กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
 
เมษายน 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
26 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 
วิธีรับมือกับลูก อารมณ์ มาก่อน เหตุผล : Brain Integration ภาค 2


วิธีที่เราใช้กับมิวมิว ในการรับมือ กับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ความเข้าใจของการทำงาน สมองซีก ซ้าย และขวา มาอธิบาย  


<<  ทฤษฎี >>

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=nugade&month=26-04-2014&group=12&gblog=25



ออกตัวก่อนเลย สำหรับคนแอนตี้ โรงเรียน
ว่าจริงๆ แล้ว เลื่อกโรงเรียนที่คิดว่าเหมาะกับธรรมชาติของลูกมาก และสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตของตัวเราเอง ความตั้งใจในการเลี้ยงลูก  โรงเรียนนี้ ทำให้ประหยัดเงินไป ปีละเกือบ สองแสน หรือ เป็นล้าน เพราะ ไม่อย่างนั้นแล้ว มิวมิวคงต้อง ไปเรียนอินเตอร์ หรือโฮมสคูล ซึ่ง นั่นแหละ ผิดแผนแม่ไปหน่อย  แล้วชีวิตบางทีมันก็คงมีบ้างแหละ ที่ไม่มีอะไรถูกใจเราไปซะหมด  แค่ลอง อดทนต่อความไม่ถูกใจบ้าง มันคงไม่ถึงตายหรอกมั้ง 

และ มันอาจจะเหมือนอ่านแล้ว มีข้อมูล ขั้นตอนเยอะแยะมากมาย ฉันจะทำได้หรอ  ซึ่งจริงๆ เราว่า คุณพ่อคุณแม่หลายๆคนก็คงใช้วิธีอะไรประมาณนี้ กับลูกอยู่แล้วล่ะ เราก็ใช้มาบ้าง แต่เพิ่งรู้ว่า จริงๆ แล้วมันมีหลักและวิธี มา support สิ่งที่เราทำ สิ่งเหล่านี้ ปรากฏอยู่ในหนังสือเลี้ยงลูก วิธีสื่อสาร พูดกับลูกในหลายๆ เล่ม 

หรือ บางคนอาจจะคิดว่า เยอะไปมะ ให้มานั่งพูด นั่งคุยกะลูกแบบนี้  ให้มันรู้ตัวซะบ้างว่า นี่คือหน้าที่ ยังไงซะ มันก็ต้องไปโรงเรียนอยู่ดี  

ทำแบบนั้นก็ทำได้ เร็วดี แต่สำหรับเรา ไม่ฮะ  เราไม่ได้ฝึกให้ลูก มีความคิดที่ตายตัวแบบนั้น  ชีวิต มันไม่มีความจำเป็นจะ "ต้อง" เสมอไป หรือใครมาบอกว่า เธอ "ต้อง"  ทำอันนี้ แบบนี้ สังคมเป็นแบบนี้ ฉันเลย "ต้อง" เป็นแบบนั้น

เราอยากให้ลูกรู้ว่า ทางเลือกที่มาจากความต้องการมีอยู่จริง เสมอ  ชีวิตมันไม่จำเป็นจะมีคำว่า "ต้อง"

เหมือนคนเรา  คิดว่า ชีวิต ฉันต้องทำงาน ฉันต้องทำนั่น ฉันต้องทำนี่ ฉันต้องเรียนในโรงเรียน ฉันต้องเรียนมหาลัย ฉันต้องได้ปริญญา ฉันต้องจบออกมาหางานดีๆ ทำ
ถ้าคนเราใช้ชีวิตในรูปแบบนี้ ไม่น่าจะมีความสุข  เราอยากสอนให้ลูก ใช้ชีวิต ในแบบที่ เราเลือกที่จะใช้  ทำในสิ่งที่เราเลือกว่าจะทำ

ถึงแม้บางอย่าง มันดูเหมือนว่าไม่มีทางเลือก และ"ต้องทำ"  อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเราจะเลือกมันหรือไม่ มันก็ต้องทำ ดังนั้น เรา"เลือก" ทางเลือกนั้นด้วยตัวเองไปเลยดีกว่า  ปัญหาต่างๆ มีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้ "ต้องแก้" ชีวิตมันก็ง่ายๆ แค่นั้นเอง 

