RockYou FXText
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
4 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
คุณเคยรู้สึกผิดกับการกระทำของตนเองบ้างมั้ย?








คุณเคยรู้สึกผิดกับการกระทำของตนเองบ้างมั้ย?

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่เราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่ผลที่ออกมาคือ เราได้ทำร้ายจิตใจของคนอีกหลายๆคน โดยที่เราไม่รู้ตัว



คนที่เป็นหัวหน้างานต้องทำการประเมินบุคลากร ส่งผลการประเมินไปให้ผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจเพิ่มเงินเดือนประจำปี

ปีนี้...เมื่อฤดูกาลแห่งการปรับขึ้นเงินเดือนมาถึง ทุกคนต่างใจจดใจจ่อกับผลงานตนเองๆว่าจะช่วยให้เงินเดือนขึ้นเท่าไหร่

หลังจากช่วงต้นเดือนที่ทุกคนรู้ผลแล้ว มีบุคลากรท่านหนึ่งมาขอคุยด้วย



ผู้หญิงที่ตั้งใจทำงานคนหนึ่ง นั่งตรงหน้า น้ำตารินไม่ขาดสาย พยายามกลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้น ถามว่า ...

"พี่ผิดตรงไหน พี่ตั้งใจทำงานทุกอย่าง พี่ส่งงานตามที่ต้องทำ พี่พยายามที่จะพัฒนาตัวเอง แต่สิ่งที่พี่ได้รับมันไม่ใช่อย่างที่พี่ตั้งใจ และมันไม่ใช่ครั้งแรก ...

พี่ทำงานที่นี่มา 4 ปี นี่เป็นปีที่ 5 แรกๆ พี่ได้ขึ้นเท่านี้ พี่มองว่พี่อาจพยายามไม่มากพอ เอาใหม่ และพี่ก็พยายามมากที่จะทำงานทุกอย่าง แต่ผลของสิ่งที่พี่ตั้งใจมาตลอด มันกลับเหมือนเดิม มันเป็นเหมือนเดิมทุกปี แม้ว่าพี่จะพัฒนา ไม่ว่าพี่จะพยายามแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครเห็นเลยใช่มั้ย...

พี่นอนร้องไห้มาหลายวัน พี่ไม่ได้เสียใจที่เงินเดือนพี่ขึ้นน้อย แต่พี่เสียใจที่ว่า ทำไมสิ่งที่พี่ทำ สิ่งที่พี่พยายามไป มันสูญเปล่า พี่ยังอยู่ในเกรดต่ำ มีคนบอกพี่ว่าพี่อยู่ในขั้น C- ซึ่งพี่ฟังแล้วพี่เสียใจมาก มันต่ำเกินกว่าที่พี่จะรับได้ กับความพยายามตลอดปีของพี่ พี่เกรดต่ำขนาดนั้นเลยเหรอ พี่แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ

พี่อยากรู้ว่า พี่ผิดตรงไหนเหรอ พี่ต้องพัฒนาตรงไหน พี่ต้องปรับอะไร ที่พี่ปรับตัวเองที่ผ่านมามันยังไม่ตรง พี่จึงขอรู้ว่า พี่บกพร่องตรงไหน"




จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ได้ข้อคิดเตือนใจตัวเองว่า การตัดสินคนอื่นอย่างสะเพร่า ไม่พิจารณาให้รอบด้าน ไม่มีการบันทึกการทำงาน ไม่มีการประเมินหลายด้านจากหลายคน ก่อให้เกิดผลร้ายแรงต่อจิตใจผู้อื่นได้อย่างมากมาย

เมื่อพิจารณาตัวเองแล้ว อยากจะย้อนเวลาไปเปลี่ยนแปลงผลการประเมินของตนเองเหลือเกิน คนเรายิ่งพูดคุยกันมากเท่าไหร่ เราก็จะได้รู้ ได้เห็นมุมมองทั้งความคิด การกระทำ การทุ่มเทต่องาน การประเมินก็จะไม่ผิดพลาดมาก

