Group Blog
 
 
มีนาคม 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
เที่ยวตามละคร เรื่อง...ทวิภพ ตอน พระเอกพาแม่มณีไปนั่งเรื่อไปเที่ยว


เมื่อหลายวันก่อนพี่มนได้ดูหนังเรื่องทวิภพ รู้สึกชอบใจในวิถีโบราณ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นหนักหนา เลยอยากจะมาพาสาวๆที่รักชอบการเที่ยว มาล่องเจ้าพระยาทางเรือตามรอยหนังทวิภพ กะแม่หญิงมน คนจ๋วย มามะมา เร็ว เดี่ยวตะวันจะย่ำรุ่งเสียก่อน



วันนี้ พี่มนอาสาจะพาแม่หญิงจิ๋ว แห่งบ้านพุทธมณฑล และแม่หญิงทั้งหลายแห่งบ้านเทพพิทักษ์ ไปเที่ยวล่องเรือ แถวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ย้อนยุคกลับไปประมาณในสมัย รัชการ ๔- ๕ กันดีไม๊เจ้าแม่หญิงคนไหน อยากจะไปก็ขยับเข้ามา แม่หญิงมนจะพาลงเรือลำน้อย ล่องลอยตามนาวาไปเที่ยวพร้อมแถมอาหารว่าง และอาหารมื้อเที่ยง ด้วยเจ้าค่ะ หุๆ อย่าลืมหยิบหมวกมาด้วยนะเจ้าค่ะ แดดยังไม่นาย (แดดยังร้อนมั๊กๆ นั่นเอง ตรงข้ามกะคำว่าแดดวาย ค้า ) เดี๋ยวจะจับไข้ ก่อนจาเที่ยวจบ กานเสียก่อน หุๆ(เววลาหัวเราะต้องสงวนกิริยาเอาไว้ ก๊าก ขำกลิ้ง จิงฉาน)



เอาหล่ะเจ้าค่ะพอ ลงเรือนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ก้อขยับเข้ามาทาน น้ำปลาหวานจิ้มมะม่วงแสนอร่อย ฝีมือแม่ม้วน (ต้นห้องแม่มณี ในทวิภพ) กันซะหน่อย จาได้ไม่เสียน้ำใจ ที่หล่อนอุตส่าห์เพียรทำแล้วฝากลงเรือมาด้วย ฮ่าๆๆๆ เรียบร้อยแล้วก็ล้างปากด้วยน้ำข้าวตังกันนะเจ้าค่ะแม่หญิงทั้งหลาย กลิ่นปากจะได้หายไป เวลาเมาส์จะได้ปากหอม แถมชื่นใจอีกทางด้วยหล่ะ อาๆๆๆ ตกลงหลังรับทานแล้ว เป็นอันปากหอมกันทุกคน ท้องก็อิ่ม ปากก็หอม พร้อมกันทุกคนแล้วนะเจ้าค่ะ ฮา ไฮ้ เจี๊ยก เจี๊ยก



เมื่อตอนที่ออกจาก ท่าได้ซักประมาณกินมะม่วงน้ำปลาหวาน ก็คงพอจะได้เห็นคล้ายๆวังไกลๆๆกันนะเจ้าค่ะ เค้าเรียกกันว่าวังหน้านะเจ้าค่ะ อิฉันสืบได้ความว่า ที่เรียกว่าวังหน้า เพราะเคยเป็นที่อยู่ของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนารถ หรือเรียกสั้นๆว่าวังหน้า ซึ่งวังหน้าพระองค์แรก ก็คือ คุณสุจินดาเล็ก พระอนุชาในสมัย ร.1 นั่นเอง(ถ้าแม่หญิงใดใคร่ชอบอ่านหนังสือเรื่องฟ้าใหม่ก็คงจะคุ้นเคยกะท่าน ผู้นี้เป็นอย่างดีเพราะเคยเป็นมหาดเล็กหุ้มแพร พระเจ้าอยู่หัวเอกทัศมาก่อน กรุงศรีอยุธยาจะแตก จะว่าไปก็เป้นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกะพ่อขุนไกร ในสายโลหิตของ คุณโสภาคสุวรรณอยู่มิใช้น้อย เฮอๆ) และก็ใช้ชื่อนี้สืบต่อกานมา จนเรียกกันจนติดปากมาจนถึงทุกวันนี้อะค่ะ





