Group Blog
 
 
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
7 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 

ทัวร์แม่ลูกอ่อน (่1)....ย้ายสะโพกข้ามประเทศ BKK-AKL

นึกว่าจะไม่มีโอกาสแวะเข้ามาอีกแล้วเชียว ตั้งแต่กลับมาเหยียบนิวซีแลนด์ครั้งนี้ ชีวิตช่างยุ่งเหยิงสิ้นดี…

ขอย้อนความไปถึงเมื่อกลางเดือนที่แล้ว วันที่ 16 กย เราสองคนแม่ลูกได้ออกเดินทางอพยพจากเมืองไทยตรงดิ่งมายังดินแดน downunder นิวซีแลนด์ โดยมีลูกทัวร์ผู้ติดตามมาอีก 3 คน ได้แก่ คุณทวด (คุณย่าของอิชั้น) คุณตา (พ่อ) และ อาหญิง (แฟนพ่อ)

การเดินทางครั้งนี้ คณะลูกทัวร์ถูกเชิญแกมบังคับให้มาร่วมทาง เนื่องจากว่า อิชั้นไม่อยากรับภาระเป็นคนรับใช้ท่านหัวหน้าทัวร์จอมบอสซี่ หรือ คุณลูกอ่อนของเราแต่เพียงผู้เดียว จึงได้ออกอุบายล่อลวงคนแ่กรักเด็ก ให้มาชื่นชมทัศนียภาพ ธรรมชาติ ของดินแดนโพ้นทะเล

แผนการท่องเที่ยวของเรานอกจากจะหลอกให้คนแก่มาช่วยเลี้ยงลูกแล้ว ก็ยังจะเป็นการทัวร์นิวซีแลนด์ทั้งเกาะเหนือและเกาะใต้ด้วยรถยนต์ที่เช่ามา โดยจะเริ่มเดินทางจาก Auckland ออกไป Rotorua วิ่งผ่าน Taupo, Mt. Ruphehu เข้าสู่ Wellington ก่อนจะข้ามเรือเฟอร์รี่ลงสู่เกาะใต้ เข้าเมือง Christchurch ต่อด้วย Queenstown, Franz Josef Glacier, Nelson ตามลำดับ ก่อนจะขึ้นเรื่อกลับมาที่ Wellington อีกครั้ง

เราได้นัดหมายกันไว้ที่ดอนเมือง 3 โมงเย็น กะไว้เลย ว่าเช็คอิน ชิว ชิว เครื่องออกตั้ง 5 โมงครัึ่ง….ดิชั้นมองข้ามความปลอดุภัยค่ะ… การเดินทางกับคุณลูกอ่อนเนี่ย….มันไม่ธรรมดา

เนื่องด้วยสมบัติพัสถานของดิชั้นและคุณลูกอ่อน มันมากมายก่ายกอง กว่าเราจะขนกล่องมหาสมบัติมาถึงเคาน์เตอร์ ก็ปาเข้าไปเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว คณะทัวร์ของเราจึงได้เคลื่อนตัวเข้าเคาน์เตอร์เช็คอินอย่างทุกลักทุเล

หลังจากกล่องสมบัติมหาภัยของอิชั้นจะเริ่มทำให้ลูกทัวร์เสียขวัญแล้ว เพิ่อพลิกสถานการณ์ ดิชั้นจึงทำตัวคล่องให้เหมือนไกด์มืออาชีพ ด้วยการจัดแจงสับพาสปอร์ตของทุกคนไปมา เอาของคนนี้ไว้ข้างบนอีกคนเอาไว้ข้างล่าง ทำดูให้วุ่นเข้าไว้ เพื่ออะไร ไม่มีเหตุผลค่ะ จากนั้นก็เข็นพาสปอร์ตของทุกคนให้กับเจ้าหน้าที่ พร้อมหันไปอธิบายกับสมาชิกทัวร์ ว่า เดี๋ยวเค้้าจะออกตัวให้นะ ฮี่ธ่อ ทำยังกับว่า ชาวบ้านเค้าไม่เคยเดินทางซะงั้นแหละ ใครๆเค้าก็รู้ย่ะ