หลายๆ คนคิดว่า ใครสนิท ใกล้ชิดกับผู้ประเมินย่อมได้คะแนนดี ... เถียงไม่ออก เพราะพอมองย้อนไปก็เป็นเช่นนั้นจริงเสียด้วย

ทำไมน่ะเหรอ... ก็เพราะเรามองเห็นการทำงาน เห็นผลงาน เห็นมุมมอง เห็นความคิด เห็นความทุ่มเทของคนใกล้ชิดได้ชัดเจน

แต่ยิ่งห่าง ยิ่งไม่ได้คุย ก็จะยิ่งละเลย ความคมชัดของบุคคลนั้นๆ ก็จะไม่ 100% นั่นส่งผลให้ เกิดความผิดพลาด



อยากจะขอโทษ... และขอแก้ตัวด้วยการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงรูปแบบ วิธีการประเมิน จะไม่ประเมินจากหัวหน้างานเพียงไม่กี่คนอย่างแต่ก่อน แต่จะมีการให้ประเมินตนเอง ประเมินจากเพื่อนร่วมงาน ประเมินจากหัวหน้างาน และเกณฑ์การประเมินก็จะมีความเป็นธรรม ละเอียด และสร้างความเชื่อถือแก่บุคลากรให้ได้

ถ้ามีโอกาส...ถ้าได้อยู่ที่นี่ต่อ...ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง โยกย้าย จะสร้างความเชื่อมั่น และแก้ตัวให้เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรมแก่ทุกคนใต้บังคบบัญชาอย่างแน่นอน สัญญา!















Create Date : 04 กรกฎาคม 2552
Last Update : 4 กรกฎาคม 2552 18:17:39 น. 30 comments
Counter : 893 Pageviews.

 
เรื่องการประเมินในที่ทำงานย่อมเป็นเรื่องธรรมดาครับที่ต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้

ถ้าค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ถ้าคิดว่าทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ผลมันจะเป็นยังไงก็ช่างมัน

คิดซะว่า ใครไม่รู้ แต่เรารู้ เท่านั้นพอ

ผมโดนบ่อยๆ แบบพี่คนนี้ครับ ฝากบอกพี่เค้าด้วยนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:41:17 น.  

 
พยายามเข้านะค่ะ
เราทำอะไรเรารู้ตัวเองอยู่แล้ว


โดย: nutchi IP: 172.16.112.210, 118.175.16.2 วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:58:18 น.  

 
อ่านดูเหมือนว่าครูเดียวเป็นคนประเมินรึเปล่าคะ ถ้าใช่ก็อย่าคิดมากค่ะ ผิดพลาดวันนี้ต้องมีโอกาสแก้ตัววันหน้านะคะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:52:42 น.  

 
ผิดแล้วคิดแก้ไข ไม่เป็นไรคะ สู้ ๆนะคะ ~


โดย: iTsnaTz วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:11:10 น.  

 
เรื่องนี้ค่อนข้างมีผลต่อจิตใจของคนทำงานอย่างมากเลยค่ะ

ยังไงๆก็คิดใหม่ทำใหม่ดีกว่าเนอะ


โดย: Tukta21 วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:25:01 น.  

 
การประเมินการทำงานของคนอื่นเป็นเรื่องที่ยากมาก
เราเอง...มักจะแบ่งรับแบ่งสู้เมื่อนาย ขอความเห็นถึงการทำงานของเพื่อนร่วมงาน
เรามักจะบอกว่า เราเห็นอย่างนี้
และที่เป็นแบบนี้ เพราะพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมของเค้าเป็นมาอย่างนี้
ผลคือ ปีนี้มีอยู่คนที่ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน


โดย: นัทธ์ วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:37:28 น.  

 
เจอทักประโยคแรกเข้าไปตัวลอยเลยนะเนี่ย เรื่องที่ผ่านมาเราทำดีสุดแล้วค่ะ อย่าคิดมากเดี๋ยวไข้ขึ้นนะ

เรื่องตะเกียบขอน้อมรับความผิดค่ะ ว่าแล้วก็อยากคีบซูชิซะแล้วสิ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:44:06 น.  

