กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 
ทางเลือกของเด็กที่มาจากความต้องการ#2

สิ่งที่จะถ่ายทอดเกี่ยวกับ NVC เป็นสิ่งที่สรุปมาจาก workshop Transform your parenting relationship with NVC  นะคะ ออกตัวแรงอีกว่า ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเป็นทักษะที่ต้องใช้การฝึกฝน การศึกษา อย่างเข้าใจ และประสบการณ์ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะทำไม่ได้ ทุกคนไม่มีขีดจำกัดความสามารถในการเรียนรู้อยู่ละ Smiley Fighting!

ใน NVC (์Nonviolent Communication) เชื่อว่า ความสำเร็จของชีวิต คือ Life is served เป็นความสำเร็จในแง่มุมของความคุ้มค่าในชีวิต ที่เราได้เกิดมาบนโลกใบนี้  ไม่ว่าจะต่อตัวเอง ครอบครัว สังคม หรือในแง่ของจิตวิญญาณ  ทำงานเพราะ งานนั้นเติมเต็มให้กับชีวิตตัวเอง และผู้อื่น ไม่ใช่ ต้องทำงาน เพราะงานคืองาน แต่งานนั้นเชื่อมโยงกับความสุข สนุกสนานของชีวิต 

ถ้าเราบอกว่า ความสำเร็จของการเป็นพ่อแม่ คือ การที่เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี มีความสุข 
การจะตีความหมายของคำว่า มีความสุขของแต่ละคนนั้น ไม่ง่ายเลย  
ลองคิดดูว่า ทำไมบางบ้านถึงมีปัญหา ว่า พ่อแม่อยากให้ลูกทำแบบนี้ๆ เพราะคิดว่าอยากให้ลูกมีความสุข ในขณะเดียวกัน ลูกไม่ได้มีความสุข แต่ทำเพื่อความสุขของพ่อแม่ เคสแบบนี้เราคงเคยประสบพบเจอกันบ่อยๆ 

เด็ก ไม่ได้เป็นแบบที่เราเลี้ยง แต่เด็ก เป็นแบบที่เราเป็น 
พื้นฐานดั้งเดิมของมนุษย์นั้น ตัวเราเอง เด็กเอง ล้วนมีจิตเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ต่อคนอื่น อยากมีส่วนร่วมในการเป็นประโยชน์ต่อสังคม อยากทำให้คนรอบข้างมีความสุข ดังนั้น NVC เชื่อว่า เมื่อมีทางเลือก  คนเรา จะเลือกทางที่  contribute  ให้กับผู้อื่น

เคยสังเกตไม๊ว่า เวลาที่ลูกเราโกหก หรือถามอะไรไม่ยอมบอก....ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลึกๆแล้ว เขารู้ว่า บอกไปแม่จะโกรธ เด็กต้องการจะปกป้องตัวเอง และปกป้องคนที่ตัวเองรัก ไม่ต้องการให้แม่โกรธ หรือเสียใจ จึงไม่ยอมบอก 

ตอนก่อนหน้านี้ เราบอกไว้ว่า จะทำยังไงนะ เราถึงจะสื่อสารความต้องการ ความรู้สึกของแม่และลูกได้ เพื่อที่เราจะมาทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างสมดุลให้กับความต้องการของทั้งสองฝ่าย เพราะเราเชื่อว่า ถ้ามีทางเลือก เราจะเลือกหนทางที่เอื้อเฟื้อให้กับผู้อื่นเสมอ

เราบังคับให้ลูกแบ่งขนมให้คนอื่น แบ่งสิลูกกก..แบ่งน้องหน่อย แบ่งเพื่อนหน่อย....ยิ่งเราบังคับเด็กให้แบ่งมากเท่าไหร่ เด็กยิ่งต้องการแบ่งน้อยลงเท่านั้น

ทีแรก เราก็ไม่เคยคิดถึงอะไรแบบนี้นะ คิดแต่ว่า การฝึกให้ลูกแบ่งปันคนอื่น น่าจะเป็นสิ่งที่ดี แม่ก็พูดปากเปียกปากแฉะไปสิ แบ่งคนอื่นมันดียังไง คนอื่นเค้าจะรู้สึกยังไง ถ้าเค้าไม่ได้ของ แล้วเรามีของเยอะ ทำไมเราไม่แบ่งเค้าบ้าง บลาๆๆ แต่สิ่งนึงที่เราไม่เคยกลับมามองเลยว่า ในแง่มุมของเด็ก ที่เป็นลูกเราเนี่ย เขาจะรู้สึกยังไง กับการที่ต้องแบ่งของที่ตัวเองชอบ ไปให้คนอื่น

มีเหตุการณ์นึงที่ใน Workshop เค้าให้คิดว่า เราโดนเลี้ยงดูมาแบบไหน ที่ถือว่าเป็นความเชื่อ หรือคำตัดสิน ว่า เลี้ยงดูแบบนี้ แล้วจะเป็นแบบนี้ หรือถ้าไม่เลี้ยงดูแบบนี้ แล้วจะเป็นแบบนั้น แน่นอนว่า เราทุกคน เติบมาโดยมีความเชื่อเหล่านี้เป็นกรอบรายล้อม