ในอาณาบริเวณวังหน้านี้มีพิพิธภัณฑ์ ที่เค้าเรียกกันว่า museum มิวเซียมนะเจ้าค่ะ ที่นี่ก็มีรูปหล่อนูนต่ำ ของท่าน สุจินดาเล็ก วังหน้าพระองค์แรกประดิษฐานอยู่ด้วย ถ้ามีโอกาสดิฉันจะพาไปสักการะ นะเจ้าค่ะ แล้วกึ่งๆกลางหัวดิฉันเนี่ยก็ประมาณว่า มีสะพานพระปิ่นเกล้าทอดยาวข้ามไปฟากกะโน้น อู้ย...ทำให้สะดวกขึ้นเยอะเลยเจ้าค่ะ ก๊กบ้านฟากโน้น ก็ข้ามมาเยี่ยมเยียนอิฉันได้สะดวกมากขึ้น สะพานพระปิ่นเกล้าเนี่ยนะเจ้าค่ะ เดิมทีสร้างขึ้นโดยใช้เวลากว่าสองปี สร้างขึ้นในปีพค.2514 แล้วเริ่มเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 2516 ในวันที่ 24 กันยายน ก็เลยได้ใช้กันมาจวบจนทุกวันนี้แหล่ะค่ะ



ถัดมาเห็นจาเป็น วัดพระแก้ว ชาวบ้านเค้าเรียกกันติดปากมานมนานแล้วเจ้าค่ะ คุณก็ทราบกันดีใช่ไหมหล่ะเจ้าค่ะว่าเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่เลย จนล่วงเข้ามาสมัยนี้แหล่ะค้า หรือโรงศิริราชพยาบาล ปัจจุบันก็นับเป็นเกือบสองร้อยปีได้แล้วกะมัง เรียกกันมาทุกวันนี้ว่าโรงพยาบาลศิรีราช ทั้งหมดที่อิฉันกล่าวมานับอาณาบริเวณเรียกว่าวังหน้าได้ทั้งหมดนะเจ้าค่ะ แม่หญิงทั้ง
หลาย ไป ค่ะไปต่อ



ดิฉันจะพาไปดู ที่ที่เค้าเรียกกันว่าท่าช้าง วังหน้า เหตุก็เพราะว่า ส่วยเลี้ยงช้างมักพาบรรดาช้างในวังหลวง มาอาบน้ำที่ท่านี้เป็นประจำ เพราะอยู่ใกล้โรงช้างเป้นที่สุดแล้ว อ้อ เห็นทีดิฉันจะลืมเล่าเสียไม่ได้ว่าที่ตรงกระโน้น ที่เห็นเป็นโดมอยู่ไกลๆๆ ไม่ใช่อะไรหรอกค้าเค้าเรียกว่ากันว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีท่าเรือสำคัญก็คือท่าพระจันทร์ไงเจ้าค่ะ ไม่ไกลกันนักก็มีท่าพระอาทิตย์ ไม่เล่าละนะเจ้าค่ะมากความเกินไป ปะเดี๋ยวแดดจะเลยหัวเสียก่อนจะได้ไปกันถึงไหน แต่แหม...แต่ดิฉันก็อดไม่ได้



..ว่าแต่...ถ้าข้ามไปฟากกะโน้นแล้วนั่งเรือเลาะเข้าคลองบางกอกน้อยใกล้ๆ กรมอู่ทหารเรือ อาณาบริเวณนั้นรียกกันว่าคลองบางกอกน้อย ก็จะได้พบกับเรื่องราวรักข้ามจังหวัด เอ้ย รักข้ามชาติ ก็เป็นเรื่องของพ่อโกโบริกับแม่อังศุมานะซิเจ้าค่ะ แหมๆ ออกนอกเรื่องเสียนาน มาถึงไหนแล้วเนี่ย