 
เคยเป็นหัวหน้ามาก่อน

ประเมินทีไร ลำบากใจทุกทีครับ

บริษัทมักจะกำหนดโควต้าให้ด้วย ว่าเกรด A+ ห้ามเกินกี่คน


โดย: QA Manager วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:25:27 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณครู

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ และก็ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บล็อคค่ะ


+++
ปล.ไม่ต้องคิดมากนะคะ อยากเป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ ๆ


โดย: hanabi_henna วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:09:18 น.  

 
ขอบคุณน่ะครับที่ไปเยี่ยมชมครับและคำแนะนำ ยินดีพร้อมรับ
เรื่องบ่อเกลือนี่เป็นเรื่องเหตุการณ์นานมาแล้วครับ ตั้งแต่ปี 46 ที่เขียนก็ เอาเรื่องเก่ามาเขียนกลัวมันจะเลือนหาย
แต่ปัจจุบันเป็นหมอเฉพาะทางสาขาหนึ่งในพิดโลก
มีปัญหาสุขภาพนิดหน่อย


โดย: หมอพยาธิ (Smallhand ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:40:17 น.  

 
เป็นประสบการณ์นะคะคุณพี่ อย่าไปโทษตัวเองหรือลูกน้อง หรือใครเลยคะบางครั้งคนเราผิดพลาดกันได้ เหมือนดวงตาที่มองเห็นสิ่งๆต่างบนโลกแต่ไม่สามารถมองเห็นตนเองได้ประมาณนั้น

ในบางครั้งเราต้องอาศัยจากคนอื่นและคนรอบข้าง หนูเข้าใจความรู้สึกนี้คะเพราะหนูทำงานร่วมกับเพื่อนในมหาวิทยาลัย เราต่างผลัดกันประเมินและเป็นฝ่ายถูกประเมินบ้าง และประเมินคนอื่นบ้าง เพราะฉะนั้น ความรู้สึกจึงสำคัญมากที่สุดคะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ สำหรับครั้งนี้


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:17:45 น.  

 
คุณพี่ชอบเพลงธรรมะหรือคะ หนูก็ชอบคะ ปกติ..หนูจะใส่แผ่นซีดีแล้วนำไปแจกคะ

ปกติหนูแจกซีดีธรรมะนะคะ แต่ช่วงนี้ หนูทรัพย์จางหน่อย เลยไม่ค่อยได้ทำ แต่ยังมีแผ่นเหลือๆอยู่

เพลงธรรมะเหล่านี้ หนูโหลดมาจากเวบธรรมะไทย กับฟังธรรม คะ

คุณพี่ลองไปหาโหลดมาฟังดูนะคะ คือโหลดมาหลายปีแล้วนะคะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:22:21 น.  

 
//www.dhammathai.org/radio/radio.php

เข้าไปในเวบนี้นะคะ
มีเพลงธรรมะแบบเย็นๆคะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:23:21 น.  

 
//www.dhammathai.org/sounds/dhammasound.php

ส่วนหน้านี้เป็นเสียงธรรม คะ คุณพี่ลองโหลดมาฟังนะคะ

หนูโหลดมาฟังจนหมดเวบแล้วคะ หลายปีแล้ว แนะนำให้ฟังเรื่อง ลีลาวดี หรือไม่ก็ฟังบทสวดต่างๆคะ

ส่วนในเวบนั้น ตรงหัวข้อ กรรมส่งผลถึงตัวแล้ว ที่คุณพี่ไปคอมเม้นต์ นั้น เป็นบทสวดมนต์ เจริญอัปปมัญญา คะ เป็นบทแผ่เมตตา คะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:26:39 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะครับ


สู้ๆ มาให้กำลังใจครับผม


โดย: MM (ongchai_maewmong ) วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:12:02 น.  

