สาวน้อยขี้โรค
สาวน้อยขี้โรค หลังจากจบกิจกรรมเข้าค่ายรับน้อง ชีวิตนิสิตหอใน ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างมึนๆงงๆ การปรับตัวใหม่เป็นเรื่องที่ยากและต้องอาศัยเวลาแต่สิ่งที่ไม่ต้องอาศัยเวลาคือ อาการป่วย มันนึกอยากจะป่วยเมื่อไรมันก็ป่วย แล้วยิ่งเปิดเทอมเดือนมิถุนาไม่ต้องพูดถึงเลย ฝนกระหน่ำยิ่งกว่าอะไรดี ตกมันทุกวัน แล้วมหาลัยก็กว้างงงงงงงงงโคตร จักรยานก็ปั่นไม่เป็น ไม่เคยหัดกะใครเค้า จะไปไหนแต่ละทีต้องเกาะเพื่อนไปจนสุดท้าย เพื่อนมันรำคาญ ไม่ต้องขอให้พาไป มันลากไปเอง แต่ด้วยความที่กระหม่อมบางโดนฝนนิดๆหน่อยๆก็ป่วย เป็นหวัดบ้าง ไข้ขึ้นบ้าง แล้วก็ดื้อ ยามีก็ไม่กินชอบที่สุดก็คือ ปั่นจักรยานกับเดินตากฝน ยิ่งกว่านางเอกมิวสิคอีกจริงๆแล้วทำแบบนี้มันสบายดีออกนะ ปล่อยให้สายฝนเย็นๆมันล้างเอาเรื่องราวทุกอย่างออกไปจากใจเราซักพักหนึ่งก็ยังดี แล้วตากฝนเสร็จก็ไม่อาบน้ำสระผมด้วยปล่อยให้มันแห้งไปแบบนั้นแหละ หนักเข้าๆป่วยบ่อยๆเข้าพอไปเจออากาศที่มันเปลี่ยนบ่อยๆ จมูกเขียวเลย ปวดจมูกมาก ใครเป็นไซนัสน่าจะรู้ว่าเวลาปวดมากๆแล้วจมูกมันจะเขียวเป็นเรื่องปรกติ เป็นจนชิน แต่คนไม่เคยเจอ มันตกใจน่ะสิ นั่งเรียนอยู่ดีๆคาบบ่าย ฝนตกพรำๆ ทำกิจกรรมไปเรียนไป ปวดหัวตึบๆ มึนๆ เบลอๆ อยู่ดีๆ แอร์ตกลงหัวงานเข้าทันทีเลย ปวดจมูกมาก มึนๆ เพื่อนหันมาเห็นเอามือถูจมูกพอดีเลย มันบอก จมูกเขียวเป็นอะไร ไซนัส แค่นั้นแหละว่าที่คุณหมอทั้งหลายจัดแจงตะโกนบอกอาจารย์ แล้วก็หิ้วฉันไปโยนไว้ศูนย์แพทย์ บ่ายสามโมงเย็น ถึงห้องฉุกเฉินได้ด้วยความที่คุณพี่พยาบาลผู้น่ารักกลัวจะเป็นลม เลยจับดันขึ้นไปนอนรอหมอบนเตียงแล้วก็จัดแจงรูดม่านปิดให้ด้วยพร้อมสั่ง นอนพัก จะเป็นลมให้ตะโกนเรียก พออยู่คนเดียวเงียบๆ(จริงๆมันก็ไม่เงียบหรอกอิกลุ่มก๊วนเพื่อนมันก็จ้องแจ้กๆอยู่ข้างๆเตียงแหละ) ก็เริ่มคิด มันยังไม่เลิกเรียนนะแล้วหางตาก็เหลือบไปเห็น รุ่นพี่อินเทิร์นเดินเข้ามาไวๆ นึกในใจโลกมันจะกลมมั้ยวะเนี่ย อย่าให้เจอเลยเพี้ยงๆ นอนอยู่ซักพักพี่พยาบาลเดินมาบอก ไปหาหมอทางโน้นค่ะ ไอ้เราก็หันหน้ามองเพื่อนงงๆขมวดคิ้วมุ่นๆถาม ไปทางไหนคะแล้วพี่แกก็ชี้ๆไปส่งๆ ก็เดินงงๆไปกันสามคน ก็เจอหมอนั่งอยู่ก็สวัสดีแบบงงๆแล้วพี่แกก็ หยิบชาร์ตคนไข้มาเปิดดู แล้วก็จดๆอะไรไม่รู้ ซักพักเปิดย้อนกลับไปหน้าเก่าๆ แล้วกดโทรศัพท์แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ไม่ทันฟัง จากนั้นก็บอกเดี๋ยวน้องกลับไปนั่งรอที่เดิมก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป อ่านไม่ผิดค่ะเพราะคนที่ตรวจน่ะ เป็นนิสิตแพทย์ปี 4 ชื่อวิชา คลินิก นิสิตแพทย์เค้าจะขึ้นเวรที่ห้องตรวจคนไข้ต่างๆสลับวอร์ดกันไป เพราะงั้นบางคนจึงแทนตัวเองว่าพี่กับนิสิตซึ่งเป็นคนไข้ บางคนเป็นอาจารย์แล้วยังเรียกแทนตัวเองว่าพี่เลยเคยแอบได้ยินมา กร๊ากกกกก นั่งรอไปรอมามันปวดทั้งหัว ปวดทั้งจมูก แล้วด้วยความที่ไม่ชอบรออะไรก็เอาล่ะ เริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด ตาจิก