ดังนั้น จึงแล้วแต่แนวทาง และความเชื่อของแต่ละคน  บางคนอาจจะคิดว่า แบบนี้มันต้องใช้ความอดทนมากๆ แน่เลย   อันที่จริงก็นิดหน่อย เพราะยังไม่บรรลุ แต่เรามี Commitment ที่ชัดเจนในการเลี้ยงลูก  คือ การให้ทางเลือก (ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของกันและกัน)

ขั้นตอน ตั้งข้อสังเกต ค้นหาความต้องการ และความรู้สึก
ด.ญ.มิวมิว  ผู้เริงร่า และซ่ามากมาย  ทีแรกคิดว่า ไปรร.ใหม่ ขึ้นระดับชั้น ป.1 เธอน่าจะชีลๆ ไม่มีปัญหาอะไร

ไปโรงเรียนวันแรก ก็ยังดูโอเค กลับมาบอกว่า ครูดุมากกก ดุระเบิดเถิดเทิง (เป็นไปได้ไม๊ ขอ questionmark เอาไว้  ณ ตอนนั้น) แต่อยากเรียนเทนนิส พอ วันที่สองเริ่มโอดครวญ จากนั้น หยุดเรียน ไปเที่ยว ตจว กันหลายวัน พอจะต้องกลับไปรร.อีกที เธอก็เริ่มโยเย


วันต่อๆ มา สภาพเป็นแบบเน้ ในรูปนี่คือดีแล้วนะ  มีอยู่  1-2 วัน ที่เธออาละวาด ง๊องแง๊ง จะไม่ไปท่าเดียว โอด ครวญ อยู่เป็นชั่วโมงๆ ร้องไห้ ดราม่าน้ำตาหยดแหมะๆ มีทั้งประเด็นอากาศร้อน และครูดุ

ซึ่งในความจริง รร. แนวทางเลือก ครูก็ไม่น่าจะดุ(ด้วยวิธีเนกาทีฟ) เสียงดัง ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เด็กๆ เยอะ ครูก็ต้องเสียงดังเป็นธรรมดา แต่ การดุ ตวาด คงไม่ใช่

เดาว่า เธอคงเขียนหนังสือผิดๆ ถูกๆ (ปกติ ไม่ชอบเขียนหนังสือ เป็นเด็กเรียนรู้จากการฟัง การลงมือทำ เป็นตัวของตัวเองมากมาย)  คุณครูอาจจะให้ลบทำใหม่ แล้วคงไม่ปลื้ม 

ข้อสันนิษฐานอีกอันที่มีน้ำหนักคือ เธออาจจะ culture shock ก็เป็นได้  เป็นความเปลี่ยนแปลงจาก รร.อนุบาลเบบี๋ ที่คุณครูโอ๋เด็กมากๆ เด็ก 10-12 คนต่อ ครู 2-3 คน
มาเป็น เด็ก 30 ครู 1   ปรกติ เป็นคน proactive dominate กลุ่มประจำๆ พอเจอครูที่ไม่ได้มาให้ความสนใจ อาจจะรู้สึก อ้างว้าง  เพื่อนๆ ก็เป็นเพื่อนใหม่เกือบทั้งหมด อีกทั้ง เด็กๆ เก่ารู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล การที่เธอจะไป dominate นำกลุ่มคนใหญ่ๆ ก็ยากขึ้น 

แม่ต้องหาวิธีเช่น โทรคุยกับครูประจำชั้น และสอบถามคนรอบข้าง เพื่อหาเหตุจริงๆ จะได้ช่วยกันแก้ได้ถูกปม  คุยกะครู ก็ดูใจดี พูดไปหัวเราะไป เพราะมิวมิวมักจะมีวิธีแก้ปัญหาไม่เหมือนชาวบ้าน เช่น มิวไปขอให้ครูติดแอร์ที่โรงเรียน พร้อมกะโม้ด้วยว่า ที่บ้านมิวอะ มีแอร์ด้วยนะ! ครูบอก ครูก็ร้อนเหมือนหนูเลยลูก มิวมิวไปบอกห้องธุรการดีกว่า  ดูๆ ละก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร 