 
สวัสดีครับ ครูเดียว
ขอบคุณนะครับที่แวะไปเยี่ยมที่บล็อกครับ
ขออนุญาต มาอ่านบล็อกด้วยคนนะครับ

และขอแอด ครูเดียวไว้ด้วยครับ
วันนี้ผมอัพเรื่องไปทำบุญมาครับ
ว่างๆ ขอเรียนเชิญครูเดียวไปร่วมโมทนาด้วยนะครับ


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:30:47 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่านค่ะ
อ่านแล้ว ขอตอบว่า เคยค่ะ
การกระทำบางอย่างที่บางครั้งเราทำลงไปแล้ว
ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาไม่ดีพอ หรือบางครั้งถึงกับเข้าข่ายเลวร้าย (ในสายตาตัวเอง) ก็มีค่ะ

ก่อนอื่นเลยขอบอกว่า เกิดความทุกข์ทันที
ทุกข์ที่ใจเรานี่แหล่ะ อยากกลับไปแก้ไข อยากให้เป็นอย่างนั้น อยากให้เป็นอย่างนี้

แล้วพอทำไม่ได้ หรือกลับไปแก้ไขไม่ได้ ก็ยิ่งอาการหนักค่ะ ยิ่งทุกข์หนัก
แต่แล้วพอมารู้สึกได้ว่า มันผ่านไปแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
คิดไปก็ทุกข์ใจไปเปล่าๆ
ทำได้อย่างเดียวคือ ทำใจ
ในที่นี้คือ ทำใจให้อยู่กับปัจจุบันค่ะ รับรู้ในทุกสิ่งที่เป็น ที่เกิดขึ้น (ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ก็ตาม)

และที่ทำได้อีกอย่างคือ ขออโหสิกรรม ต่อสิ่งที่่ทำไป และที่สำคัญคือ แผ่เมตตาให้
(อย่างน้อย จิตใจของเราจะดีขึ้น ไม่จมอยู่กับความทุกข์ใจอีก)

ปล. ก็เป็นการแสดงความคิดเห็นในลักษณะส่วนตัวนะคะ
สิ่งที่ผ่านไปแล้ว เมื่อไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
มีสิ่งเดียวที่แก้ไขได้คือ แก้ที่ตัวเรา แก้ที่ใจเรา
ทำยังไงไม่ให้ทุกข์กับเรื่องราวนั้นๆ อีก

เพราะคนเรานั้น มีแต่รักสุข เกลียดทุกข์
อยากได้แล้วไม่ได้ก็ทุกข์
ไม่อยากได้แล้วได้ ก็ทุกข์อีก จริงมั้ยคะ ... ^_^





โดย: พ่อระนาด วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:01:02 น.  

 
เป็นประสบการณ์นะคะครั้งหน้าคิดใหม่เอาใหม่ หมอบอกน้องเล็กเสมอว่าเราไปแก้ไขอดีตไม่ได้ อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเรื่องไหนที่ทำให้สะเทือนใจก็อย่าซ้ำรอยเดิมค่ะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆที่มีให้จะพยายามสู้ต่อไปค่ะ


โดย: mutualek วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:57:53 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่แวะไปทักทายกันที่บล๊อก...อ่านบทความของคุณแล้ว เข้าใจในความรู้สึกของคุณเดียวดาย และก็เป็นเช่นคุณคิดจริงๆ การประเมินผลงาน ถ้าไม่ออกมาเป็นรูปธรรม เป็นแค่นามธรรม มักจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี ๆ เสมอ โดยเฉพาะคนที่ไม่เข้าตากรรมการ และยิ่งถ้าหากคนนั้นเป็นคนที่ตั้งใจทำงานในความคิดของเค้าว่าดีที่สุดแล้ว ถึงจะดีที่สุดของคนอื่นหรือไม่ก็ตาม แต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเค้าแล้วด้วยความมานะพยายามที่สุดในความรู้สึกของเค้า แต่สิ่งที่เค้าได้รับ คือ การประเมินที่ในความรู้สึกของเค้าไม่ยุติธรรม ความรู้สึกก็ย่อมเกิดล่ะค่ะ ดังนั้นคนที่ประเมินด้วยเหตุผลอย่างที่คุณเดียวดายว่า ก็คงหนีไม่พ้นการทำผิดต่อเค้าโดยไม่ตั้งใจแน่นอน หลังจากนั้นอาจเกิดสิ่งต่างๆ ได้ต่อมาเสมอ..และสิ่งนั้นไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่...ก็ถึงบอกว่าควรทำอะไรให้เป็นรูปธรรมไปเลยและให้เกี่ยวกับคนให้น้อยที่สุด หมายถึง คนเป็นคนตัดสินเพราะอาจเกิดความไม่ยุติธรรมอีก อาจดูที่ผลงานของแต่ละคนนับเป็นรายชิ้นในงานที่เหมือนๆ กัน หรือ ถ้างานต่างกันก็ต้องใช้การพิจารณาที่รอบคอบ อันนี้คงเรื่องยาวไม่สามารถอธิบายได้ตรงนี้ อะไรแบบนี้ค่ะ แต่อ่านแล้วเข้าใจว่าคุณเดียวดายรู้ดีแล้วว่าสิ่งที่ถูกต้องทำอย่างไร ขอให้คุณพบหนทางที่ดีตามที่คิดนะคะ...ยินดีได้รู้จักค่ะ และขอให้นอนหลับฝันดีค่ะ...