อ้อ เลยมาถึงท่าเตียนแล้วหล่ะเจ้าค่ะ คุณๆๆทั้งหลาย เดิมทีมีเรื่องเล่าต่อๆๆกันมาว่ายักษ์วัดแจ้งชอบทะเลาะกับยักษ์วัดโพธิ์ ทะเลาะกันที่ไร ก็เป็นเรื่อง พื้นที่ราบพนาสูยร์ เลี่ยนเตียนโล่ง จนเป็นที่มาขอท่านี้ที่เรียกกันว่าท่าเตียน แต่ความเป็นจึงนั้นนะเจ้าค่ะ อิฉันจะขอเหลาเอ้ยเล่า ความต่อไปนี้ว่า เดิมที ที่บริเวณริมน้ำนี้เคยมีวังเจ้านายสร้างขึ้นในสมัย ร.5 ปลูกขนานกับชายน้ำ ติดต่อเป็นเรือนแถวยาว สร้างด้วยไม้ ต่อมาเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ดับไฟกันไม่ทัน จึงไหม้เรือนแถวราบเลี่ยนเตียนโล่งไม่เหลือแม้แต่เรือนเดียว ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าท่าเตียน อันนี้ หลวงอัครเทพวรากร ท่านยังเล่าเป็นสาระ ให้แม่มณีภรรยาท่านฟังอยู่เป็นนิจ ในทวิภพ เลยนะเจ้าค่ะ ดิฉันก็เลยจำเอาเล่าต่อนะเจ้าค่ะ






อ้าวๆ...เบาๆหน่อยพ่อฝีพาย.. เดี๋ยวจะเลยไปเสียก่อน หิวกันหรือยังเจ้าค่ะเนี่ยก็ใกล้เที่ยงเข้าไปทุกที เห็นทีอิฉันจะให้บ่าวไพร่ เอาของว่างมาทานกัน รองท้องกันไว้ก่อนดีไม๊เจ้าค่ะ ทานกันไปเมาส์กันไป เอ้ย เล่ากันไปสำราญดีนะเจ้าค่ะ เอ้า... แม่ม้วนขอเป็นขนมจ่ามงกุฎ( ขนมทำด้วยถั่วเหลืองปั้นเป็นรูปทรงคล้ายมงกุฎฝรั่ง มีเม็ดแตงโมปักไว้โดยรอบ เป็นขนมชาววังหาทานยากชนิดหนึ่ง) รสชาติดี เพราะ คุณมณีท่านทำเองกะมือ ท่านฝากมาให้รับทานกันนะเจ้าค่ะ ทานอร่อยอิ่มท้องหน่อยแล้วก็อย่าลืมน้ำมะตูม ชุ่มคอดีนะเจ้าค่ะ





ค่ะ มาถึงปากคลองตลาด ที่นี่..ดิฉันมาประจำเจ้าค่ะ ข้าวของมากมายก่ายกอง เดิมทีเป็นท่าขึ้นปลาที่มีเรือมาถ่ายจากเรือใหญ่ล่องเข้าคลองมาที่นี่ ต่อมาก็ได้ย้ายการขึ้นปลาไปที่ท่าเรือลำพอง หรือ หัวลำโพง ในปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นท่าที่อยู่ในบริเวณ สถานีรถไฟ Station สเตชั่นเจ้าค่ะ เป็นท่าน้ำก่อนจะขึ้นไปที่สถานีรถไฟ





แล้วเลยมาหน่อยแถวบริเวณหัวดิฉันขึ้นไปก็จะมีการสร้างสะพานข้ามฟากเรียกกัน ว่าสะพานพุทธ สร้างมานานมากแล้วเจ้าค่ะ เอ...ดิฉันจำได้ว่าสร้างขึ้นราว ปี พศ. 2472 แล้วเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 2475 อุ๊ย..เรื่องสะพง สะพานสำคัญๆเล่ากันอีกเป็นชาติก็ไม่จบไม่สิ้น เอาไว้วันหน้าละกัน เจ้าค่ะ จะได้เล่ากันอย่างละเอียดไปเลย นี่คงไม่หิวกันแล้วมั่งเจ้าค่ะ ไม่ไกลแล้วหล่ะค่ะ ไม่กี่มากน้อยก็จะได้พักทานข้าวกลางวันกันแล้ว



