Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
ทัวร์แม่ลูกอ่อน...กัวลาลัมเปอร์ หลายชั่วโมงถัดมา

ทางโรงแรมแนะนำว่าถ้าเราจะไปตึก Petronas คืนนี้คงไปไม่ทันแล้ว เพราะการจะขึ้นชมตึกนี้ได้นั้น ทุกคนจะต้องไปยืนต่อรับบัตรคิวที่ใต้ตึก และกลับมาขึ้นตึกอีกครั้งตามเวลาที่เค้าบอกไว้ในบัตร แหม…การที่เธอเป็นตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกเนี่ย มันทำให้เล่นตัวน่าดู แต่เอาเถอะ ท่ีอื่นก็มีตั้งเยอะให้ไปตอนนี้ พนักงานโรงแรมแอบบอกให้เรารู้นิดนึงว่า จริงๆแล้วถ้าอยากเห็นวิวของ KL อย่างแท้จริง ต้องไปตึก KL Tower เพราะทำเลที่ตั้ง และ ระดับชั้นของจุดชมวิวนั้นสูงกว่าตึก Petronas หลังจากฟังคำแนะนำกันเรียบร้อย เราก็ออกมาเรียกแทกซี่กันด้านหน้า

ทุกครั้งที่ฉันมีโอกาสได้ไปขึ้นตึกที่สูงที่สุดในประเทศต่างๆ คำถามโลกแตกของของฉันก็คือ “ขึ้นไปกลางวันหรือกลางคืนจะดีกว่ากัน” สำหรับฉันแล้ว เวลาดูวิวตอนกลางวันมันก็เหมือนกับอ่านหนังสือ non-fiction ตรงที่ว่าสิ่งที่ได้รับมันก็จะเห็นกันจะจะไปเลยว่าอะไรเป็นอะไรในแง่ของสถาปัตยกรรม ส่วนการดูวิวตอนกลางคืนก็เหมือนการอ่านนิยายที่เน้นให้เห็นความสวยงามโดยรวมและอาศัยจินตนาการในการชื่นชม สรุปแล้วมันก็ดีไปคนละอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าเวลาจะอำนวยให้ขึ้นตอนไหน แต่ฉันก็ยังแอบหวังลึกๆในใจตามประสาคนงกว่า มันก็น่าจะมีซักที่ที่ให้เราเห็นทั้งรายละเอียดของสถาปัตยกรรมและได้ปล่อยอารมณ์ไปตามบรรยากาศแห่งจินตนาการ

พอก้าวขาออกมาจากรถสายตาของฉันก็เริ่มกวาดทุกอย่างเข้ากล่องแห่งความทรงจำเพื่อความคุ้มค่าของการเดินทาง ตาของฉันก็รีบเก็บรายละเอียดทุกกระเบียด และสะดุดกับแสงสีม่วงที่สะท้อนออกมาจากตัวตึก KL ฉันไม่รอช้าที่จะแหงนหน้ามองและถ่ายรูปนั้นเก็บไว้ เราไม่มีเวลาเถลไถลมากนักเพราะตึกกำลังจะป ิดในอีกครึ่งชั่วโมง





เมื่อขึ้นไปบนจุดชมวิว ความคาดหวังของฉันก็ดิ่งลงมาประมาณชั้น 10 ภาพที่มองลงไปนั้นเป็นความมืดซะ 60% ก่อนที่ฉันจะเปิดปากบ่นไปมากมาย ส่ิงที่ช่วยง้างตาฉันให้กว้างขึ้นก็คือ ภาพของแสงสีขาวเหมือนดาบเลเซอร์จากตึก แฝดPetronas ที่ส่องเป็นประกายอย่างสวย แปลกตา สงบและสง่าในเวลาเดียวกัน แสงสีทองจากถนนที่ไม่มีรถวิ่งอย่างขวักไขว่ยิ่งทำให้ตึกแฝดฉันไม่เคยเห็นตึกที่ออกแบบมาเพื่อส่องแสงแบบนี้มาก่อนเลย นี่ถ้าบรรยากาศโดยรอบมีสีสันมากมาย ความน่าตื่นตาของภาพที่เห็นคงจะไม่น่าประทับใจแบบนี้ นี่แหละที่เค้าว่าในมุมมืดๆมักมีแสงสว่างที่ไม่คาดหวังเสมอ อิอิ







