|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ชวนพ่อแม่เข้าใจพัฒนาการด้าน"สังคมและภาษา"ของลูกน้อย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 สิงหาคม 2552 12:31 น. กว่าจะเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคมคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ก่อนจะถึงวัยสอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรม เด็ก ๆ และพ่อแม่ก็อาจต้องก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งการพัฒนาการรับรู้ และสังคม การสนใจสิ่งรอบข้าง ส่งเสียงตอบโต้ ให้ได้เสียก่อน ซึ่งวันนี้ เรามีบทความดี ๆ จาก Kid Center โรงพยาบาลเวชธานีมาเล่าสู่กันฟังค่ะว่า พัฒนาการของเด็กทารก - 1 ขวบในด้านสังคมและภาษานั้น เป็นอย่างไรกันบ้าง พัฒนาการด้านการรับรู้และสังคม วัยแรกเกิด -มองจ้องหน้าที่อยู่ในระยะใกล้ (8-10 นิ้ว) - มองตามการเคลื่อนไหวของหน้าที่เอียงไปมาช้าๆ - หยุดการเคลื่อนไหวแขนขา เมื่อได้ยินเสียง หรือสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียง อายุ 2 เดือน - มองจ้องหน้าและมองตามได้บ่อยและนานขึ้น รู้จักเลียนแบบหน้าตา และทำปากตาม - สนใจฟังเสียงพูดคุย อาจขยับตัวตามจังหวะ อายุ 4 เดือน - สนใจมองคนหรือสิ่งของที่อยู่ไกลจากตัวไป สนใจมองตามคนที่คุ้นเคย - สนใจฟังเสียงพูดคุยด้วย และเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้โต้ตอบสลับกับผู้เลี้ยงดู - หันมองหาข้างที่มีเสียง และแหล่งของเสียงได้ถูกต้อง อายุ 6 เดือน - มองสิ่งของและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พยายามไขว่คว้า หยิบจับ เพื่อสำรวจพลิกดู เอาเข้าปาก - เริ่มสังเกตสิ่งที่มองเห็นเมื่อถูกบังไว้ และแยกแยะคนแปลกหน้า - เริ่มรับรู้มิติที่ 3 คือ ความลึก เริ่มมองตามของที่ตกลงจากมือสู่พื้น - ฟังเสียงพูดคุย และเริ่มเข้าใจท่าทางและสำเนียง เช่น หยุดเมื่อถูกห้าม - กินอาหารกึ่งเหลวที่ป้อนด้วยช้อนได้ อายุ 9 เดือน - เล่นจ๊ะเอ๋ได้ ตามไปเก็บของที่ตก หรือร้องตามแม่เมื่อแม่จะออกไปจากห้อง - หยิบอาหารกินเองได้ อายุ 12 เดือน - ตบมือ เลียนท่าทางโบกมือ สาธุ ร่วมมือเวลาแต่งตัว และชอบสำรวจ การส่งเสริมพัฒนาการด้านการรับรู้ 1. ให้พ่อแม่สังเกตพฤติกรรมของทารกแรกเกิด และความสามารถในการรับรู้จากการมอง การฟัง การสัมผัสและการตอบสนอง 2. ให้พาลูกมารับบริการสุขภาพ และใช้ประโยชน์จากสมุดบันทึกสุขภาพ ตามกำหนด 3. คอยเอาใจใส่เด็กและดูแลใกล้ชิด อุ้มทารกให้หันหน้ามาสบตากันเป็นระยะ 8-10 นิ้ว ยิ้มแย้ม พูดคุยกับทารกอย่างอ่อนโยน และติดตามเฝ้าระวัง สังเกต ความก้าวหน้าของพฤติกรรมพัฒนาการของลูกอย่างต่อเนื่อง 4. จัดสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมการเลี้ยงดูทารกให้มีความปลอดภัย และน่าสนใจ มีคนที่อยู่ใกล้ชิด ดูแลด้วยความรัก เอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ มีคนที่สนใจ มีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก พูดคุยอย่างชัดถ้อยชัดคำ ร้องเพลง ทำท่าทางให้เด็กเลียนแบบ และเรียนรู้ และเล่นกับเด็กและมีสิ่งของที่สีสดใสรูปทรงต่างๆที่น่าสนใจ ให้เด็กมอง สัมผัส จับต้อง และสำรวจ พัฒนาการด้านภาษา แรกเกิด-1 เดือน - ร้องไห้ หยุดฟังเสียง, ทำเสียงในคอ อายุ 2 เดือน - ฟังเสียงคุยด้วยแล้วหันหาเสียง อายุ 4 เดือน - ส่งเสียงอ้อแอ้ โต้ตอบ หัวเราะ ส่งเสียงแหลมรัว เวลาดีใจ สนุก อายุ 6 เดือน - หันหาเสียงเรียก เล่นน้ำลาย ส่งเสียงหลายเสียง อายุ 9 เดือน - ฟังรู้ภาษาและเข้าใจสีหน้าท่าทางได้ เปล่งเสียงเลียนเสียงพยัญชนะ แต่ไม่มีความหมาย อายุ 12 เดือน - เรียกพ่อ แม่ หรือพูดคำโดดที่มีความหมาย 1 คำ ทำตามคำสั่งที่มีท่าทางประกอบได้ การส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษา แรกเกิด-6 เดือน : ควรมีการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดและมีการพูดคุยส่งเสริมให้มีพัฒนาการทางภาษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่แรกหลังเกิด โดยเฉพาะขณะที่ให้การดูแลเรื่องทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน เด็กทารกมักมีความสนใจเสียงที่ค่อนข้างแหลม เสียงสูงๆต่ำๆ ซึ่งหากผู้เลี้ยงดูจะทำน้ำเสียงให้มีลักษณะแตกต่างกันไปบ้างตามสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ความหมายของการสื่อสารที่บอกถึงอารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกันไปของผู้พูด อย่างไรก็ตามการใช้ภาษาเด็กพูดคุยกับเด็กควรจะค่อยๆลดลงภายหลังอายุ 6 เดือน การสื่อสารด้วยภาษาอย่างที่ใช้กับเด็กโตหรือผู้ใหญ่เพิ่มมากขึ้นจะค่อยๆช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาในระยะต่อไปอย่างดี อายุ 7-12 เดือน : 1. ควรพูดคุยทำเสียงเล่นกับเด็กและพูดเป็นเสียงของคำที่มีความหมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำเรียกพ่อหรือแม่หรือผู้เลี้ยงดูที่ใกล้ชิดกับเด็ก 2. พูดสอนหรือบอกให้เด็กทำสิ่งต่างๆอย่างง่ายๆพร้อมกับมีกิริยาทำท่าประกอบควบคู่กันไป จะช่วยให้เด็กเข้าใจสิ่งที่ต้องการผู้ใหญ่ต้องการสื่อสารได้ง่ายขึ้น 3. พ่อแม่อาจไม่จำเป็นต้องพูดสอนหรือบอกเฉพาะคำศัพท์เดี่ยวๆคำใดคำหนึ่งเท่านั้น การพูดโดยมีคำขยายเพิ่มเติมก็จะเป็นการสอนให้เด็กเข้าใจความหมายของภาษาที่พูดคุยมากขึ้นแม้อาจจะยังพูดไม่ได้ทั้งหมด เช่น พ่อมา หมาเห่า เป็นต้น 4. เมื่อเด็กพูดคุยด้วยภาษาเด็กที่แม้จะฟังไม่เข้าใจ แต่ถ้าผู้เลี้ยงดูสามาถคาดเดาได้จากสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ผู้เลี้ยงดูควรพูดคุยเป็นคำที่มีความหมายกับเด็กเพื่อเป็นแบบอย่างสอนให้เด็กเข้าใจต่อไป 5. ผู้เลี้ยงดูควรพูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เด็กสนใจ พูดบอกหรืออธิบายอย่างสั้นๆและคอยสังเกตการตอบสนองของเด็ก การใช้หนังสือนิทานหรือรูปภาพ จะช่วยเพิ่มคำศัพท์ให้แก่เด็กได้มากและเพิ่มทักษะความเข้าใจภาษาที่มีในสื่อเหล่านั้น ตลอดจนเป็นการปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน อย่างไรก็ตามผู้เลี้ยงดูไม่ควรตั้งใจสอนให้เด็กอ่านหรือท่องจำหนังสือ หรือตัวเลขมากเกินไปเพราะการที่เด็กท่องจำได้ตามที่ถูกสอนไม่ได้หมายความว่าเด็กจะมีความสามารถในการอ่านระยะถัดไปได้ดีกว่าเด็กอื่นในวัยเดียวกัน ความเข้าใจทางภาษาที่แตกฉานและสามารถใช้ภาษาพูดได้เป็นอย่างดีจะเป็นรากฐานที่สำคัญต่อความรู้ความเข้าใจในการอ่านหรือเขียนมากกว่าเน้นท่องจำอย่างเดียว ขณะอ่านหรือดูหนังสือกับเด็กควรเปิดโอกาสให้เด็กหยิบจับหรือหัดเปิดหนังสือเองบ้าง อย่างไรก็ตามพัฒนาการของเด็กแต่ละคนมีความหลากหลาย อายุที่กล่าวไว้นั้นเป็นเพียงเกณฑ์ที่เด็กส่วนใหญ่ควรทำได้ซึ่งหากไม่เป็นไปตามนี้ก็อาจไม่ได้หมายถึงพัฒนาการที่ล่าช้าแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้ปกครองมีความสงสัยเรื่องพัฒนาการของบุตรหลานควรปรึกษากุมารแพทย์โดยตรง ขอบคุณข้อมูลจาก Kids Center โรงพยาบาลเวชธานี
Create Date : 25 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 25 สิงหาคม 2552 17:41:30 น. |
|
1 comments
|
Counter : 592 Pageviews. |
|
|
|
โดย: top IP: 180.183.9.206 วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:20:16:24 น. |
|
|
|
|
|
|
|