ปล่อยให้ปลดปล่อยอารมณ์ เชื่อมโยงสมองซีกขวา
มีอยู่วันนึง เช้ามา เธอแหกปากร้อง
โวยวายซ้ำไปซ้ำมาจะตามคุณยายไปธุระตอนเช้า ไม่ยอมไปโรงเรียน ท่าเดียว แม่ใจร้าย ไม่รักแม่ ไม่รักคุณยาย วิ่งตามดึงเสื้อ จะออกประตูต้องอุ้มมาไว้ในห้อง ยืนขวางประตูไว้ มิวก็พยายามจะลอดรูวิ่งหนีออกไป พอเริ่มหมดแรง(คิดดูเสะ ต้องรบกะเด็กตอนหกโมงเช้า สติสตังยังไม่สมประกอบ วิญญาณยังไม่เข้าร่างดี)

คุยกันดีๆ เริ่มรู้เรื่อง ระหว่างนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรนะ ค่อยๆ ปลอบ ค่อยๆพูด   มิวบอกว่า มิวอยากลาออกวันนี้เลย ไม่ไปแล้วโรงเรียนขอให้แม่เป็นคุณครูทำโฮมสคูลแทน แม่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ บอกว่า ได้หมดเลย แล้วแต่มิวจะเลือก แต่บอกข้อดีและข้อเสียแต่ละทางให้ฟังเช่น แม่เป็นคุณครูให้ ก็เลิกทำงาน เลิกทำงาน มิวก็ซื้อของเล่นได้น้อยลง และอดไปเที่ยวบ่อยๆ ถ้าไปโรงเรียน ระหว่างมิวไปโรงเรียน แม่ไปทำงาน เลิกเรียนก็เจอกัน มีตังค์ไปทำโน่นนี่ที่ชอบ แม่ได้หมด ทุกทางเลือก ถ้าจะเลือกนะ  มิวก็ลังเล

จากนั้น นำเข้าสู่กระบวนการเล่าเรื่อง ให้ระบายอารมณ์  สอบทวนความรู้สึก สังเกตสิ่งที่พูด สิ่งที่คิดว่าตรงกันหรือเปล่า มีเรื่องราวอะไรซ่อนอยู่ที่ไม่ถูกเล่าอีกหรือไม่

แม่ยื่นกระดาษ
ปากกาให้มิวมิวเขียนสิ่งที่ไม่ชอบ และชอบใน รร. (ทีแรกเขียนข้อดีมาได้ข้อเดียว ลองถามๆ แหย่ๆ ไปเรื่อยๆ ให้เขียนเพิ่มให้มันสูสีกัน จะได้มีน้ำหนักในการ  convince หน่อย)

สิ่งที่ไม่ชอบ คือ พัดลม เพราะมันร้อน! เทนนิส (อ้าว ไหนทีแรกมาขอเรียนเทนนิสเลยนะ)เพราะมันร้อน! (คือ ถ้าไม่รู้จักมิวดี อาจจะเชื่อ แต่นางวิ่งตากแดดกลางแจ้งฝุ่นตลบทั้งวันไม่เคยบ่น ก็ไม่ควรจะบ่น รร. หรือบ่น แต่หาทางแก้ไขได้ไม่ถึงขนาดต่อต้านชะมะ) และคุณครูดุ

สิ่งที่ชอบคือ แอร์ ไอติม (รร.มีตู้ขายไอติม) และ เด็กๆ ลิงโลด เวลาที่ครูเผลอ

พอได้หลักฐานเป็นรูปธรรมไม่ให้นางไหลไปไหนได้แล้ว ก็จับมานั่งคุย วาดรูปเสร็จ หายโมโห หยุดร้องไห้พอดี 