หลังจากหลุดออกจากภวังค์และอิ่มตากันเป็นที่เรียบร้อย เราคงหนีความจริงกันไม่ได้ว่าเราจำเป็นต้องหาอะไรหม่ำให้อิ่มท้องเช่นกัน ขณะนั้นที่ KL เป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆ แต่เมืองไทยเพิ่งจะทุ่มกว่าๆเท่านั้นเอง เราเลยยังมีแรงเหลือเฟือที่จะออกท่องราตรี เราเรียกแทกซี่มุ่งตรงไปยัง Petaling Street หรือ Jalan Petaling คำว่า จรัลสนิทวงศ์ ก็มีรากภาษามาจากคำนี้นี่เอง



เมื่อรถเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆใกล้ที่หมาย ฉันก็เห็นบรรยากาศคุ้นๆแบบที่ชินตาและชื่นชอบ แต่หากคนไม่เคยชินก็คงรู้สึกว่าไร้ระเบียบและจอแจสไตล์ถนนเอเชียอาคเนย์ ของอย่างงี้ก็แล้วแต่มุมมอง ถ้ามองแบบชอบอวยกันสุดๆ ฉันคงบอกว่าถนนนี้อัดแน่นแค่ 2 อย่างเท่านั้นคือสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต







สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดคือมะม่วงสุกลูกใหญ่กว่าลูกธรรมดาถึง 3 เท่า นอกจากนี้อาหารพื้นเมืองต่างๆเช่นหมูแผ่นรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ดูเหนียวนุ่ม ลูกชิ้นเสียบไม้ ที่มีหลากหลายชนิด เราเดินวนเวียนด้านในถนน Pentaling ที่ดูแล้วไม่ค่อยต่างจากถ.ข้าวสาร ผิดแต่ว่าร้านค้าไม่หลากหลายและคนเยอะเท่า ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเน้นขายซีฟู้ดและขายโดยคนจีนเป็นส่วนใหญ่ เราพยายามจะหาอาหารมาเลย์แท้ๆกินกันแต่ก็ตัวเลือกก็น้อยเหลือเกิน จนในที่สุดก็มาหยุดที่ร้านอาหารใหญ่ที่อยู่ส่วนหน้าของถนนเราสั่งไก่สะเต๊ะ เนื้อผัดน้ำมันหอย และน้ำมะพร้าว ฉันว่าไม่ว่าจะที่ไหนเมืองไทยก็อร่อยที่สุด





หลังจากนั้นเราออกเดินสำรวจร้านค้า ของปลอมมากมายวางขายให้เกลื่อน ไม่ว่าจะด้วยราคาหรือคุณภาพความปลอมเมืองไทยของเราก็ชนะเลิศอีกเช่นเคย เพราะฉะนั้นฉันเลยไม่ได้จ่ายตังค์สักนิดเดียว ช่วงนั้นเราและลูกก็เริ่มจะง่วงเลยนั่งแทกซี่ตรงดิ่งกลับโรงแรมนอนเพื่อตะลุยกันต่อในวันรุ่งขึ้น





รุ่งเช้าก่อนออกเที่ยวเราก็ได้กินอาหารมาเลย์กันซะที อาหารของโรงแรมนี้รสชาติอร่อย และหลากหลาย เมื่ออิ่มเต็มที่เรามุ่งหน้าไปยังตึก Petronas ทันที เพื่อไปรับบัตรคิว การขึ้นชมตึก Petronas ไม่ต้องเสียตังค์ แต่ว่าทางตึกจะจำกัดจำนวจผู้ขึ้นชมในแต่ละรอบในแต่ละวัน



กว่าจะไปถึงจุดรับบัตรคิวฉันหลงทางอยู่หลายรอบ ใครจะไปรู้ว่าชั้น Concourse Level อยู่ตรงไหน ระหว่างทางฉันก็เห็นว่าภายในตึกมีห้างหรูหราและออฟิศมากมาย แต่ที่เพลินตาที่สุดคงเป็นโครงสร้างของตึกที่ทำด้วยเหล็กและแก้วซ้อนกันไปมา ที่ดูเรียบง่ายแต่ล้ำยุค