“ไม่มีตั๋วของ infant ค่ะ” เจ้าหน้าที่ทำหน้าตาดุ นึกหรือว่าเราจะเชื่อ มันต้องเป็นความผิดพลาดของการบินไทยแนนอน่ เราฟันธงพร้อมกับควักเอากระดาษ A4 ที่ปริ๊นท์อีเมล confirm ตั๋วของเรากะบริษัททัวร์ออกมา “นี่ไงคะ เด็กชาย เคหลิบ” เจ้าหน้าที่รับกระดาษไปดูแบบเสียมิได้ จากนั้นก็กดโทรศัพท์ไปเรียกเพือนออกมา ติ๊กต่อก ติ๋กต่อก เวลาผ่านไป…เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนก็ยังคงกระวีกระวาด รูดพาสปอร์ตของคุณลูกชายไปๆมาๆ ติ๊กต่อกๆ เวลาก็ผ่านไปอีก ชื่อของหัวหน้าทัวร์ก็ยังไม่โผล่ขึ้นมา

ยังไงดีละว้า งานนี้ อีกห้านาที 5 โมง และแล้ว “คุณแม่คะลูกชายมีพาสปอร์ตกี่เล่มคะ” แป่ว…เราลืมไปซะสนิทว่าตอนจองตั๋ว เราจองตั๋ว one way ticket ให้กะลูกชายและตัวเราเอง โดยคนที่จะมีสิทธิ์ซื้อตั๋ว one way ไปต่างประเทศได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่ถือวีซ่าเรสซิเดนท์ หรือไม่ก็พาสปอร์ตของประเทศนั้นๆ จ๋อย..นังคุณแม่จอมคล่องเลยต้องรีบหยิบพาสปอร์ตนิวซีแลนด์ของคูณลูกขาออกมาพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อน

หลังจากเช็คอินเป็นที่เรียบร้อย เราก็ไถตังค์ทวดไปซื้อ passenger tax อ้างว่าแลกเงินไทยไปหมดแล้ว งานนี้คุณลูกอ่อนฟรีค่ะ ประหยัดไปได้อีกห้าร้อยบาท


คุณตาและคุณหลาน

พวกเราก็รีบพุ่งเข้าช่องตรวจคนออกจากเมืองอย่างรวดเร็ว และมุ่งหน้าตรงไปที่เกท 5 ไปนั่งรอขึ้นเรียกขึ้นเครื่องด้วยเวลาเฉียดฉิว

ที่นั่งรอคราวนี้ไม่เหมือนกับทุกทีที่เดินทาง มันแออัดและร้อนมากๆ แถมเราจะต้องนนั่งรถบัสไปขึ้นเครื่องอีก ไฟลท์นี้เป็นไฟลท์ที่เพิ่งเปิดตัวได้ปีนิดๆ โดยจะบินไดเร็คจาก กทม ไป โอ๊กแลนด์ เลย อ้าว! ไหนบอกว่าไปเมืองนอกไง…ไหงไปเลย…เอ่อ…ตลกมากช่วยขำหน่อยค่ะ

เขียนมาถึงจนบัดนี้ ทำไมยังไม่บ่นถึงคุณลูกอ่อนซักทีเหรอคะ แกหลับค่ะ หลับคากระเป๋าจิงโจ้ที่สะพายไว้ด้านหน้า นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเบาแรงไปได้เยอะ จริงๆแล้วเราจะเข็นรถเข็นก็ได้นะคะ เข็นได้จนถึงเกทเลยค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเอาไปโหลดลงเครื่องไว้ให้ แต่เนื่องจากคุณแม่ได้รับมอบหมายให้เป็นคนใช้กลุ่ม เลยขอเลือกเป็นเป้จิงโจ้ดีกว่า มือนึงจะได้จูงคุณทวด อีกมือจะได้ถือพาสปอร์ตและบอร์ดดิ้งพาสของทุกคนได้ด้วย (ยังไม่เข็ดค่ะ คล่องไม่เลิก)

