต่ละรอบในแต่ละวัน
กว่าจะไปถึงจุดรับบัตรคิวฉันหลงทางอยู่หลายรอบ ใครจะไปรู้ว่าชั้น Concourse Level อยู่ตรงไหน ระหว่างทางฉันก็เห็นว่าภายในตึกมีห้างหรูหราและออฟิศมากมาย แต่ที่เพลินตาที่สุดคงเป็นโครงสร้างของตึกที่ทำด้วยเหล็กและแก้วซ้อนกันไปมา ที่ดูเรียบง่ายแต่ล้ำยุค
เมื่อไปถึงจุดหมายฉันแอบถอดใจเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวมากมายเหลือเกิน ไหนจะหอบลูกอีกคนต้องมานั่นต่อคิว ฉันยืนบ่น บ่น บ่น แต่จู่ๆพนักงานของตึกก็เดินตรงดิ่งมาหาฉันแล้วบอกว่า “คุณมีลูกอ่อนมา ไม่ต้องต่อคิวรับบัตรค่ะ ไปดูได้ตอนนี้เลย”เหลือเชื่อ…แต่ก็ยังไม่พอ อยู่ๆลูกก็ร้องหิวนม พนักงานคนเดิมเดินกลับมาบอกว่า “ไปนั่งให้นมในห้องนี้เลยค่ะ เดี๋ยวให้สามียืนต่อในแถวแล้วกัน” โชคสองชั้น ฉันไม่ต้องกลับมารอบบ่ายแถมไม่ต้องยืนต่อคิว ไม่น่าเชื่อ
อยู่ๆฉันก็นึกถึงเคหลิบขึ้นมา ช่างเป็นแม่ที่ดีซะจริงๆผ่านไปกว่า 15 ช.ม.เพิ่ง่จะนึกขึ้นได้ ฉันเลยโทรไปหาตาของเด็กๆ “เมื่อคืนเกือบแย่ ร้องหาแม่ซะจนหลับไป” อ้าว…ไหงเป็นงั้น ทั้งๆที่ก่อนไปดูกระตือรือร้นและไม่สนแม่ซะด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เคหลิบต้องนอนกับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อหรือแม่ หลังจากครั้งแรกต้องนอนคนเดียวเพราะแม่ไปคลอด เฮ้อ…ฟังดูแล้วเหมือนน้องมาเป็นก้างให้เคหลิบจริงๆ แต่ระหว่างที่คุยฉันก็ได้ยินเสียงลูกหัวเราะเอิ๊กอ๊ากผ่านมาทางโทรศัพท์ ตาบอกว่าตอนนี้พามาเที่ยวสวนไดโนเสาร์ที่จ.กาฬสินธ์ุ เคหลิบชอบมาก แต่ก็กำชับว่าคืนนี้ให้มาทันลูกกลับจะได้ไม่เป็นเรื่องอีก ฉันตกปากรับคำอย่างดีเพราะตามเวลาเดินทางเราจะถึงบ้านที่กทม.กันตอนประมาณ 2ทุ่ม
ไม่นานนักฉันแมทและลู้คก็ได้ขึ้นลิฟต์ความเร็วสูงไปยังสะพานเชื่อมต่อของตึกแฝดซึ่งเป็นจุดชมวิว ฉันไม่ค่อยจะประทับใจมากมายกับวิวที่เห็นแต่ออกจะตื่นตากับโครงสร้างของตึก ไกด์ประจำตึกเล่าให้ฟังว่า วัสดุที่ใช้ก่อสร้างทำจากเหล็กและแก้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของมาเลเซีย และคุณสมบัติของเหล็กและแก้วก็สะท้อนแสงไฟได้ดี ทำให้ดูสว่างไสวยามค่ำคืน ความเด่นของเค้าจึงเป็นมากกว่าตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในโลก และสิ่งที่กินใจก็คือการผสมผสานกันระหว่างศาสตร์และศิลป์ ความเป็นจริงและจินตนาการนี่เอง นับว่าคุ้มอย่างที่เคยหวังไว้จริงๆ
เราออกเดินทางกันต่อ จริงๆเราก็อยากใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเพื่อที่ว่าจะได้ลองทุกแบบ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด เราเลยใช้วิธีเดิมในการเดินทางนั่นก็คือ เหมาแทกซี่เที่ยวทั้งวัน….ที่หน้าตึกมีแทกซี่จอดเรียงรายกันหลายคัน ฉันกับแมทถกเถึยงกันอยู่พักใหญ่ว่าจะเลือกใครเป็นสารถี ต่างคนก็ต่างกวักมือเรียกเรา ฉันเห็นคนขับคนนึงตัวใหญ่และดำ มีหนวด แล้วก็จุดแดงๆป้ายตรงหน้าผากตามสไตล์แขกฮินดู ฉันบอกว่าคนนี้น่ากลัว แต่แมทได้ยินแค่ว่า “คนนี้” ดังนั้นแมทจึงไม่รอช้าที่จะหอบลูกและจูงฉันขึ้นรถทันที!
ฉันพูดไม่ออกได้แต่นั่งตัวเกร็งไปตลอดทาง ระหว่างทางแทบไม่มีบทสนทนาใดๆ แต่ไม่นานนักเราก็มาถึงวังของสุลต่าน เราแวะลงถ่ายรูป ฉันรีบบอกกับแมทว่าไม่อยากนั่งรถคันนี้แล้ว รู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก ส่วนแมทก็โวยวายว่าไหนว่าเลือกคนนี้ไง กว่าจะเข้าใจว่าสื่อสารกันผิดก็นะ…จะให้เปลี่ยนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เพราะไม่มีตัวเลือกอื่น เอาก็เอา เราต้องนั่งลุยกันออกทัวร์เซ็ตสุดท้ายกันต่อไป…
Create Date : 28 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 8:16:40 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1473 Pageviews. |
|
|
|
โดย: bagarbu วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:57:57 น. |
|
|
|
โดย: Lottelise IP: 78.156.209.238 วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:47:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ตึกราบ้านเค้าสวยเนอะ กลางคืนสวยก้อสวย หลายชม.ผ่านไป
แอบคิดถึงน้องเคหลิบเหรอค่ะ อิอิ
ตอนนี้อยู่ที่นิวซี่แลนด์แล้วน่ะค่ะ คุณย่าทวดสบายดีน่ะค่ะ
ที่เวลลิ้งตั้นเป็นงัยบ้างค่ะ อากาศหนาวมากไม๊ ที่นี่อุ่นค่ะบางวันก้อเย็นๆ
เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย แต่ยังดีกว่าอากาศที่ยูเค อิอิ
เดี๋ยวจาไปจดสูตรขนมถ้วยของคุณย่าทวดก่อนน่ะค่ะ พรุ่งนี้จะทำค่ะ
อยากมานานมาก พักนี้อ้วนตามปรกติ5555
เทคแคร์ค่ะ