อยู่ดีๆก็กลับมาป่วยอีกแล้ว

อย่างที่เคยบอกว่าปีที่แล้วเคยป่วยเป็นเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดรักษาตัว ต้องหยุดงานพยาบาลที่ตัวเองรักไป1ปี พึ่งกลับมาทำงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา. ช่วงแรกทำงานมีความสุขดีมากๆๆ. มีความสุขทุกวันที่ไปทำงานได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี คนไข้ที่น่ารัก(แม้บางคนจะเรื่องมากไปบ้างก็ไม่เป็นไร)แต่มีความสุขที่ได้ทำงานคะ. แต่เมื่อต้นเดือนไปอบรมเรียนที่มสธ.ช่วงอบรมนอนน้อย เครียดเรื่องรายงาน นั่งทำงานกลุ่มอยู่ดีๆๆก็มีอาการชาขึ้นมาครึ่งซีก แล้วก็ ' ชัก ' หมดสติไปเลย เพื่อนที่ไปอบรมด้วยพาไปส่งรพ.แล้วไป ชัก ต่อที่รพ.อีก คราวนี้ต้องกลับมานับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพราะหมอให้เริ่มกินยากันชัก และบอกว่าต้องกินอย่างน้อย 2 ปี และภายใน2ปีนี้ห้ามชักเด็ดขาดไม่งั้นต้องกินยาไปตลอดชีวิต ซึ่งการกินยากันชักเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตมากมาย ช่วงแรกที่กินยามีอาการง่วงและเบลอมาก ต่อมาเริ่มมีลิ้นแข็งพูดไม่รู้เรื่อง คิดอย่างพูดอีกอย่างจนอันหลังที่หนักสุดคือมือสั่นฉีดยาให้คนไข้ไม่ได้ อารมส์แปรปรวนมากมาย ใครพูดอะไรนิดเดียวก็คิดมาก กลายเป็นขี้แงร้องไห้ง่ายมากๆๆ ทะเลาะกับคนข้างๆๆตัวเกือบทุกวัน จนบ้างทีไม่อยากอยู่เลยทีเดียว จนวันที่มีนัดF/Uกับหมอตอนตี4เกือบชักต้องไปฉีดยาที่ห้องERที่รพ.แม่มาพาไปหาหมอสงสารแม่กับพ่อมากๆๆๆ. พอไปหาหมอสรุปว่าหมอให้ยาแรงไปมากมาย ต้องไปหาหมออีกคนเพื่อปรับยาในอีกวัน พออีกวันไปตรวจกับอาจารย์หมอที่ส่งมาพบ หมอถามคำแรกว่า ทนไดไงมาตั้ง 2 อาทิตย์ ถ้าวันนี้เจาะเลือดระดับยาในเลือดจะสูงมาก อันตรายมาก "แต่อย่างว่ามีหลายคนบอกเราเป็นพวกมีความอดทนสูงมากกว่าคนปกติทั่วไปเพราะตอนที่เป็นเนื้องอกในสมอง หมอก็รักษาแบบไมเกรนกินยามาตลอด เพราะเวลาไปหาหมอไม่ปวด แต่เวลาอยู่ห้องจะปวดมากจนทำอะไรไม่ แต่ก็ปล่อยไว้จนก้อนโตเท่าลูกเทนนิส ตอนผ่าใช้เวลาผ่า 12 ชม.มีแต่คนว่าไม่รอดแต่ก็รอดมาได้" ตอนนี้หมอก็เลยปรับยาให้ใหม่ทั่งหมดแต่อย่างว่ายาดีแต่ก็มีผลเสียก็คือห้ามท้องในตอนกินยากันชักเพราะลูกออกมาจะโง่ แต่เราก็ยังไม่แพลนจะแต่งงานนะ แต่ก็สงสารแฟนเหมือนกันที่ต้องทนคบกับเราแบบไม่รู้อนาคตแบบนี้จังเลย. เรื่องมันเศร้าจัง เล่ายาวเลย เบื่อก็ไม่ต้องอ่านนะ

Create Date : 24 เมษายน 2555 Last Update : 24 เมษายน 2555 20:27:28 น. Counter : 673 Pageviews.		6 comments
Share Tweet