โรงเรียนของเคหลิบ @ Wellington, New Zealand
เมื่อประมาณปีกว่าๆมาแล้ว เราติดสอยห้อยตามเพื่อนที่สนใจอยากให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนสไตล์วอร์ดอล์ฟ (สไตเนอร์)โรงเรียนสไตล์นี้เป็นโรงเรียนแบบเดียวกับที่ น้องรี่ (บ้านพลอยภูมิ) และ คุณแม่น้องเอื้อ (ปัญโญทัย) พาเด็กๆไปเรียนค่ะ
การไปเยี่ยมชมครั้งนั้นเราเองมีความสนใจไม่น้อย แต่ลูกยังไม่ถึงเกณฑ์เลยอาศัยนั่งฟังอย่างเดียว เมื่อไปถึง คุณครูเรียกเราไปนั่งรวมกับคุณแม่ท่านอื่นๆที่สนใจ ครูบอกถึงหลักการสำคัญๆของโรงเรียนแนวนี้ก็คือ การเน้นบทบาทของจินตนาการในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาระบบการคิดทั้งในส่วนที่เป็น แบบสร้างสรรค์และเชิงวิเคราะห์ แต่คุณครูเน้นเหลือเกินว่า “ต้องมั่นใจและมั่นคงกับเส้นทางนี้” ครูเล่าว่าผู้ปกครองหลายคนพาลูกออกจากโรงเรียนกลางคัน เพราะถูกกดดันจากเพื่อนบ้านบ้าง ปู่ย่าตายายบ้าง เกี่ยวกับประเด็นอ่านออกเขียนได้ ครูบอกว่าให้กลับไปถามตัวเองให้ชัดก่อน เพราะอยากได้คนที่มั่นใจร่วมเส้นทางเดียวกัน
โรงเรียนสไตล์นี้ที่ Wellington มีอยู่ 2 แห่งและมีมานานหลายสิบปีแล้ว ตัวเราก็รู้จักเด็กที่เรียนจบจากโรงเรียนนี้ คอนเฟิร์มว่าเค้าอ่านออกเขียนได้จริงๆ เรียนได้ดีเมื่อเข้ามหาลัย แต่จุดเด่นที่ทำให้พวกเค้าแตกต่างคือ ความสร้างสรรค์ และการมองโลกของพวกเค้าที่เป็นไปในมุมบวก เป็นตัวของตัวเอง
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ครอบครัวเราไม่สามารถพาเคหลิบเข้าโรงเรียนนี้ได้ เนื่องจากระยะทางของที่ทำงานของแมทไกลจากที่นั่นมาก สุดท้ายเราจึงต้องพิจารณาตัวเลือกถัดมา
“Clyde Quay School” ปัจจุบันมีถึงชั้นม.3 เป็นโรงเรียนแนว Multicultural ซึ่งก็เป็นประมาณโรงเรียนนานาชาติ โดยมีสัดส่วนของนักเรียนที่เป็นชาวนิวซีแลนด์แท้ๆเยอะหน่อย และส่วนที่เป็นชาติอื่นๆเติมเต็มเข้ามา หลักการของเค้าก็คือ เคารพในความแตกต่าง เปิดมุมมองซึ่งกันและกัน โดยทางโรงเรียนจะเน้นให้เด็กที่มีวัฒนธรรมจากต่างชาติมีการเผยแพร่ความเป็น เชื้อชาติของตนผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ระลึกว่า Difference Is Good
ระบบการเรียนการสอนก็จะเหมือนโรงเรียนอื่นๆในนิวซีแลนด์ก็คือ
3 ขวบ จะไปแค่ช่วงเช้าของวันพุธ และ ศุกร์ 4 ขวบ จะไปช่วงบ่ายของ จันทร์ พฤหัส ศุกร์ 5 ขวบ ถึงจะไปเต็มวัน 5 วัน
ซึ่งจริงๆแล้วเค้าไม่ได้อยากให้เด็กๆไปเรียนเลยจนกว่าจะ 5 ขวบ เพราะแนวคิดของเค้าต้องการให้เด็กพัฒนาจากครอบครัวเป็นหลัก
แต่ในความเป็นจริง มันก็เป็นเรื่องยากของหลายๆครอบครัวที่จะทำอย่างนั้น เนื่องจากความเหนื่อยล้าบ้าง ความจำเป็นที่พ่อแม่อยากกลับไปทำงาน หรือ จำเป็นต้องทำงาน จนทางการของนิวซีแลนด์ก็มีการออกกิจกรรมสำหรับเด็กๆ (คล้ายจิมโบรีที่เมืองไทย) มาแก้ขัดไปก่อน ซึ่งเราก็งงว่าทำไมไม่เปลี่ยนระบบการเรียนการสอนเป็น 5 วันไปเลยสิ้นเรื่องสิ้นราว
สำหรับพวกเราก็เห็นข้อดีและข้อเสียของระบบเรียนน้อยแบบนี้…
ข้อดีก็คือ เรายังสามารถกลับไปเมืองไทยได้นานๆ เพราะโรงเรียนเค้าไม่เข้มงวดกับการเรียนการสอน ทำให้เด็กๆยังได้คลุกคลีกับครอบครัวที่เมืองไทยได้ด้วย
ข้อเสีย เราก็ต้องเหนื่อยมากหน่อย ต้องหากิจกรรมทำกับลูกเยอะๆๆๆๆ มีทั้งแบบในบ้านและนอกบ้านซึ่งตอนนี้ก็จองไว้หลายอย่างแล้ว แต่มันก็แค่ วันละชั๋วโมงเป็นอย่างมากเท่านั้นเอง แล้วแม่ก็ยังต้องประกบอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นที่เหลือก็คืออยู่กับแม่ล้วนๆ
ส่วนข้อดีข้อเสียตามทฤษฎีเรายังไม่กล้าพูด เพราะมันยังไม่เกิดขึ้น คงอีกหลายปีล่ะ กว่าจะเห็นผล และที่สำคัญ สำหรับคูณเคหลิบผู้ชอบมาเหนือความคาดหมายนั้น ไม่มีทฤษฎีใดฉุดรั้งเธอได้ เพราะฉะนั้น ตอนนี้ก็หาอะไรทำกับลูกต่อไป อย่าตีลูกตายซะก่อนเป็นพอ!!
สู้เค้าแม่ลูกกีวี่ส์ !!
Create Date : 14 มกราคม 2552 |
|
11 comments |
Last Update : 14 มกราคม 2552 17:40:58 น. |
Counter : 1315 Pageviews. |
|
|
|
เพราะมากๆเลยค่ะ
คมๆด้วย