ความตั้งใจ
พีบอกหนมผิงว่าคนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมากมายในชีวิต
เช่นอัลเบิร์ต ไอสไตน์,โทมัส เอดิสัน,สตีเว่น สปีลเบิร์ก,วินน์ตัน เชอร์ชิล,ชาร์ล ชู้ล หรือ ฮิตเล่อร์ (อย่างฮิตเล่อร์นี่ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยหรือนี่)
มักจะมีสิ่งที่คล้ายๆกันสามประการ
1.ตอนเด็กๆโง่ สอบตก เรียนหนังสือไม่เก่ง เช่นเอดิสันเคยโดนพักการเรียนตอนสิบขวบเพราะครูบอกว่าสมองทึบ อ่านเขียนแทบไม่ได้
2.เคยล้มเหลวอะไรสักอย่าง เช่นสอบเข้าไม่ได้ ตกงาน จนจนแทบไม่มีจะกิน
3.เคยอยู่ว่างๆโดยไม่ได้ทำอะไรเลยมาพักนึง เช่นฮิตเลอร์เคยอยู่เฉยๆสามปีโดยไม่ได้ทำอะไร
หนมผิงเลยมองดูตัวเอง แล้วก็บอกว่า "ใครนี่ น่ารักจัง"
สะกดคำว่าอายเป็นไหมเจ้าขนมผิง
อะ ก็ได้
ข้อ 1 แย่แล้วอะ ตอนเด็กหนมผิงเรียนเก่งบวกเลขได้หลักเดียวตลอด เอ๊ย ไม่ใช่ๆ สอบได้เลขตัวเดียวตลอด ทำไงดีละ จะนั่งไทม์แมชชีนก็ไม่มี หนมผิงคงได้แต่ทำใจอะ
ข้อ 2 แย่อีกเหมือนกัน หนมผิงไม่เคยล้มเหลว (เพราะจริงๆหนมผิงไม่เคยไปแข่งอะไร) แล้วหนมผิงจะทำยังไงให้ล้มเหลวละ ไปแข่งรายการถ้าคุณแน่อย่าแพ้หมีแพนด้า แข่งบวกเลขกับหมีแพนด้าแล้วแกล้งตอบผิดให้แพ้หมีแพนด้าตกรอบอับอายไปทั้งประเทศดีไหม???? (ว่าแต่รายการนี้มันอยู่ช่องไหนฟะ)
พี นี่ผิงเอาง่ายๆเลยนะ ผิงไปเปิดร้านอาหารแล้วเป็นแม่ครัวเองรับรองได้ผลแน่
ข้อ 3 ว้าว อ่านแล้วค่อยดีหน่อยถึงหนมผิงจะไม่ได้นอนอืดมาสามปีเท่าฮิตเลอร์แต่อย่างน้อยหนมผิงก็อยู่เฉยๆมาช่วงนึงแล้วละ เพราะฉะนั้นหนมผิงก็ยังมีโอกาสสักหนึ่งในสามที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ^^
อะ เพ้อเจ้อพอแล้ว
เข้าเรื่องดีกว่า
ปีหน้าที่จะมาถึงหนมผิงมีความตั้งใจ(จริงๆ)ที่จะทำสองอย่าง
อย่างแรก คือหางานทำให้ได้ หนมผิงรู้สึกว่าใช้ชีวิตแบบล่องลอยมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรเพื่อชาวโลกสักที (พูดได้เว่อร์มาก) คือจริงๆตั้งแต่ออกจากงานมา หนมผิงก็ไม่เคยหางานอะไรเลยอะ แต่ปีหน้าหนมผิงตั้งใจจะหางานแล้ว
พี เห็นเพื่อนพีบอกว่าตอนนี้ที่...กำลังรับสมัคร...ผิงไม่ลองไป.......