เวลาที่ดิชั้นรอคอยก็มาถึง “ขอเชิญผู้โดยสารเฟิร์สคลาส บิสซิเนส และ ผู้เดินทางพร้อมกับทารกหรือเด็กเล็ก ขึ้นเครื่องก่อนค่ะ” รอมานานแล้วค่ะ ว่าจะมีวันนี้ วันที่เราได้รับสิทธิพิเศษเหนือใคร วันที่เราจะได้ขึ้นเครื่องแบบไม่ต้องรอคิว

ขณะขึ้นไปบนรถบัส หลายๆคนให้ความสนใจกับท่านตัวแสบ ตอนนี้นี้เองที่ท่านก็เริ่มกระดิกตัวตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำสั่งอาญาสิทธิ์ “แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นก็คือ ยืนย่อตัวขี้นลงไปมา เขย่าๆไว้ก่อน พอให้ท่านหัวหน้าทัวร์เสียสมาธิ ์สงบปากสงบคำลงไปได้

ขณะปีนขึ้นกระไดไต่ขึ้นเครื่องบิน ความเครียดอันหนักอึ้งของคนเป็นแม่มือใหม่อย่างเราก็เริ่มก่อตัวขึ้นมา…ท่านจะเจ็บหูมั้ยตอนเครื่องขึ้น ท่านจะกวนตลอดทางหรือเปล่า แล้วตอนเครื่องลงล่ะ จะเป็นไง

เมื่อมาถึงที่นั่ง เราก็ได้เตรียมขวดนมให้ลูกดูดตอนเครื่องขึ้นตามคำแนะนำของคุณ namfonJC และคุณแม่ท่านอื่นๆ ผิดแต่ว่าเราเตรียมเป็นน้ำแอปเปิ้ลแทน เพราะว่าคุณลูกอ่อนไม่ยอมดูดนมผงค่ะ ยังเลี้ยงด้วยนมแม่อยู่

เมื่อถึงเวลาเครื่องออก เราก็กะเวลาตอนที่เครื่องกำลังขึ้น ก็เอาน้ำแอปเปิ้ลให้ลูกดูดทันที ได้ผล ไม่มีอาการเจ็บหูเกิดขึ้น

แต่พอขึ้นไปได้ซักพัก คุณท่านก็เริ่มเบื่อเซ็ง คุณตาเลยรับอาสาอุ้มเดินรอบเครื่องบินให้ ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน แอร์โฮสเตสก็ได้เอา บาสิเนส หรือ เตียงเด็กมาติดไว้ที่ผนังด้านหน้า ลืมบอกไปว่าแม่ลูกอ่อนจะได้สิทธํิ์พิเศษนั่งที่ด้านหน้าที่เหยียดขาได้เยอะๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะต้องแจ้งให้ทางบริษัททัวร์รู้ด้วย และควรจะรีบจองตั๋วแต่เนิ่นๆ

เตียงที่เขานำมาติดให้ มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ลูกเราขนาดว่าไม่ได้ตัวใหญ่มาก พอหย่อนลงไปก็เต็มตะกร้า สุดท้ายนอนไม่สบาย คุณแม่บ้า(น)ตัวอย่าง อย่างอิชั้นเลยต้องเอาหัวหน้าทัวร์มาอุ้มไว้นอนในอ้อมอก (แฟบๆ) ตลอดทาง


เตียงจิ๋ว

เวลาผ่านไปสิบชั่วโมง ก็ได้เวลาระทึกขวัญอีกรอบ เครื่องกำลังจะลง คราวนี้คุณลูกขาก็ตื่นขึ้นมาทำหน้าแฉล้ม อิชั้นเองก็เกิดอาการแพนิคอีกรอบ ปัดโธ่…นึกว่าจะหลับยาว จะได้ไม่ต้องลุ้นเรื่องเจ็บหูตอนลง

