ทำไมซื้อแล้วลง
ทำไมขายแล้วขึ้น
ทำไมไม่มารับบนดอยสักที
รู้งี้ไม่ขายดีกว่า
รู้งี้ซื้อเพิ่มอีกก็ดี
รู้งี้ขายหมด ไม่เก็บไว้
ถ้างั้น...น่าซื้อเพิ่ม
ถ้างั้น...ไม่ต้องขาย
ฯลฯ
กลยุทธการเล่นหุ้น เมื่อ 20 ปีก่อน ต่างจาก เมื่อ 10 ปี ก่อน
กลยุทธการเล่นหุ้นเมื่อ 10 ปีก่อน ต่างจากปัจจุบัน ทุกอย่างมีการพัฒนาทั้งเครื่องมือ แนวคิด จิตวิทยา โดยอาศัย ความรู้ ประสบการณ์ และเครื่องมือเทคโนโลยีเข้ามาช่วย แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ ความจริงเมื่อสรุป คือ ผลสุดท้าย เป็นกำไรหรือขาดทุน ซึ่งมีวิธีเปรียบเทียบจาก ระยะเวลา เช่น ในเวลา 10 วัน กำไร 5,000 บาท กับ ในเวลา 100 วันกำไร 5,000 บาท หรือเทียบ จำนวนเงินกำไร เช่น ภายใน 1 เดือน กำไร 50,000 บาท หรือ 20,000 บาท หรือ จำนวนหุ้นถือครอง เช่น ในเวลา 1 ปี เงินทุนเท่ากัน แต่มีหุ้นถือครอง 500,000 หุ้น กับ 100,000 หุ้น ฯลฯ แต่ละอย่างยังแยกแยะแตกต่างมากมาย
ในระบบตลาดเอง ก็มีสินค้าใหม่ ทางเลือกใหม่ เพิ่มจากสมัยก่อน เช่น OPTION ต่าง ๆ ทำให้ มีการเพิ่มกลยุทธผสานขึ้นมากมาย เช่นการซื้อ ปิด สองทาง การซื้อหุ้นดักหน้า ดักหลัง การซื้อขายด้วยจำนวนช่องราคาน้อยลง การเฉลี่ยความเสี่ยงด้วยวิธีต่าง ๆ ฯลฯ
เรื่องของกลยุทธ ก็ต้องอาศัยเครื่องมือ (ไม่ใช่เพียงแค่อ่านกราฟ ซึ่งคนเกือบ 80% ที่เล่นหุ้นมีความรู้พออ่านกราฟได้บ้าง) จึงต้องมีเครื่องมือ และแนวคิดที่แตกต่างและพิเศษกว่า นำมาประกอบการตัดสินใจและวาง แผน (เช่นโปรแกรม Nowya Method)
ใครที่ยังนิยมใช้คำพูด.....ทำไม รู้งี้ ถ้างั้น .....ฯลฯ เป็นการแสดงตัวตนว่าเป็นนักเล่นหุ้นแบบปิดตาพาโชค ไม่พัฒนา และยังโยนให้โชคดวงเป็นตัวรับผิดชอบ 99 % ซึ่งในอนาคต คนกลุ่มนี้จะค่อย ๆ จางหายไปจากตลาด และคนรุ่นใหม่จะเข้าแทนที่ และนั่นคือการแข่งขันจะมากขึ้น การวัดผลจะดูจากศักยภาพแต่ละคน และระยะเวลาเป็นสำคัญ
Free TextEditor
nowya11@yahoo.com