ความทรงจำที่ไม่เคยจาง

บทความนี้เคยตีพิมพ์ลงในนิตยสารขวัญเรือน คอลัมน์สีสันปั้นแต่ง ฉบับที่ 816 ปักษ์หลังพฤศจิกายน 2548

ถึงเพื่อนสนิทของฉัน,
เป็นเวลากี่ปีแล้วนะที่ฉันไม่ได้เขียนจดหมายถึงแก และแกก็ไม่ได้เขียนจดหมายถึงฉัน ปีหนึ่งๆเราโทรศัพท์หากันกี่ครั้งกันนะ ตอบได้เลยว่าน้อยมากจนถึงน้อยที่สุด ในขณะที่ฉันยังพอจะมีอารมณ์เขียนจดหมายถึงเพื่อนรักอีกคนสองคน แต่ฉันกลับไม่ได้เขียนจดหมายถึงแกเลย ฉันจะไม่ขอโทษแก เพราะการที่ไม่ได้ติดต่อแกมันไม่ได้หมายความว่าฉันลืมแก....ฉันรู้สึกลึกๆเสมอว่าความเป็นเพื่อนของเรามันไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลาเลยแม้แต่นิด

แกควรจะขอบคุณหนังเรื่อง “เพื่อนสนิท” นะที่ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกอยากจะเขียนอะไรถึงแกขึ้นมาอีกหน เป็นหนังไทยที่ดูแล้วอิ่มและเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ ในโรงหนัง มันก็พาฉันกลับไปยังช่วงเวลาที่ยังเป็นเด็กสาวได้อย่างชัดเจน มันเหมือนกับตะกอนก้นแม่น้ำที่ถูกกวนจนขุ่นคลั่กเล่นเอาฉันเรียบเรียงอารมณ์ลำบากอยู่เหมือนกันแต่ก็จะพยายามเรียบเรียงให้ดีที่สุดละนะ

หนังเรื่องนี้มันทำให้ฉันหวนคิดถึงผู้ชายสองคนที่เข้ามาในชีวิตของฉัน คนแรกก็คือแก คนที่ฉันบอกใครๆมาสิบกว่าปีแล้วว่าแกคือ “เพื่อนสนิท” ของฉัน เราใช้เวลาแค่ 2 คืน 3 วันในการทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยด้วยกัน และอีกเดือนกว่าๆ ในช่วงเรียนซัมเมอร์เพื่อที่จะทำความรู้จักกันและเป็นเพื่อนกัน ก่อนที่แกจะหนีฉันไปเรียนในมหาวิทยาลัยใหญ่ในเมืองกรุง แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าแกคนนี้คือคนที่ฉันอยากมีไว้เป็นเพื่อนจนแก่เฒ่า

เรามีภูมิหลังในชีวิตคล้ายกันหลายอย่าง เรารักหนังสือเหมือนๆ กัน แม้ว่าเราจะไม่เคยคุยกันเรื่องเจ้าชายน้อยหรือต้นส้มแสนรัก แต่เราก็คลั่งไคล้ “เจ้าจันท์ผมหอม” ชนิดที่ต้องมานั่งคุยกันทุกเย็นใต้หอเพื่อถกกันถึงความทุกข์เทวษของ “เจ้าจันทะแก้วยื่นฟ้า” ความอ่อนแอของ “เจ้าหล้า” และ “ปะหล่องต่อสู่” ผู้ที่มีหน้าตาน่าเดียดฉันท์แต่กลับน่าชื่นชมเมื่อนิยายใกล้จบ แกจำได้ไหมว่าฉันบอกแกว่าฉันใช้เวลานับเดือนกว่าจะอ่านหนังสือเล่มเล็กๆนี้จบ ด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้นเองนั่นก็คือ ‘ฉันไม่อยากให้ความงดงามของทุกอักขระมันหล่นหายไประหว่างทาง’

ไข่ย้อยมันเขียนโปสการ์ดถึง ดากานดา เพื่อนสนิทที่มันแอบรัก ฉันก็คิดถึงจดหมายและโปสการ์ดปึกใหญ่ที่แกเขียนมาหาฉันและฉันเขียนไปหาแก ไข่ย้อยมันหนีรักไปเกาะพงันและเขียนโปสการ์ดให้ดากานดาทุกวัน ฉันก็คิดถึงตอนที่แกระเห็จไปเกาะช้างเพียงลำพังและเขียนบันทึกถึงฉันทุกวัน ก่อนจะเอามาพิมพ์เป็นเล่มแล้วส่งมาให้ ไข่ย้อยมันยอมเอ่ยปากในลงท้ายของจดหมายฉบับสุดท้ายว่ารักและคิดถึง แต่แกกับฉันเราเพียรบอกคำว่า “รักและคิดถึง” แก่กันและกันเสมอมา เพราะเราเชื่อว่าความรักนั้นยิ่งใหญ่และดีงาม เราสองคนรักกันต่างไปจากที่ไข่ย้อยแอบรักดากานดา ฉันรักแกเพราะแกเป็นมนุษย์ผู้ชายที่ละเอียดอ่อนและใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในความสัมพันธ์ที่แกมีกับทุกคน และแกก็บอกว่าแกรักฉันเพราะฉันเป็นมนุษย์ที่อ่อนโยนและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง

แต่พอดูหนังเรื่องนี้จบ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฉันไม่เคยเล่าเรื่องใครคนหนึ่งให้แกฟังเลย เขาเป็นเพื่อนฉันตอนเรียนปี 1 เวลาหนึ่งปีก่อนที่ฉันจะรู้จักแก ฉันรู้จักเขาคนนี้ เขาเรียนวิจิตรศิลป์ เป็นหนุ่มอีสานรูปร่างสูงโย่ง ผิวสองสี หน้าตาดี เป็นที่ใฝ่ปองของสาวๆ ฝั่งคณะฉัน เรารู้จักกันเพราะเพื่อนเขามาแอบชอบเพื่อนฉัน พวกเรากินข้าวด้วยกันทุกเย็นเป็นกลุ่มใหญ่ มาถึงตอนนี้แล้วฉันชักจะเลือนๆว่าฉันชอบเขาได้ยังไง แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เด็กสาวอายุสิบเจ็ดที่เพิ่งออกสู่โลกกว้างมาเจอหนุ่มหน้าตาดีขนาดนั้น นิสัยดีขนาดนั้นก็อดปลื้มไม่ได้ ทุกคนในกลุ่มเพื่อนพอจะดูกันออกว่าฉันกับเขามีอะไรในใจ ทุกคนก็คอยลุ้น แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกไป ได้แต่หยั่งเชิงกันไปมาพอให้หัวใจมันกระชุ่มกระชวย

ฉันชอบเรียนวิชาศิลปะตั้งแต่เด็กแล้ว ใฝ่ฝันอยากจะเรียนคณะวิจิตรศิลป์ แต่พอโตขึ้นถึงรู้ว่าความชอบกับความสามารถมันก็อยู่ใกล้กันมากๆ บางครั้งเราก็ไม่สามารถข้ามเส้นแบ่งนั้นไปได้ แต่ฉันคิดเสมอว่าแม้ฉันจะไม่สามารถสร้างงานศิลปะขึ้นมาได้ ก็ขอแค่เป็นคนได้เชยชมก็พอใจ ดังนั้นตอนเรียนปี 1 ฉันจึงชอบไปนั่งเล่นใต้ชงโคริมอ่างแก้ว เก็บดอกชงโคที่หล่นเกลื่อนเต็มพื้นมาสเก็ตช์ภาพเล่นมีไอ้หนุ่มคนนั้นมานั่งอยู่เป็นเพื่อน แล้วแกก็คงจะพอนึกออกนะว่าพอฉันดูหนังที่ไข่ย้อยกับดากานดาสเก็ตช์รูปดอกชงโคแล้วฉันจะรู้สึกจุกอกขนาดไหน


