2012-- ตะลุย Siem Reap. สายธารแห่ง 'ศิวลึงค์'
24/01/2013 เวลา 15.30 น. ณ. ประเทศอังกฤษ.....
สวัสดีเพื่อนพ้องชาวบล็อกแก้งส์อีกครั้งนะคะ หลังจากมีอาการป่วยหยุดพักงานและอัฟบล็อกไปเป็นเวลานานพอสมควร หยุดงานไป 2 อาทิตย์กว่าเลย ใบรับรองแพทย์สั่งให้หยุดถึงวันที่ 25 มกราคม หากอาการดีขึ้นก็กลับไปทำงานได้ ก็คิดว่าวันที่ 26 ก็จะกลับไปทำงานกันซะทีหล่ะค่ะ จบเรื่องราวข่าวคราวคร่าวๆกันแค่นี้ ไปชมบล็อกสำหรับวันนี้กันเลยดีกว่านะคะ....
วันนี้เราไปเที่ยว กบาลสะเปี้ยน / Kbal Spean กันเลยค่ะ.... ระยะทางการเดิน ปีนบ้าง ป่ายบ้าง ราวๆ 2 กม. ค่ะ
Kbal Spean ..... สายธารแห่ง "ศิวลึงค์"
Date: Possibly 11th to 12th centuries. Style: Bapuon. Reign: Udayadityavarman II. Visit: 11/2 - 2 hrs, including climb.
The Siem Reap river (Stung Siem Reap in Khmer), which flows through the main Angkor group and the town of Siem Reap to drain into the Tonle Sap, rises in the western part of the Kulen Mountains north of Banteay Srei. One of its tributaries, the Stung Kbal Spean, flows into it from an outlying hill, the Phnom Kbal Spean. In these upper reaches, it tumbles down the steep hillside, cutting through sandstone strata, and here, just above a fine waterfall,images of the gods have been carved directly into the river bed along a 150 meter stretch that was dicovered only in 1968 by Jean Boulbet. Among these are groups of many stubby lingas arranged in rows, and these gave it its Sanskrit name, Sahasralingas, 'River of a Thousand Lingas'.
กบาลสะเปี้ยน ปีที่สร้าง : สร้างในปลายปีพุทธศตวรรษที่ 16 รัชสมัย : รัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ศิลปะ : เป็นศิลปะแบบบาปวน ศาสนา : ศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย
กบาลสะเปียนหรือหัวสะพาน ถูกขนานนามจากแนวก้อนหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีลักษณะคล้ายสะพานทอดข้ามสายน้ำเล็กๆ ซึ่งมีต้นน้ำเกิดจากเทือกเขากุเลน ธารน้ำสายนี้แยกไหลเป็นสายย่อยเลาะรอบเมืองพระนครผ่านเรือกสวนไร่นาของประชาชนก่อนที่จะไหลรวมกับแม่น้ำเสียมเรียบ และไหลลงทะเลสาบในที่สุด ทั้งพนมกุเลนและกบาลสะเปียนแม้จะอยู่ห่างกันคนละที่ แต่ก็มีสองสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้ผืนน้ำของท้องธารทั้งสอง ที่เหมือนกันคือรูปศิวะสลักหรือศิวลึงค์องค์ย่อมๆ ไปถึงขนาดใหญ่นับพันองค์ และรูปโยนีสลักอีกเป็นจำนวนมาก แผ่ขนานไปตามความยาวของลำธารตื้นๆ เป็นระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร เป็นที่น่าสังเกตว่าด้านหน้าของโยนีถูกสลักให้หันไปทางทิศเหนือเสมอ เพราะว่าแต่โบราณถือว่าเหนือเป็นทิศแห่งโชคลาภ และความสมบูรณ์พูนสุขจึงนิยมสลักโยนีสู่ทิศเหนือเสมอ
กบาลสะเปียน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ปลายพุทธศตวรรษที่ 16 โดยมีพระประสงค์เพื่อให้พราหมณ์ประกอบพิธีเสกน้ำให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำน้ำไปประกอบพิธีหลวงในพระราชวัง และเพื่อให้เหล่ามวลประชาราษฎร์นำไปบูชารักษาโรคภัยไข้เจ็บ นำไปใช้กับไร่นาของตนได้ เพื่อผลผลิตที่สมบูรณ์
กบาลสะเปียนถูกลบเลือนไปจากความทรงจำของชาวกัมพูชา และปลอดพ้นจากสายตานักท่องเที่ยวในโลกยุคปัจจุบันมาเนิ่นนาน ด้วยอยู่ในป่ารกทึบและเส้นทางก็ไม่ได้ตัดผ่าน จนกระทั่งในปี พ.ศ.2511 (ค.ศ.1968) Jean Boulbet นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสได้ชื่อว่าเป็นผู้ค้นพบกบาลสะเปียน และให้สมยาสายธารนี้ว่า The River of the Thousand Lingas.
รูปนี้ตรงส่วนเศียรและลำตัวเคยถูกชาวต่างชาติขโมยไป พวหประเทศมหาอำนาจแต่ชาติตัวไม่มีอะไรโชว์และสะสม จึงเที่ยวเอาของชาติอื่นไปครอบครอง..
Kbal Spean จบลงเท่านี้นะคะ...
ช่วงนี้ก้อยจะพยายามเข้ามาอัฟบล็อกให้เร็วขึ้น ก่อนกลับเมืองไทยเดือน มีนาคม อีกครั้งค่ะ แล้วมาเที่ยวต่อบล็อกหน้านะคะ เราจะไป ปราสาท Bakong กันต่อค่ะ...
Create Date : 24 มกราคม 2556 |
Last Update : 25 มกราคม 2556 1:46:21 น. |
|
7 comments
|
Counter : 2038 Pageviews. |
|
|