องค์เริ่มจะลงละ หันไปคว้ามือถือในมือเพื่อนมากด จิ้มๆไปสองสามทีได้ยินเสียงคนเดินมาเพื่อนมันก็สะกิดแล้วก็ เมิงๆหมอเมิงมาละ ด้วยความโง่ ไม่ทันฟังให้ที ได้ยินเพื่อนบอก หมอมาแล้วก็ส่งมือถือคืนเพื่อน แล้วก็หันไปมองหน้าหมอ หมอก็ถาม ทำไมทำหน้าแบบนั้น ปวดมากแอทมิทมั้ย เราก็ยืนยัน ไม่ค่ะ เสียงแข็งมากเลยตอนนั้น แล้วหมอก็นั่ง บอก รอเดี๋ยวนะตาหมออีกคนอยู่ เราก็งง ตามทำไมวะคะ แล้วก็ได้ยินเสียงประตูห้องฉุกเฉินเปิดมาคือตอนนั้น ข้างนอกฝนตกแล้ว มองลอดกระจกออกไปเห็นเลยว่าฝนกระหน่ำมากหันไปเห็นอิคนที่เพิ่งวิ่งฝ่าฝนเข้ามา เกิดอาการ ไม่มองหน้าใครเลยตอนนั้น คิดในใจอุส่าห์ว่าจะรอดแล้วเชียวนะ เฮ้อ มาถึง คนเหมือนจะตัวเปียกก็เดินดุ่มๆตรงมาหาพี่หมอคนที่ตรวจเราอยู่ก่อนเลยแล้วก็เอาชาร์ตคนไข้ไปดู เราก็ไม่ถามนะ แต่มองด้วยความสงสัยแผดเผาไปทะลุท่านทั้งสอง สุดท้าย ก็มีคนทนไม่ไหว พอดีในชาร์ตมีประวัติเคยแอทมิทเลยตาหมอเจ้าของไข้คนเก่ามาดู อืม เหตุผลพอฟังได้ ปวดมากมั้ยคนมาใหม่ถาม ส่วนคนไข้ก็ตอบหน้านิ่งๆค่ะ มากค่ะแต่ขอยากินแล้วกลับเลยได้มั้ย เมื่อเจอถ้อยคำที่แสนจะไม่น่ารัก(เพื่อนด่ามา)แล้วสองคุณหมอก็หันไปมองหน้ากันพลางหัวเราะ แล้วก็กระซิบกันจับใจความได้ประมาณว่า แล้วแต่พี่นะคราวก่อนเขามาเพราะไข้ ความดันต่ำบวกเป็นลม เลยแอทมิท งั้นเอายาไปกินก็แล้วกันกลับไปนอนพักเยอะด้วยนะ โอเคจบซะทีสั่งยาเสร็จ ก็เดินมึนๆ หัวเบาๆออกไปจากห้องตรวจเดินช้าจนเพื่อนต้องจับยัดลงเก้าอี้แล้วไปเอายามาให้ ฝนมันก็ตก มองหน้ากันละทีนี้ตอนมา มากันได้ ปั่นจักรยานมาสามคัน ขากลับ ฝนมันตกอิคนป่วยไม่เจียมสังขารก็จะแย่ละ เอาไงดีละทีนี้ นั่งคิดมองหน้ากันสามสี่คนจนปัญญา ซักพักนึง คนในห้องฉุกเฉินเดินออกมา เดินเลยผ่านไปทำเป็นไม่สนใจเราด้วยนะ เราก็ อะไรวะคะ ผ่านไป ฝนกำลังจะเริ่มซาเมฆยังครึ้มจำได้ติดตา คนบางคนเดินกางร่มมากลับเข้ามาแล้วเดินมาบอก เดี๋ยวไปส่งเท่านั้นแหละ อิคุณเพื่อนที่รักกันม๊ากก็รีบจับฉันยัดใส่รถเค้าทันที (อิพวกใจง่ายไม่ได้ห่วงสวัสดิภาพกันเลยนะ) พอขึ้นรถเสร็จ มันก็หนาว หันไปมองหน้า จะบอกดีมั้ยวะเอามือลูบแขนสองที คนขับก็หรี่แอร์แล้วพี่แกก็ขับรถช้าได้ยิ่งกว่าเต่าขาหักพยายามหัดเดินเสียอีก ว๊ากจากศูนย์แพทย์ถึงหอพัก ปรกติระยะเวลาไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง นี่ฝนก็ซาแล้วถึงจะเม็ดใหญ่และเมฆครึ้มก็เถอะ ขับรถปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงพอถึงหอเท่านั้นแหละ กวาดข้าวของอันได้แก้ กระเป๋าสะพายกับถุงใส่ยาสีขาวสะอาดตาไปกองรวมไว้มือหนึ่ง อีกมือก็เปิดประตูรถกำลังจะก้าวลงจากรถ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรแว่วเลยนิ่งฟัง อากาศมันแย่ดูแลตัวเองด้วยล่ะ แล้วก็รีบยกมือไหว้ขอบคุณ จากนั้นก็วิ่งแนบขึ้นห้องไปเลย เขียนในวันฝนพรำ ความทรงจำยังคงไม่ลืมเลือน นางมารตัวน้อย
Create Date : 08 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2555 14:23:03 น. |
|
1 comments
|
Counter : 771 Pageviews. |
|
|