เมื่อไปถึงจุดหมายฉันแอบถอดใจเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวมากมายเหลือเกิน ไหนจะหอบลูกอีกคนต้องมานั่นต่อคิว ฉันยืนบ่น บ่น บ่น แต่จู่ๆพนักงานของตึกก็เดินตรงดิ่งมาหาฉันแล้วบอกว่า “คุณมีลูกอ่อนมา ไม่ต้องต่อคิวรับบัตรค่ะ ไปดูได้ตอนนี้เลย”เหลือเชื่อ…แต่ก็ยังไม่พอ อยู่ๆลูกก็ร้องหิวนม พนักงานคนเดิมเดินกลับมาบอกว่า “ไปนั่งให้นมในห้องนี้เลยค่ะ เดี๋ยวให้สามียืนต่อในแถวแล้วกัน” โชคสองชั้น ฉันไม่ต้องกลับมารอบบ่ายแถมไม่ต้องยืนต่อคิว ไม่น่าเชื่อ





อยู่ๆฉันก็นึกถึงเคหลิบขึ้นมา ช่างเป็นแม่ที่ดีซะจริงๆผ่านไปกว่า 15 ช.ม.เพิ่ง่จะนึกขึ้นได้ ฉันเลยโทรไปหาตาของเด็กๆ “เมื่อคืนเกือบแย่ ร้องหาแม่ซะจนหลับไป” อ้าว…ไหงเป็นงั้น ทั้งๆที่ก่อนไปดูกระตือรือร้นและไม่สนแม่ซะด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เคหลิบต้องนอนกับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อหรือแม่ หลังจากครั้งแรกต้องนอนคนเดียวเพราะแม่ไปคลอด เฮ้อ…ฟังดูแล้วเหมือนน้องมาเป็นก้างให้เคหลิบจริงๆ
แต่ระหว่างที่คุยฉันก็ได้ยินเสียงลูกหัวเราะเอิ๊กอ๊ากผ่านมาทางโทรศัพท์ ตาบอกว่าตอนนี้พามาเที่ยวสวนไดโนเสาร์ที่จ.กาฬสินธ์ุ เคหลิบชอบมาก แต่ก็กำชับว่าคืนนี้ให้มาทันลูกกลับจะได้ไม่เป็นเรื่องอีก ฉันตกปากรับคำอย่างดีเพราะตามเวลาเดินทางเราจะถึงบ้านที่กทม.กันตอนประมาณ 2ทุ่ม



ไม่นานนักฉันแมทและลู้คก็ได้ขึ้นลิฟต์ความเร็วสูงไปยังสะพานเชื่อมต่อของตึกแฝดซึ่งเป็นจุดชมวิว ฉันไม่ค่อยจะประทับใจมากมายกับวิวที่เห็นแต่ออกจะตื่นตากับโครงสร้างของตึก ไกด์ประจำตึกเล่าให้ฟังว่า วัสดุที่ใช้ก่อสร้างทำจากเหล็กและแก้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของมาเลเซีย และคุณสมบัติของเหล็กและแก้วก็สะท้อนแสงไฟได้ดี ทำให้ดูสว่างไสวยามค่ำคืน ความเด่นของเค้าจึงเป็นมากกว่าตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในโลก และสิ่งที่กินใจก็คือการผสมผสานกันระหว่างศาสตร์และศิลป์ ความเป็นจริงและจินตนาการนี่เอง นับว่าคุ้มอย่างที่เคยหวังไว้จริงๆ







เราออกเดินทางกันต่อ จริงๆเราก็อยากใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเพื่อที่ว่าจะได้ลองทุกแบบ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด เราเลยใช้วิธีเดิมในการเดินทางนั่นก็คือ เหมาแทกซี่เที่ยวทั้งวัน….ที่หน้าตึกมีแทกซี่จอดเรียงรายกันหลายคัน ฉันกับแมทถกเถึยงกันอยู่พักใหญ่ว่าจะเลือกใครเป็นสารถี ต่างคนก็ต่างกวักมือเรียกเรา ฉันเห็นคนขับคนนึงตัวใหญ่และดำ มีหนวด แล้วก็จุดแดงๆป้ายตรงหน้าผากตามสไตล์แขกฮินดู ฉันบอกว่าคนนี้น่ากลัว แต่แมทได้ยินแค่ว่า “คนนี้” ดังนั้นแมทจึงไม่รอช้าที่จะหอบลูกและจูงฉันขึ้นรถทันที!