คุณแม่มือใหม่อย่างดิชั้น ก็ใช้แผนเดิมน่ะสิคะ ป้อนน้ำแอปเปิ้ล แต่หาได้เป็นผลไม่ เจ้าลูกชายตัวแสบก็เกิดจะมาเบื่ออาหารเอาตอนนี้ ปัดขวดกระจัดกระจาย คงจะบ่นในใจว่า เบื้อเว้ย มุกเก่าๆ…ตายๆ คิดในใจว่า เดี๋ยวต้องร้องลั่นแน่

เครื่องได้ลดระดับลง ขนาดว่าตัวเราเองหูก็ยังอื้อ เราเองก็ได้แต่กอดลูกไว้ตัวเกร็งเตรียมรับความเจ็บปวดของลูก

“แงงงงงงงงงงงงงงงงง” เราสะดุ้ง แต่เสียงนั่นไม่ไใช่ของลูกเราแต่เป็นของเด็กคนอื่น ส่วนเจ้าตัวแสบนั่งจ้องหน้าแม่เป๋ง ไม่ร้องซักแอะ ถือว่าเป็นโชคดีของอิชั้นมาก

การตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินโอ๊คแลนด์ โดยปกติแถวจะยาวมาก แต่ถ้ามากันเป็นครอบครัว ทางสนามบินจะจัดช่องทางพิเศษไว้ให้ คณะทัวร์ของเราจึงผ่านเข้าเมืองมาอย่างรวดเร็ว

สนามบินที่โอ๊คแลนด์จะขึ้นชื่ออีกอย่างเรื่องการกักกันอาหารเข้าประเทศ แล้วมีเหรอที่พี่ไทยอย่างเราจะปฎิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด เราก็ใช้วิธีเดิมๆด้วยการเดินเข้าช่อง declair บอกไปเลยว่าเอาอะไรมาบ้าง เค้าก็จะเช้็คๆ ประมาณว่าถ้าไม่ใช่ของกินแบบฮาร์ดคอร์ ก็จะยอมๆให้ผ่านออกมาได้

พอหลุดออกจากด่าน custom คุณสามีก็มายืนรออยู่แล้ว พ่อลูกเจอกันซะที หลังจากพลัดพรากห่างกันเป็นเวลาเกือบเดือน อากาศวันนั้นก็ดีมากๆ ประมาณ 14 องศา มีแดดกำลังเหมาะ เมื่อพวกเราพร้อมแล้วก็ได้ออกเดินทางไปยังโรงแรม…

คุณสามีบอกว่ายังไม่รู้เลยว่าโรงแรมที่จองชื่ออะไร มีแต่ที่อยู่ เราก็อ้าวมีงี้ด้วยเหรอ สามีก็รีบอธิบายแบบลุกลี้ลุกลน กลัวเมียจะก่นด่า สามีอธิบายว่า ก็ได้เว็บไซต์ที่ไปจองอ่ะ มันชื่อ //www.lastminute.com เค้าจะมีดีลพิเศษกับโรงแรมทั่วโลก ราคามันค่อนข้างจะถูก ทำให้บางโรงแรมเค้้าก็อยากจะปิดชื่อเค้าไว้ เกรงว่าถ้าใครที่อยากจองผ่านเว็บนี้จะมาต่อรองราคากะเค้าอ่ะดิ อ้อ แล้วไป นึกว่าซีซั้วจองซะอีก


คุยกันตามประสาพ่อลูก

หลังจากนอนพักเอาแรงกันทั้งคณะ เราออกไปทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารจีน ชื่อ Pearl Garden อร่อยมากและราคาย่อมเยาว์ ถ้ามีโอกาสไปโอ๊คแลนด์อีกจะไม่ลืมแวะไป แต่เราลืมไปแล้วล่ะว่ามันอยู่ตรงไหน เดี๋ยวถ้าไป โอ๊คแลนด์อีกทีเปิด Yellow Pages เอาก็ได้

แปลกจัง ดูเหมือนลูกเราจะไม่อาการงอแงอะไรเลย ขนาดเข้านอนก็ยังเข้าเวลาปกติ แปลกดี เด็กไม่มีอาการเจ็ทแลกแบบผู้ใหญ่เหรอ… เรานอนหลับอย่างสบายใจ เตรียมพร้องที่จะตะลุยทัวร์ในวันรุ่งขึ้น โดยหารู้ไม่ว่านี่คือคืนแรกและคืนสุดท้ายที่เราได้นอนอย่างปกติสุข….