โดย: deeplove วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:55:41 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ ครูเดียว

ในสมัยพุทธกาลนั้น ไม่มีการกรวดน้ำครับ และก็ยังไม่มีการจุดธูปด้วยครับ

เวลาเรากรวดน้ำ จะทำให้จิตเราจะมีสมาธิมากขึ้นครับ หรือเวลาจุดธูป ก็เพื่อให้จิตเรามีสมาธิมากขึ้นครับก็เท่านั้นเองครับ
เพื่อที่จะได้อธิษฐาน อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เกิดผล เพราะจิตจะได้ไม่วอกแวกเรื่องอื่น

หากเรามีสมาธิดีแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องกรวดน้ำ จุดธูป หรือพนมมือ

ความสำคัญนั้นอยู่ที่ใจ

ใจเราถึงแล้ว เวลาทำบุญ เราก็กำหนดจิตส่งกุศลผลบุญไปยังที่เราต้องการได้โดยไม่มีประมาณครับ


ปล. อย่างบางครั้งเราต้องการส่งไปให้สัมภเวสี หรือท่านที่ต้องการบุญ แต่เขาไม่สามารถมารับได้ เราก็อธิษฐานฝากบุญนั้นผ่าน พระแม่ธรณีและพระภูมิเจ้าที่ ขอให้ท่านส่งบุญให้กับท่านที่ต้องการด้วยครับ.


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:02:46 น.  

 
สวัสดีคะคุณครูเดียว

แวะมาให้กำลังใจในการปฏิบัติธรรมแก่กันและกันคะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:10:49 น.  

 
พี่หมึกสีดำ คะ ความคิดเห็นที่ 20

การกรวดน้ำ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลคะ ตามที่อ่านใสพระไตรปิฏก นะคะ

ตามประวัติบอกดังนี้คะ

การกรวดน้ำ ครั้งแรกนั้น ตามพุทธประวัติกล่าวว่า เมื่อพระเจ้าพิมพิสาร (ราชาแห่งราชคฤห์) ได้ฟังธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ สวนตาลหนุ่ม แล้ว รุ่งขึ้นพระองค์ได้ทรงถวายภัตาหารแค่พระสมณโคดมและพระสาวก และได้ถวายอุทยานสวนไม้ไผ่ (เวฬุวัน) ให้เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงรับด้วยอาการดุษฎี พระเจ้าพิมพิสารจึงทรงหลังน้ำจากพระเต้าลงบนพระหัตถ์พระพุทธเจ้า เพื่อถวายเวฬุวนารามให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาแห่งแรกของโลก แต่ก็ไม่ได้ทำการอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติผู้ล่วงลับ ตกกลางคืนจึงมีเสียงเปรตร้องในเขตพระราชนิเวศน์และปรากฎกายให้เห็นก็มี