ฉันพูดไม่ออกได้แต่นั่งตัวเกร็งไปตลอดทาง ระหว่างทางแทบไม่มีบทสนทนาใดๆ แต่ไม่นานนักเราก็มาถึงวังของสุลต่าน เราแวะลงถ่ายรูป ฉันรีบบอกกับแมทว่าไม่อยากนั่งรถคันนี้แล้ว รู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก ส่วนแมทก็โวยวายว่าไหนว่าเลือกคนนี้ไง กว่าจะเข้าใจว่าสื่อสารกันผิดก็นะ…จะให้เปลี่ยนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เพราะไม่มีตัวเลือกอื่น เอาก็เอา เราต้องนั่งลุยกันออกทัวร์เซ็ตสุดท้ายกันต่อไป…



Create Date : 28 พฤษภาคม 2552
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 8:16:40 น. 2 comments
Counter : 1473 Pageviews.

 
หวัดดีค่ะคุณอวน

ตึกราบ้านเค้าสวยเนอะ กลางคืนสวยก้อสวย หลายชม.ผ่านไป
แอบคิดถึงน้องเคหลิบเหรอค่ะ อิอิ

ตอนนี้อยู่ที่นิวซี่แลนด์แล้วน่ะค่ะ คุณย่าทวดสบายดีน่ะค่ะ

ที่เวลลิ้งตั้นเป็นงัยบ้างค่ะ อากาศหนาวมากไม๊ ที่นี่อุ่นค่ะบางวันก้อเย็นๆ
เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย แต่ยังดีกว่าอากาศที่ยูเค อิอิ

เดี๋ยวจาไปจดสูตรขนมถ้วยของคุณย่าทวดก่อนน่ะค่ะ พรุ่งนี้จะทำค่ะ
อยากมานานมาก พักนี้อ้วนตามปรกติ5555

เทคแคร์ค่ะ


โดย: bagarbu วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:57:57 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณอวน หมอนวดเมืองอูนส์ เดนมาร์กเองค่ะ นานแล้วไม่ได้เข้ามาทักทาย

เลิกเล่นบล๊อกกังแล้วและไม่มีบล๊อกอีก วันนี้แวะมาเห็นคุณอวนพาเที่ยวมาเลเซีย รูปสวยมากๆ คุณอวนมีลูกสองคนแล้วยังสวยสดใสมากๆ

คุณอวนเมลมาก้ได้น่ะค่ะ alwayssunshine76@ยาฮูด้อดคอม


โดย: Lottelise IP: 78.156.209.238 วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:47:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nzmum
Location :
กรุงเทพ New Zealand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บันทึก...แม่บ้า(น)ตัวอย่าง
ชีิวิตเก่าๆของแม่ลูกสอง ทั้งในและนอกประเทศไทย
หวังว่าวันนึงคงได้กลับมาอยู่บ้านเราอย่างถาวร



+KL and that second (3)+
+KL hours later(2)+
+KL in 24 HRS (1)+
+HBD CALEB 3 YRS OLD+
+ไม่ใช่ตุ๊กตา+
+ของขวัญจากโรงเรียน+
+วีคแรกที่ Kindy+
+Bye Bye Nappy+
+โรงเรียนของเคหลิบ+
+เกมแก้เซ็ง+
+ด้วยเกียรติของแม่บ้า(น)+
+ถึงคราวมีเจ๊ดัน+
+Headline Blog+
+Smile Upon The Sky+
+Caleb’s Language Milestone+
+Snap Shots ริมเจ้าพระยา+
+กลับ!+
+AF5: Me, My Dream & My Producer+
+วีรกรรมทำแสบ+
+Fuji Five Lakes+



+My Book+





Friends' blogs
[Add nzmum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.