|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ระบบสารสนเทศในอุตสาหกรรม
เหตุผลในการทำระบบสารสนเทศ ช่วยให้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมได้รวดเร็วและมีคุณภาพมากขึ้น รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในบางระดับไปได้มาก เช่น คนที่จะทำงานบางอย่าง ปกติเราต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญทำงานมานานๆ หรือมีความเชี่ยวชาญ หรือมีพรสวรรค์ในด้านนั้นโดยเฉพาะ แต่ว่าถ้าเราเอาพรสวรรค์เหล่านั้นมาสร้างเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขึ้นมา หรือใช้เครื่องมืออุปกรณ์ที่จะวัดอะไรต่างๆ ได้โดยจำนวนขึ้นมาได้แล้ว เราก็สามารถที่จะทำงานได้อย่างรวดเร็ว ใครก็มาทำงานในจุดนั้นได้ เพียงแต่ฝึกอบรมบ้างเล็กน้อยก็ทำได้ แล้วคนที่ทำงานในจุดนั้น ก็ต้องปรับปรุงพัฒนาตัวเองให้อยู่ในสภาพที่เป็นที่ต้องการได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรให้ทันกับความต้องการของตลาด ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันฝ่ายต่างๆ ในองค์กรจึงมีการจัดเก็บข้อมูลไว้มากมายอยู่ในรูปแบบเอกสารหรือตารางต่างๆ ในฐานข้อมูล ข้อมูลเหล่านี้อาจจะกระจัดกระจายอยู่ในแต่ละฝ่ายในองค์กร นับวันข้อมูล เหล่านี้ก็จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ฝ่ายบัญชีของบริษัทอาจจะมีระบบจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลยอดขายในแต่ละเดือนและทำรายการเสนอไปยังฝ่ายต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไปข้อมูลนี้ก็จะถูกเก็บไว้ต่างหาก โดยไม่ได้นำมาใช้อีกทั้งๆ ที่ข้อมูลนี้อาจจะมีประโยชน์กับฝ่ายการตลาดในกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ หรืออาจจะมีประโยชน์กับผู้บริหารบริษัทในการกำหนดนโยบายหรือทิศทางการดำเนินงานของบริษัท ไม่ต้องทำงานด้วยมือได้หลายอย่างมากทีเดียว โดยหันไปใช้วิธีการอัตโนมัติเข้ามาแทนการทำงานที่ใช้กระดาษและการทำงานด้วยมือซ้ำ ๆ (manual routines) ของบริษัทหรือหน่วยงานทั่วไป การลดค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนอย่างหนึ่งคือ การลดขั้นตอนการดำเนินงานขององค์การ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับโครงสร้างหน่วยงานใหม่ ปรับความร่วมมือในการทำงานใหม่ อันจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
ขจัดอุปสรรคเรื่องระยะทางไกลออกไปได้จึงทำให้งานบางอย่างบางสถาณการณ์ไม่จำเป็นต้องทำในบริษัท เช่น พนักงานสามารถตระเวณไปพบลูกค้า และปรับปรุงข้อมูลการขายได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เอกสารกระดาษมากมายอย่างแต่ก่อน พนักงานบางแผนกสามารถทำงานได้ขณะอยู่ในรถโดยสาร อยู่ที่บ้าน และที่อื่น ๆ บริษัทเหล่านี้จะมีสำนักงานกลางเพียงเพื่อพบปะกับลูกค้าและพนักงาน ไม่ต้องมีบริษัทเพื่อให้พนักงานเข้าไปทำงาน ดังนั้นเราจะไม่เห็นคลังพัสดุ คลังเก็บสินค้าของบริษัทแบบนี้ เพราะใช้ระบบเชื่อมโยงกับผู้จัดหาสินค้า (suppliers) ด้วยระบบคอมพิวเตอร์โดยตรง นำสินค้ามาส่งให้เท่าที่ต้องการและในเวลาที่กำหนด (just in time) ได้เสมอ
ช่วยให้ผู้บริหารมีความสามารถสูงยิ่งขึ้น ในด้านการวางแผน การจัดระเบียบองค์การ ความเป็นผู้นำ และการควบคุม เช่น ผู้จัดการในบริษัททันสมัยสามารถจะได้รับสารสนเทศ หรือ รับทราบการปฏิบัติงานขององค์การลงไปได้ถึงระดับปฏิบัติการเฉพาะ ได้ทั่วทั้งบริษัทได้ตลอดเวลา จึงสามารถใช้รายละเอียดของสารสนเทศ ทำการวางแผน คาดหมายล่วงหน้า และตรวจตราการทำงานได้ถี่ถ้วนอย่างไม่เคยทำได้มาก่อน ระบบสารสนเทศจะช่วยให้องค์การมีความยึดหยุ่นมากขึ้นไม่ว่าจะในองค์การขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ดำเนินการแบบองค์การเล็กได้ เช่น บริษัทขนาดเล็ก สามารถจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศบริหารจัดการคลังพัสดุ และโรงงานผลิตโดยใช้ ผู้จัดการเพียง 2-3 คน ใช้พนักงานผลิตไม่กี่คนผลิตสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และติดต่อจำหน่ายได้ทั่วโลกเหมือนกับบริษัทขนาดใหญ่ ในทางตรงกันข้าม บริษัทขนาดใหญ่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศบริการสินค้าตามความต้องการของลูกค้าจำนวนมาก (mass customization) ได้เหมือนบริษัทขนาดเล็กโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
Create Date : 08 ธันวาคม 2549 |
Last Update : 2 มิถุนายน 2550 15:42:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2674 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|