อ้า ..ถ้า เลยไปหน่อย ถ้าอิฉันจำไม่ผิด เห็นที่จะเรียกกันว่า โรงเรียนสุนันทาลัย เรียกกันจนติดปากว่ารร.ราชินีล่าง( ก่อนจะถึงปากคลองตลาด) สมเด็จพระนางเรือล่มพระชายาของร.5 ซึ่งเป็นพระนางอันเป็นที่รัก ได้สิ้นพระชนม์ชีพไปพร้อมกับพระราชโอรส ขณะ ประพาสทางน้ำ เนื่องจากกฎมณเทียรบาลโบราณห้ามผู้ใดแตะต้องพระวรกาย ซึ่งหมายถึงชีวิต ทำให้มิมีผู้ใดเข้าช่วย ต่อมาจึงมีการแก้กฎมณเทียรบาลดังกล่าว ประมาณว่าวัวหายล้อมคอก อันนี้เค้าเล่าต่อๆๆกันมานะเจ้าค่ะ แต่สาระความจิงก้พึงมีอยู่ครบถ้วนกระบวนความ พระองค์จึงทรงสร้างรร.สุนันทาลัยเป็นที่ระลึกถึงพระชายา จวบจนทุกวันนี้ ส่วนที่พระราชวังบางประอินทร์ จะมีศิลปกรรมนูนสูงของพระนางเรือล่มและพระราชโอรสประดิษฐานอยู่ ไปหาดูต่อได้เจ้าค่ะเอา



ละค่ะ....เที่ยวกันมา เมาส์กันไปจนคอแห้งมือหงิก ไปแล้ว เอาเป็นพอหอมปากหอมคอละกัน อิฉัน...คิดว่าคงจะหิวกันแล้ว เราน่าจะพักกันตรงร่มไม้โน้นท่าจะดี แล้วจะได้ลงมือทานอาหารกลางกันให้เสร็จสิ้นกันซะตรงนี้ มื้อนี้ เห็นจะมี ...แกงมัส มั่นเนื้อ ยำใหญ่ อุ๋ย ของโปรดอิฉันเสียด้วย อิๆๆ ตับเหล็ก หมูแหนม แนมด้วยผักสด แตงกวาผักบุ้งผักกาดหอม หัวปลี โหระพา แถมด้วยพริกสดใบทองหลาง (น้ำลายไหลอะจิแม่หญิง หุๆๆ) ทานกับข้าวสวยเปิบด้วยมือ ...ตบท้ายด้วยสาหริ่มมะพร้าวกะทิ ทับทิมกรอบ โอชา น้องโอชิน เลยนะเจ้าค่ะ เห็นจะเป็นดั่งกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานขององค์สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าที่ว่า



มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
๏ หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย




อิ่ม กันแล้ว อิฉันเห็นที่จะขอลาแม่หญิงทั้งหลายไป ณ.ในเรือนี้ซะเลยทีเดียว เหตุเป็นเพียงเพราะว่า..ฮาๆ อะนะ... พ่อดอกมะลิของดิฉัน นัดแนะว่าจะมารับที่ท่านี้ นี่..(ทำท่าชะเง้อ ชะแง้แลหา...)เห็นที่ พ่อก็คงจะมาคอยท่า แม่หญิงมนคนงามอยู่นานแล้ว (ฮาๆ ก๊าก ขอเนียนหน่อย หุๆ) แม่หญิงมน คนจ๋วย จึงขอลาไปด้วยประการละฉะนี้ ฮาฮา



ปล. ข้อมูลมีผิดพลาดประการใดจึงขออภัยมานะที่นี้
หมายเหตุ เล่าจากเรื่องทวิภพ และเวบของกรมเจ้าท่าเรื่องสะพานสำคัญๆ
ขอขอบคุรรูปจากเวป //www.bloggang.com/viewblog.php?id=rattanakosin225&date=27-03-2007&group=7&gblog=2






Create Date : 28 สิงหาคม 2551
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 11:42:05 น.
Counter : 322 Pageviews.



Create Date : 25 มีนาคม 2556
Last Update : 25 มีนาคม 2556 14:05:43 น. 0 comments
Counter : 1256 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Setakan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





อยากให้คนที่เข้ามาได้รอยยิ้ม
และความสุขกลับไปค่ะ

..................

นิยายปี 53










นิยายปี 54










งานเขียนในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ. พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใด โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร




TOP : Users Online hits
Friends' blogs
[Add Setakan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.