พอเริ่มมีสติสตังอยู่กะเนื้อกะตัว  เราเริ่มพาเค้าไปสืบค้นความรู้สึกที่เกิดขึ้น (ในที่นี้เราใช้ NVC card มาช่วย)
มิวมิวเลือกความรู้สึกที่เธอคิดว่า มันรบกวนจิตใจตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น โกรธ โมโห แค้น หงุดหงิด เบื่อ เซ็ง ผิดหวัง เครียด เห็นไหมว่า สถาณการณ์หนึ่งๆ เด็กอายุแค่ 6 ขวบ รู้สึกได้ตั้งหลายอย่าง บางอย่างเราคิดว่ามันยากเกินกว่าเค้าจะเข้าใจด้วยซ้ำ  แต่ตอนมิวเลือกมา เรามีแบบ สับขาหลอก ถามวน ถามซ้ำ ถามย้ำ เธอก็ยังคงเลือกไพ่ใบเดิมที่เลือกมาอยู่ดีนั่นแหละ

ปล่อยให้เค้าค่อยๆ ลำเลียงความรู้สึกออกมา โดยเราไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลใจ ตัดสิน ตีความ ว่า เอ้ยลูกเรามีความรู้สึกแง่ลบแบบนี้ จะดีหรอ มันไม่สมควร เค้าจะเป็นเด็กอารมณ์ร้ายไหม จะเจ้าคิดเจ้าแค้นไหม  อย่าว่าแต่เด็กเลย ผู้ใหญ่ก็มี ความรู้สึกแบบนี้ เพียงแค่ว่า บางที เราปฏิเสธ เราหน้าบางเกินกว่าจะยอมรับ เราติดกับการ "ดูดี" เราบอกตัวเองว่า ไม่ได้แบบนี้ ไม่ได้

 ถ้าเราไม่ปล่อยให้เค้าพิจารณาความรู้สึกตัวเอง ปล่อยมันออกมา ความรู้สึกเหล่านี้มันก็ไม่ไปไหนนะ ไม่พูด ไม่สื่อสาร ไม่ได้แปลว่า ไม่มี 

ขอให้เข้าใจว่า ความรู้สึกแบบนี้ เป็นปรกติธรรมดาของมนุษย์ เรามีหน้าที่ ทำให้ลูก รับรู้ความรู้สึก และ ปลดปล่อย ไป

หลังจากได้ความรู้สึกแล้ว เรามาหาความต้องการที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกนั้นๆ กัน

มิวมิว เลือกไพ่ความร้องการ และเล่าเรื่องให้ฟัง ไพ่พวกนี้มิวมิวเลือกเองนะ อันไหนที่ไม่ใช่เธอจะสั่นหัว อันไหนใช่ เราจะถามว่า เพราะอะไรถึงเลือกอันนี้ เช่น 
รู้สึกเครียด เพราะว่า เธออยากได้"ความสบาย"  (รร.​มันร้อนง่ะ)
รู้สึกเครียด เพราะว่า เด็กๆ ที่รร. ซนกันมาก เสียงดัง เธอ อยากได้ "ความเป็นระเบียบเรียบร้อย"

รู้สึกเครียด เพราะว่าคิดถึงแม่ อยากได้ "ความอบอุ่น"
รู้สึกเครียด เพราะว่า อยากได้ "ความคิดสร้างสรรค์" ทำไมครูไม่ติดแอร์ หรือทำอะไรอย่างอื่นให้มันหายร้อน
รู้สึกเครียด เพราะว่า อยากมี "ทางเลือก" ไม่อยากไปโรงเรียน อยากมีแอร์ แต่ไม่มีทางเลือก

รู้สึกเบื่อ เซ็ง เพราะอยากได้ "ความสงบ" รร​. กะครู วุ่นวายมาก 

เห็นไหมว่า เด็กๆ เค้าเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น

นำเข้าสู่เหตุและผล เชื่อมโยงสมองซีกซ้าย  

จากสารพัด ความรู้สึก ความต้องการ  จากรูปที่วาด เด็กไม่ได้มี issue อะไรอื่นเนอะ งั้น เอ้า ไหนมาดูข้อเสีย รร. ซิ๊....ตั้งคำถามและคุยไปพร้อมๆ กัน  จากรูปที่เค้าวาด ให้เด็กตอบ