รุ่งขึ้นพระองค์ได้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าและทูลถามความทราบแล้ว จึงทรงบำเพ็ญถวายอาหารและจีวรแก่พระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ในวันรุ่งขึ้นต่อมา จากนั้นทรงหลั่งน้ำทักษิโณทกและกล่าวว่า "อิทํ โน ญาตินํ โหตุ" แปลว่า "ขอผลบุญกุศลครั้งนี้ จงไปถึงญาติพี่น้องของข้าพเจ้าด้วยเถิด" และได้กลายเป็นบทกรวดน้ำที่คนไทยนิยมใช้อยู่ในปัจจุบัน

คำศัพท์เกี่ยวกับการกรวดน้ำในครั้งนั้น

"อุททิโสทก" แปลว่ากรวดน้ำมอบถวาย ใช้กรณีเมื่อถวายของใหญ่โต ไม่สามารถยกประเคนใส่มือได้ เช่น ที่ดินและวัด (พระเจ้าพิมพิสารหลั่งน้ำจากน้ำพระเต้าลงพระหัตถ์ของพระพุทธองค์)

"ทักษิโณทก" กรวดน้ำแผ่ส่วนกุศลแก่คนตาย


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:42:04 น.  

 
เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดนะคะ จริงๆการกรวดน้ำ มีมาตั้งแต่พุทธกาลแล้วจริงๆ หนูอ่านเจอในพระไตรปิกฏก่อนหน้านี้นานแล้ว


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:44:29 น.  

 
เพราะฉะนั้น การที่พี่พิมพ์คำว่า ในสมัยพุทธกาลนั้น ไม่มีการกรวดน้ำครับ นั้นเข้าใจผิดคะ

แค่นี้ล่ะจ๊ะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:48:13 น.  

 
ขอโมทนาบุญด้วยนะครับ ครูเดียว


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:39:13 น.  

 
สวัสดีครับ ครูเดียว

"สำนวนทางศาสนาเขาเรียก “อุทิศ” แปลว่า เจาะจง
คือ ไม่เห็นต้องใช้น้ำ
การ “กรวดน้ำ” มันเริ่มสมัยเปรต มาทวงขอบุญกุศล
จากพระเจ้าพิมพิสาร
พระพุทธเจ้า ทรงบอกวิธีทำให้ว่า ให้พระองค์ ถวายภัตตาหาร
กับพระสงฆ์แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ซี ท่านก็ทำแบบนั้น

อีตอนอุทิศส่วนกุศล
ท่านเป็นคนมาจาก พราหมณ์
ที่มีธรรมเนียมว่า จะให้ของใคร ก็ต้องเอาน้ำราดมือผู้รับ
แสดงเป็นอาการว่า ยกให้
ท่านก็เอาน้ำในคนโท เทราดพระหัตถ์พระพุทธเจ้า
เลยรับกันต่อๆ มาว่า อุทิศส่วนกุศลต้องราดน้ำด้วย"

เราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะได้รับหรือไม่ได้รับก็ตาม บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข ไอ้กรรมต่างๆที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไปแล้ว เราไปยับยั้งมันไม่ได้แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีให้มีกำลังเหนือบาป บาปต่างๆ ก็จะตามเราไม่ทันเหมือนกันเรียกได้ว่า เป็นการทำบุญหนีบาปไม่ใช่ทำบุญล้างบาปทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ที่ไม่ทำความชั่วเลยน่ะไม่มีดังนั้นถ้าเราจะชดใช้บาปก็คงจะชดใช้กันไม่ไหวมีทางเดียวในกิจของพระพุทธศาสนาคือหนีบาปด้วยการปฏิบัติ


---------------------


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:51:15 น.  

 
เรื่อง กรวดน้ำ ก็เลยยาว..จนท่านพี่ใหญ่ เค้าต้องอัพบล็อคเป็นเรื่องนี้

อนุโมทนาบุญด้วยนะเจ้าคะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:36:57 น.  

 
แอบไปดู hi5 ครูเดียวมา

ลูกศิษย์เปรี้ยวมากเลยนะคะ พวกเขาดื้อไหมคะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:37:43 น.  