 

Create Date : 07 ตุลาคม 2549
8 comments
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 2:48:56 น.
Counter : 1185 Pageviews.

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ...ตอนแรกจะต่อว่าคุณ จขบ อยู่เชียวว่าไปล่อลวงคุณทวด คุณตามาทำไม สงสารท่าน ปรากฏว่าเห็นรูปคุณตายังหนุ่มแล้วขอเปลี่ยนใจค่ะ

น้องน่ารักจังเลยนะคะ ตาแป๋วเชียว

 

โดย: the Vicky 7 ตุลาคม 2549 5:09:24 น.  

 

มาเยี่ยมคะ
เห้อๆๆ ตอนนี้เวลลิงตัน แบบซุปเปอร์ วินดี้เลย

 

โดย: นางสาว ภูมิใจ 7 ตุลาคม 2549 8:39:00 น.  

 

เข้ามาทักทายค่ะ ลูกน่ารักมากมากค่ะ อยากมีแบบนี้บ้างจังค่ะ ขอซักคนหนึ่ง สาธุ

 

โดย: อ้อย hawaii_havaii (Hawaii_Havaii ) 7 ตุลาคม 2549 9:45:52 น.  

 

ท่านหัวหน้าทัวร์น่ารักมากเลยนะคะ ไม่งอแงเลย
คุณตายังหนุ่มมากกกกกกกกกกกกกก คุณแม่อายุเท่าไหร่คะนี่

 

โดย: Bee1st 7 ตุลาคม 2549 13:37:23 น.  

 

แวะมาทักทายโชดดีจังลูกไม่ร้องตอนเครื่องลง มีคนไปช่วยเลี้ยงลูกด้วย
เราต้องดูแลเอง

 

โดย: namfonjc (namfonJC ) 7 ตุลาคม 2549 13:37:46 น.  

 

เล่าสนุกเหมือนเคยเลยค่ะ หาเวลาว่างได้อีกเมื่อไหร่มาเล่าเรื่องสนุกๆให้ฟังอีกนะคะ

 

โดย: Picike 7 ตุลาคม 2549 21:09:28 น.  

 

เขียนให้อ่านได้สนุก เหมือนกับได้อยู่ในกลุ่มทัวร์เลยค่ะ
ทัวร์นี้น่าสนุกมีมาครบกันทั้งครอบครัว ยังตามอ่านอยู่ค่ะ

 

โดย: หมอนวดจ้ะ (Odense ) 8 ตุลาคม 2549 15:42:33 น.  

 

just to say geeting to your blog so cool and cute family!

M going to Auckland tomorrow but only short time there.
All the best krub

Miss my nanajung laew la.

 

โดย: Nan IP: 123.211.99.133 20 กรกฎาคม 2552 19:43:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nzmum
Location :
กรุงเทพ New Zealand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บันทึก...แม่บ้า(น)ตัวอย่าง
ชีิวิตเก่าๆของแม่ลูกสอง ทั้งในและนอกประเทศไทย
หวังว่าวันนึงคงได้กลับมาอยู่บ้านเราอย่างถาวร



+KL and that second (3)+
+KL hours later(2)+
+KL in 24 HRS (1)+
+HBD CALEB 3 YRS OLD+
+ไม่ใช่ตุ๊กตา+
+ของขวัญจากโรงเรียน+
+วีคแรกที่ Kindy+
+Bye Bye Nappy+
+โรงเรียนของเคหลิบ+
+เกมแก้เซ็ง+
+ด้วยเกียรติของแม่บ้า(น)+
+ถึงคราวมีเจ๊ดัน+
+Headline Blog+
+Smile Upon The Sky+
+Caleb’s Language Milestone+
+Snap Shots ริมเจ้าพระยา+
+กลับ!+
+AF5: Me, My Dream & My Producer+
+วีรกรรมทำแสบ+
+Fuji Five Lakes+



+My Book+





Friends' blogs
[Add nzmum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.