ทำไมโรงเรียนใช้พัดลม ไม่มีแอร์ เพราะอะไร....ช่วยกันคิด
เค้าประหยัดไฟ จะได้คิดค่าเทอมถูกๆ  แล้วเราจะได้มีเงินเหลือเยอะๆ

แล้วถ้าไม่ติดแอร์ ทำไงได้บ้างถึงจะหายร้อน

น้ำเย็น ผ้าเย็น ถึงขนาดออฟเฟอร์ ให้เอาแป๊บซี่ใส่กระติกไปเลยนะ ให้เอาลูกอมเย็นๆ ไปพกผ้าเย็นไปไม๊ ก่อนหน้านี้มิวบอกไม่เอา ไปๆมาๆ พอจับมาคุยดีๆ รมณ์ดีๆ มิวบอก อดทนเอาก็ด่ะ เอ๋า ง่ายขนาดนั้น

เทนนิส...เล่นกีฬา ดีตรงไหนบ้าง แล้วโรงเรียนอื่นๆ เค้าเรียนพละกันแบบไหนยังไงบ้าง...ช่วยกันคิด บางที เราก็เล่าประสบการณ์ของตัวเอง ในรูปแบบ ว่า "ตอนแม่เด็กๆ นะ โรงเรียนเป็นแบบนี้ๆ "  สรุป มิวก็โอเค

คุณครูดุ เป็น Question เอาไว้ ว่าดุแบบไหน ยังไง ชวนให้มิว เล่นเป็นนักสืบแทน จากที่มิวบอกว่า มิวรำคาญ หนวกหูเวลาครูพูดเสียงดัง ดุเด็กอื่น ก็ถามไปว่า ดุเด็กอื่นไม่ได้ดุตัวเองจะรำคาญทำไม พูดอ้อมค้อมไปมา ฟังละงง รึเจ้าตัวเองนี่แหละ โดนดุมาแต่ไม่บอกให้รู้

ด้วยพฤติกรรมมิวก็ไม่น่าจะโดนดุเรื่องอะไรที่รุนแรงมาก มีแต่พูดมาก กับเรื่องวิชาการที่อาจจะอ่อนกว่าเด็กทั่วไป เพราะมาจากโรงเรียนลัลลา แต่โรงเรียนใหม่ก็ไม่ได้วิชาการจ๋าประกอบกับเป็นซัมเมอร์ จะเรียนอะไรกันนักหนาชะมะ

เปลี่ยนจากคนได้รับความเดือดร้อน ให้เป็นคน observe ในเหตุการณ์มอบหมายให้มิวมิวเป็นนักสืบหมายเลข 1 แล้วบอกนางว่า เดี๋ยวแม่จะไปขอให้น้องลัน เป็นนักสืบหมายเลข 2ส่วนแม่เป็นนักสืบหมายเลข 3 โอเคมะ..ไปโรงเรียนแล้วมารายงานแม่ เดี๋ยวแม่ก็จะไปถามลัน แล้วก็แอบไปสืบกับคุณครูด้วย

มิวก็ตาวิ้งๆ ชอบอะดิ บอกไปว่า เราจะเริ่มต้นเป็นนักสืบกันสัปดาห์หน้าโอเคไม๊ มิวบอกโอเค๊....  ช่วยกันสร้างเรื่องสนุกๆ และ พอไปสืบมานอกจากเราจะได้รู้เรื่องจากลูกมากขึ้นแล้วภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย ช่างน่าภาคภูมิใจ ความสำเร็จเล็กๆน้อยๆนี้ ไปกระตุ้น ฮอร์โมนโดพามีน ฮอร์โมนแห่งความปิติยินดี ภาคภูมิใจในตัวเองอีกด้วย

ยกข้อดีให้มันดูเว่อร์ เจ้ามิวตาวิ้งมาก กับการที่เด็กๆ ซนเป็นลิง เวลาครูเผลอ!!!