เช่น ต้องเรียนให้เก่งๆ แล้วจะมีหน้าที่การงานที่ดีประสบความสำเร็จในชีวิต ในขณะที่ชีวิตจริง ต่อให้เรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เราจะเรียกว่าเด็กคนนี้ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือยัง...บางคนบอก Yes  บางคนบอก  No  ต่อให้เด็กคนนี้ ทำงานกินเงินเดือนพนักงานเป็นแสน เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิตไม๊...Yes/No ?  หรือต่อให้เด็กคนนี้เป็นเจ้าของกิจการ ถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ ....กิจการใหญ่แค่ไหน จึงจะเรียกว่าสำเร็จ  โลกของเรานี้ มีคนมากมายที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ในชีวิตทั้งๆที่ เรียนไม่จบ เรียนจบ ป. 4   เพราะฉะนั้น ความเชื่อที่ว่า ต้องเรียนให้เก่ง แล้วจะประสบความสำเร็จในชีวิต อาจจะไม่เสมอไปก็ได้

อีกตัวอย่างหนึ่ง เช่น ความเชื่อที่ว่า ต้องแบ่งของให้น้อง เป็นพี่ต้องแบ่งให้น้อง
เห็นไม๊...เด็กๆ จำแม่นขนาดไหน เหตุการณ์น่ะ จำไม่ได้หรอก จำได้แต่ความรู้สึก ตอนเด็กๆ ว่า ทำไมเป็นพี่ถึงต้องแบ่ง แล้วเป็นน้องนี่ดีกว่ายังไง ทำไมถึงได้ของตลอดๆ ทำไมพี่ต้องเสียสละด้วย แล้วมีผู้ร่วมเวริคช็อบคนนึง เห็นด้วยกับเรา เค้าเป็นพี่คนโตเหมือนกัน เค้าบอกว่า พอพูดมาแล้วก็นึกได้ สังเกตตัวเองเหมือนกันเพราะเหตุนี้ ตอนเด็กๆที่โดนบังคับให้แบ่งของให้น้องตลอดๆ จนเค้ากลายเป็นคนที่ ถ้ามีอะไร จะไม่ค่อยแบ่งให้คนในครอบครัว แต่กับคนอื่นๆ เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงานและอื่นๆ จะแบ่งด้วยความเต็มใจ

เห็นไม๊ว่า พลังของทางเลือก ที่ถูกเชื่อมโยงกับความต้องการภายใน มีพลังมากมายส่งผลต่อพฤติกรรมแค่ไหน 

ปัญหาที่ผ่านมา เกิดจากการที่ เราไม่เคยคุยกันในแบบที่เราพยายามเข้าใจฝ่ายตรงข้าม ในแบบนี้เราเข้าใจตัวเอง  แต่ เราคุยกันในแบบที่ ฉันอยากได้แบบนี้ ทำไมเธอไม่ทำแบบนี้ให้ฉัน ทำไมฉันต้องทำแบบนี้ให้เธอด้วย ฉันไม่ชอบที่เธอทำ ทำไมเธอต้องทำแบบนั้นแบบนี้ เสมือนการกล่าวโทษกันไปมา หรือบางทีไม่ถาม ตีความกันไป ละตีอกชกหัว น้อยอกน้อยใจ  เข้าใจผิดกัน 


แม้แต่ตัวเราเอง บางครั้ง เรายังไม่เคยทบทวน หรือ ค้นลึกเข้าไปในจิตใจ ถึงสาเหตของความรู้สึก ความต้องการ ก่อนจะแสดงออกมาเป็นกายกรรม วจีกรรมเลย พอลองฝึกฝนดูแล้ว จะรู้ว่า สำหรับตัวเราเองนั้นยังยาก เพราะบางทีมันอาจจะปะปนกัน ทั้งความรู้สึก ความต้องการ รวมไปถึงกลไกจิตใต้สำนึกของเราเองที่ปกป้องจุดอ่อนของเรา  เพราะฉะนั้น อย่าได้คาดหวังว่าคนอื่นเขาจะมาเข้าใจเราเลย แม้แต่ตัวเอง ยังไม่เข้าใจ ทำให้บางครั้ง การกระทำหรือคำพูดของเรา มี automatic hidden message ส่งต่อไปด้วย บางครั้งกลับกลายเป็นสิ่งตรงกับข้ามกับสิ่งที่เราอยากให้ลูกเราเป็น ก็เป็นได้  เช่น ตัวอย่างเรื่องการแบ่งปัน เป็นต้น 