 
สวัสดีครับ ครูเดียว
ขอโมทนาด้วยนะครับ คุณครู การที่อยู่ในศีล
รักษาศีล ศีลก็รักษาเราครับ

ท่านไหนมีศีล ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ครับ

การทำสมาธิ ทำได้ตลอดเวลาครับ
ทำอยู่ทุกขณะ
ทำอยู่ในปัจจุบัน

ผมทำ draft การทำพระกรรมฐานเบื้องต้นไว้แล้วครับ คุณครู
เดี๋ยวจะทยอยนำมาลงหม้กอ่านนะครับ มี 5 ตอนเองครับ ง่ายๆ
โปรดรอติดตามด้วยนะครับ

มาส่งครูเดียวเข้านอนด้วยนะครับ
หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:09:27 น.  

 
สวัสดีคะคุณครูเดียว

เรื่องการนั่งสมาธิกับสวดมนต์นะคะ ขอให้ฝืนใจทำไปเป็นดี ตอนแรกหนูก็ไม่ค่อยตั้งใจเท่าไรหรอกคะ แต่ที่ต้องทำก็เพราะมีเหตุผลคะ และก็เห็นผลเสียด้วย สะสมบุญบารมีเอาไว้คะ แม้จะเล็กๆน้อยๆ ก็ควรทำให้เหมือนหยอดกระปุกออมสิน

มนุษย์เรามีกิเสลมาก แม้จะเก่งทางด้านไหน ชำนาญด้านไหน แต่ทางด้านจิตใจตกต่ำมาก เราไม่สามารถเป็นนายของจิตได้ จึงต้องมีเวียนว่ายตาย เกิด เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยเชื่อเท่าไร หนูก็เด็กรุ่นใหม่ แต่เชื่อเรื่องนี้ เพราะได้เจอกับตัวเอง จากไม่เคยเชื่อ ก็เลยต้องเชื่อ วิทยาศาสตร์อะไรนั่นมันตันไปนานแล้วคะ สำหรับหนู...

สำหรับเรื่องสัมภเวสี หรือวิญญาณอะไรเนี่ยะ เราไม่เห็นเค้าเองต่างหากคะ หากวันใดที่จิตเราถึงจุดต่ำและขั้วลบ เราจะเห็นคะ แต่ว่าอย่าได้เห็นเลยเป็นดี อยากให้ครูเดียวหันมาปฏิบัติธรรมด้วยกันคะ เพียงวันละเล็ก วันละน้อย พยายามเข้านะคะ หนูก็พยายามอยู่เหมือนกัน

ชีวิตมนุษย์นี้สั้นจริงๆคะ เดี๋ยวเกิด เดี๋ยวตาย วนๆเวียนๆ เบื่อแล้วคะ สะสมบุญกันดีกว่าคะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:34:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

deawdai
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นแม่พิมพ์คนหนึ่งซึ่งเป็นสุข

คอยขจัดความทุกข์ ความโง่เขลา

คอยช่วยเหลือ อบรมและขัดเกลา

ด้วยจรรยาบรรณเราผู้เป็นครู


แต่อีกมุมก็เป็นหญิงผู้หนึ่ง

เป็นหญิงซึ่งยังมีกิเลสอยู่

สิ่งใดไม่เหมาะควรอย่าเชิดชู

มองเราคือ ผู้ไม่รู้ โปรดอภัย



จำนวนคนน่ารัก คน




!!Open Your World!!
Google







แด่..ทหาร ตำรวจ ครู ผู้เสียสละ

ท่านมานะ กล้าแกร่ง แรงใจมั่น

ต้องเสียเลือดเสียเนื้อทุกเมื่อวัน

เพราะฝ่าฟันอวิชชา ผู้ราวี


ขอให้ท่าน จงภูมิใจในศรีศักดิ์

เราตระหนักถึงบุญคุณอุ่นเกศี

ขอพรเทพย์ทั่วไทยในธานี

ต้านไพรี ที่คิดร้าย ในบ้านเมือง

--jk-rolling...dreampoem.com--

Code
Friends' blogs
[Add deawdai's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.