นี่เป็นอุปกรณ์ในการรับมือ จัดการกับความร้อน ของมิวมิว แป้งเย็น Icepack ผ้าเย็น น้ำเย็น  ส่วนการรับมือกับความเหงา อ้างว้าง คิดถึงแม่ ก็ทำได้แค่ เอารูปแม่พกไปโรงเรียน  หยิบรูปแม่มาดูละก็ปาดน้ำตา 555


2-3 วันต่อมา ขอสมุดเปล่า เอาไว้วาดรูปเล่นแก้เหงา บอกว่า บางทีไม่อยากลงไปวิ่งเล่นที่สนามกะเพื่อนๆ  

หลังจากที่เราหาทางออกร่วมกัน จากวันนั้นมิวก็อาการดีขึ้นมาเรื่อยๆ  บ่นร้อนบ้างนิดหน่อย  บ่นคิดถึงแม่ไม่อยากไปโรงเรียน ง๊องแง๊งตอนเช้า อยู่หลายวัน แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

ไปรับตอนเย็น ก็เริงร่าปรกติ

สัปดาห์ที่ผ่านมา ขอเล่นต่อที่โรงเรียน 2 วัน วันแรกเล่นคนเดียว อีกวัน เธอเล่นอยู่กับเด็กผู้หญิง ตั้ง 4 คนแหนะ ! แทบจะไม่ยอมกลับ 

อีกก้าวหนึ่งของการเติบโต ของ ด.ญ.มิวมิว จากเด็กอนุบาล เป็นเด็กประถม ^__^ 

ขออนุญาตทิ้งท้ายไว้นิดนึง เกดเชิญวิทยากร ครูขวัญ  ดร. ขวัญนภา ชูแสง มาเปิดคอร์สอบรม เรื่องความสัมพันธ์ การใช้ภาษา กับคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี เจ้านาย ลูกน้อง คนรอบๆ ตัวเรา  โดยใช้ศาสตร์ NLP และ Brain Based Coaching  ซึ่ง หลักสูตรนี้ จะพาให้เราไปค้นหาตัวตน ที่มาของการใช้ภาษา เยียวยา Little Child Problem ของเรา (จะได้ไม่ไปลงที่คนรอบข้าง)  ขยายมุมมองในการใช้ชีวิต แบบเข้าใจตัวเองและผู้อื่นมากขึ้นเพื่อ transform สร้างการเปลี่ยนแปลง ของภาษาที่เราใช้สื่อสาร ในระดับจิตใต้สำนึก ค้นหาตัวตนที่มาของภาษา​ หลักสูตรนี้จะพาเราเดินทางไปสัมผัสด้านของวัยเด็ก โอบกอด โอบอุ้ม สร้างภาษาแห่งรัก ให้เด็กน้อยในตัวเรา ด้วยความเข้าใจการก่อกำเนิดตัวตน  ดีงามมากค่ะ บอกเลย 


 photo magicrelationtion_zpsefa9a634.jpg

รายละเอียด คอร์สนะคะ //www.learninghub.in.th/events/magicrelationship

หรือ ติดตามได้ใน  Facebook Events
https://www.facebook.com/events/280519002114270/?ref=5

และ https://www.facebook.com/learninghubthailand




Create Date : 26 เมษายน 2557
Last Update : 14 พฤษภาคม 2557 15:21:06 น. 3 comments
Counter : 2365 Pageviews.

 
มี๊เกดเก่งนะเนี่ย ใจเย็นมากๆอ่ะ


โดย: บ้านสามออ IP: 182.53.103.53 วันที่: 26 เมษายน 2557 เวลา:21:36:33 น.  

 
เอาจิงๆ ปะ...จริงๆ แล้ว แต่ก่อนเราเป็นคนไม่ค่อยชอบเด็กนะ (ถ้าดูความชอบล่ะก็ ตอนน้ีก็ยังไม่จัดว่า รักเด็ก!!)
เจอเด็ก แล้วทำอะไรไม่ถูก เครียดดดดดดดดดดดดดดดด ขี้เกียจพูด ซ้ำซาก ขี้รำคาญ

แต่บางที คนเรานะ มันก็พัฒนากันได้ ชิมิ


โดย: กุ๊ดจัง วันที่: 26 เมษายน 2557 เวลา:21:46:35 น.  

 
เป็นพี่ปีะถมแล้วเน๊อะ


โดย: มี๊เก๋+ป๊าโอ๋=ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 29 เมษายน 2557 เวลา:8:09:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.