หนมผิง หยุดเดี๋ยวนี้นะ บอกว่าปีหน้ามาพูดอะไรตอนนี้ละเสียบรรยากาศ pre x mas หมด
พี
อย่างที่สอง
หนมผิงตั้งใจจะฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งกว่านี้
คือหนมผิงเรียนจบด้านนี้มา แต่ตั้งแต่จบมาก็ไม่ได้ใช้เลยอะ
ไม่มีโอกาสได้พูดกับฝรั่งเลย จะฝรั่งกิมจู ฝรั่งรถเข็น ฝรังขี้นก เขาก็ไม่ยอมพูดกับหนมผิงสักคน
ถ้าถามหนมผิงๆว่า อ่าน เขียน หนมผิงไหวนะ แต่พูด ฟังได้แค่พอถูไถอะ (สำนวนพีแปลว่าแค่พอใช้)
ตอนนี้เลยฝึกพูดกับพีอยู่
จริงๆพีไม่ได้จบด้านภาษาแต่ภาษาอังกฤษหนมผิงว่าพีเก่งกว่าอีกอะ
พี่พูดได้คล่อง ด่าได้ไฟแลบฟักแฟงแตงกวา ซักแล้วต้องบิดพีรู้หมด เขียนก็ดีแต่ไม่ค่อยเก่งเรื่องแกรมม่า(ญาติห่างๆของแกรมมี่แต่จนกว่า)ผิงเคยให้พีแปล นสพ ภาษาอังกฤษพีแปลได้>75%
ส่วนฟังพีบอกว่า "บอกยากนะผิง ตอนอยู่อเมริกาถ้าคนเอเชียพูดพีฟังได้หมดเลยนะ หรือเพื่อนคนนึงมาจากนิวยอร์กก็ฟังง่ายมาก เพราะคนนิวยอร์กจะพูดช้า พูดชัด แต่ถ้าไปเจอแหม่มแก่ๆ หรือพวกที่มาจากเท็กซัสนะ ฟังจนจบไม่รู้เลยว่าพูดอะไร"
พีบอกว่าพีได้เกรด 4 ภาษาอังกฤษตลอดได้ 3 แค่ครั้งเดียวตอนปอห้า
หนมผิงถามพีว่าทำไมพีถึงตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษขนาดนั้น
พีบอกว่าเพราะพีตระหนักถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษและเห็นว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการหางานทำในอนาคต ^ ^ อันนั้นนะหนมผิงแต่งให้เองจะได้ดูดีหน่อย
จริงๆพีบอกว่า "พีคิดว่าสักวันพีอาจจะทนคนบางคนไม่ไหวแล้วไปยิงมันตาย ต่อจากนั้นพีก็อาจต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศก็เลยเตรียมตัวไว้จะได้ไม่ลำบาก อีกอย่างพีชอบอ่านหนังสือพวกเกี่ยวกับสงคราม ประวัติศาสตร์ การปกครอง ที่เป็นภาษาอังกฤษ หลายเล่มไม่มีคนแปล หรือบางเล่มก็แปลได้ออกทะเลมากๆ ไม่ได้บอกว่าแปลไม่ดีนะ แต่บางอย่างมันไม่สามารถแปลให้ได้ความหมายของมันจริงๆ"
"อย่างที่ซาพาต้าพูดว่า It is better to die on your feet than to live upon your knee ถ้าแปลตามตัวมันก็คงได้ว่าเป็นการดีกว่าที่จะยืนตายมากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่บนหัวเข่าแต่ถ้าแปลอย่างงั้นก็ตลกตายละ"
คือจริงๆซาพาต้าต้องการบอกว่า สู้จนตัวตายดีกว่าคุกเข่ายอมแพ้ถึงแม้จะได้มีชีวิตอยู่ต่อ แต่ก็อยู่แบบไม่มีศักดิ์ศรี
อะ รู้สึกว่าบล็อกนี้ยาวไปแล้วเอาแค่นี้ก่อนแล้วกันนา ^^
Create Date : 19 ธันวาคม 2553 |
|
34 comments |
Last Update : 19 ธันวาคม 2553 21:27:59 น. |
Counter : 1211 Pageviews. |
|
|
|