NVC Model 
  • มนุษย์มีความกรุณาเป็นพื้นฐาน
  • เบื้องหลังการกระทำของมนุษย์ เป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการบางอย่าง
  • ใส่ใจให้คุณค่ากับความต้องการทุกฝ่าย
  • ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และ ความเข้าใจก่อนการแก้ไขปัญหา
มีการแสดงออกของพฤติกรรมหลายอย่าง เพื่อแสดงออกถึงความต้องการ ดังนั้นเราไม่สามารถใช้กลยุทธหรือวิธีใดวิธีหนึ่งที่แน่นอนในการแก้ไขปัญหา  สิ่งสำคัญคือการเชื่อมโยงความต้องการของตัวเอง เข้ากับปัญหา และหาทางออกที่ตอบสนองความต้องการของทั้งสองฝ่าย
เมื่อไหร่เราเราสามารถเชื่อมโยงถึงกันและกันได้แล้ว ความเชื่อใจซึ่งกันและกันจะนำไปสู่ทางเลือกที่เหมาะสม  และแน่นอน ความเชื่อใจต้องใช้เวลา .......

ระหว่างนั้น เราอาจจะได้รับการทดสอบจากลูกเป็นระยะๆ ว่า แม่เปลี่ยนไปจริงอะ..แม่จะไม่ดุแล้วจิงหรอ...ทำแบบนี้แม่ไม่โกรธแน่นะ...ลองของว่างั้น เมื่อเราผ่านจุดนั้นไปได้ จะเหมือนเป็นการค่อยๆ สร้างสะพานแห่งความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้น ยิ่งนานวันเข้าความแข็งแกร่งของการเชื่อมโยง ระหว่างเราและลูกจะมากขึ้น

การที่เราบังคับลูกให้ทำสิ่งโน้น สิ่งนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อาจจะเพื่อปกป้องลูก เพื่อความปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง เพื่อที่คนอื่นจะได้มองตัวเราเองในแง่ดี เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไม่อบรมสั่งสอนลูก โดยเฉพาะสังคมไทย เรื่องของมารยาท ความเกรงใจ ที่มีอยู่ล้นเหลือ เช่น...เจอหน้าผู้ใหญ่ต้องสวัสดี...สวัสดีสิลูก ถ้าลูกไม่ยกมือไหว้ เขาจะหาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน หรือโตขึ้นเด็กจะเป็นคนแข็งกระด้าง ไม่มีสัมมาคาระวะ ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเป็นความเชื่อ  การไม่ยกมือไหว้คน ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพกายและใจใครใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าเด็กคนนั้น จะโตขึ้นมาไม่มีมารยาท  ทั้งนี้ การบังคับ ริดรอน "ทางเลือก"ของเด็ก อาจจะเป็น สิ่งที่ทำร้ายลูกเรามากกว่าเสียอีก
ทักษะที่เราขาด(เราในที่นี้ หมายถึงเราเองเนี่ยแหละ รู้ตัวเอง  Smiley )  คือ ทักษะในการสื่อสาร การสร้างข้อตกลง และ การบอกความต้องการของตัวเอง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหากไม่ข้อตกลงนั้นไม่ประสบความสำเร็จ   การให้ทางเลือก ภายใต้ข้อตกลงนั้น จะทำให้ ความต้องการของทั้งสองฝ่าย สมดุลมากขึ้น มีพื้นที่ว่างพอประมาณ ไม่อึดอัดมากจนเกินไป หรือหลวมจนเกินไป และยังได้โอบอุ้มความต้องการของตนเองอีกด้วย สำหรับการผิดข้อตกลงนั้น เด็กๆ ก็จะได้รู้ว่า จะมีผลอะไรตามมา 

เช่น ถ้าลูกขอเล่นเกมส์เกินเวลา แม่อาจจะให้ลูกเป็นฝ่ายเลือกว่า จะเล่นต่อไปอีกนานแค่ไหน ถ้านานมากเกินไป แม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่า แม่รู้สึกอย่างไร และมันจะส่งผลอย่างไรต่อแม่ และตัวลูกเอง ต่อรองตามความต้องการของทั้งสองฝ่าย ถ้าหากผิดข้อตกลง เด็กก็จะรู้ว่า มันมีผลกับการที่แม่จะให้เล่นเกมส์ในครั้งต่อๆ ไป เพราะแม่เข้าใจ needs  ของเด็ก ณ เวลานั้น เกมส์อาจจะสนุกมากกกก แม่จึงอนุญาตให้ลูกเล่นต่อ ภายใต้ข้อตกลงที่ใช้ความเชื่อใจของกันและกัน

ฟังเหมือนง่าย จริงๆ ยากเนอะ แต่ไม่เกินความพยายาม ถ้าเราฝึกตัวเองให้มีสติ 
NVC ต้องใช้เวลาการฝึกจนซึมเข้ากระแสเลือด  ถ้าหากมีโอกาสได้ไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพิ่มเติม จะเอามาเล่าให้ฟังอีกจ้า.....



Create Date : 13 มีนาคม 2556
Last Update : 14 มีนาคม 2556 11:36:53 น. 0 comments
Counter : 1555 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.