ความจริงความหลังเกี่ยวกับดอกไม้เนี่ยมีเยอะกว่านั้นนะ ฉันจำได้ดีว่าเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จ เขาวิ่งขึ้นไปบนห้องแล้วยื่นดอกหญ้าช่อเล็กๆให้แล้วบอกฉันว่า เขาขึ้นไปบนดอยสุเทพเมื่อคืน เห็นดอกหญ้ามันชูช่อกันสวยดี เกิดแวบเห็นหน้าฉันขึ้นมาก็เลยเด็ดดอกหญ้าเล็กๆ ช่อนี้ไว้ กะจะเอามาให้ฉันนั่นแหละ แต่ก่อนจะถึงมือฉันเขาก็เอามาอิงแอบไว้ข้างหมอนเป็นเพื่อนเขาเสียหนึ่งคืน
โอ้โห...แกเอ๊ย ใจสาวน้อยอย่างฉันมันเต้นเสียไม่เป็นจังหวะทีเดียว ถ้ามีกระจกส่องคงจะเห็นหน้าตัวเองแดงก่ำไปถึงหูแน่ๆ เพราะขนาดไม่ได้ส่องกระจกฉันยังรู้สึกได้เลยว่าหน้าร้อนผ่าวแค่ไหน (แต่มานึกเอาตอนอายุปูนนี้ฉันก็เกิดกังขามาว่า มันจะส่งสารมาถึงฉันว่าฉันนี่มีความสวยแค่ดอกหญ้าข้างทางหรือเปล่าเนี่ย!!)
แกคงจะนึกสงสัยว่าเรื่องราวของเด็กสาวหน้าซื่อกับเด็กหนุ่มตาปรือจากแดนอีสานมันจะไปลงเอยที่ไหน ก็ลงเอยที่ต่างคนต่างไป ต่างห่างเหินกันไปเพราะเผอิญมีเรื่องหมางใจค่อนข้างรุนแรงเอาการอยู่ตอนใกล้หมดเทอม หนุ่มคนนั้นก็ไปดีมีแฟนในคณะไป ฉันก็มีความสุขกับการเรียนและการทำกิจกรรมกับเพื่อนในคณะบ้าง เพื่อนนอกคณะบ้าง จนได้รู้จักกับแกไง
ความจริงแล้วเรื่องของฉันกับไอ้หนุ่มผมยาวมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนักหรอก แต่มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันที่มีเรื่องชวนให้หวามใจผ่านเข้ามา เรื่องนี้มันก็เลยเป็นเหมือนตะกอนที่นอนแช่อยู่ในก้นบึ้งของบ่อความทรงจำจนฉันแทบจะลืมไปแล้ว จนได้ดูหนังเรื่องนี้แหละที่ทำให้ตะกอนนั้นมันเริ่มฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง ก็คงเหมือนกับภาพอันพร่าเลือนในสายฝนนั่นแหละ บางครั้งก็คลับคล้ายจะชัดเจนขึ้นมา แต่พอเพ่งดูจริงๆก็เลือนหายหายไปกับสายฝนพรำ
เอาเถอะ...อดีตก็คืออดีต มันก็เป็นความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นเด็กสาวที่เวลานึกย้อนกลับไปทีไรก็ทำให้อดอมยิ้มที่มุมปากไม่ได้ อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้วแกคงจะอยากถามฉันว่า “ตกลงที่เขียนจดหมายมาหานี่ เพราะแกคิดถึงฉันหรือคิดถึงไอ้หนุ่มผมยาวคนนั้นกันแน่หา?” ฉันก็คงตอบว่า ก็คิดถึงทั้งคู่นั่นแหละ คนหนึ่งคิดถึงในฐานะของคนที่เคยอยากเป็นมากกว่าเพื่อนแต่กลับเลือนหายไปกับกาลเวลา ส่วนคนหนึ่งก็คิดถึงในฐานะเพื่อนสนิทที่รักและคิดถึงเสมอมาไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ไม่รู้ว่านับจากนี้อีกกี่ปี กว่าฉันจะเขียนจดหมายถึงแกอีก แต่ก็จงรู้ไว้ว่าเพื่อนคนนี้ยังรักและคิดถึงแกไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
รีบๆ ไปดูหนังซะนะ....
เพื่อนแก.













 

Create Date : 24 มกราคม 2549
4 comments
Last Update : 13 กรกฎาคม 2549 9:41:56 น.
Counter : 594 Pageviews.

 


อ่านจนจบ แต่ไม่มีคำจะบรรยาย

ความรู้สึกบางครั้งก็อธิบายไม่ได้

 

โดย: Lookpat IP: 58.136.195.120 24 มกราคม 2549 17:24:53 น.  

 

คิดถึงมอชอที่รัก..
อ่านแล้วภาพมันลอยมาเลย..
ลาพักร้อนดีกว่าวุ้ย..

 

โดย: Yui#23 IP: 210.246.145.4 8 กุมภาพันธ์ 2549 17:02:59 น.  

 

มาเยี่ยมตามคำเชิญ
และไม่ผิดหวังเลยเมื่อได้เข้ามา
ภาพสวย
ลูกน่ารัก
บทความสมกับเป็นนักเขียนนิตยสารชื่อดังเมืองไทย

 

โดย: สหายนก IP: 203.113.32.12 4 มีนาคม 2549 10:32:53 น.  

 

เพิ่งเข้ามาเยี่ยมลูกช้างเหมือนกันค่ะ
อ่านเรื่องแล้วจินตนาการภาพถึงอดีตได้เลยค่ะ
ชอบจังเลยค่ะ

เมื่อก่อนที่ยังไม่มี internet รับหนังสือเกือบทุกฉบับ
และก็ยังเก็บไว้ในห้องสมุดประจำบ้านค่ะ
คงต้องไปหาเล่มนี้เก็บไว้ค่ะ

 

โดย: Komi (komi_to ) 19 มีนาคม 2549 22:04:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


[NostalgiA]
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ใช้อินเตอร์เน็ทเป็นครั้งแรกประมาณปี 2541 สิ่งที่แรกที่รู้จักในอินเตอร์เน็ทคือ ICQ มันทำให้ได้น้องชายที่น่ารักมา 1 คน (ตามมาด้วยพ่อแม่อีก 1 ครอบครัว) ... ต่อมาเล่น pirch เป็น ติดงอมแงม เกือบทำให้เรียนไม่จบ ฮ่า.... จากโปรแกรมนี้ ทำให้ได้พี่สาวตัวสูงโย่งที่แสนดีมา 1 คน ได้เพื่อนที่เกือบจะเกินเพื่อนมา 1 คน ได้เพื่อนที่ดีและน่ารักอีกหลายสิบ...และได้พ็อกเก็ตบุ๊ก "แชตติดหนึบ คนติดเน็ท" มา 1 เล่ม (ใครไม่เคยอ่านก็เสียใจด้วย เพราะหาซื้อไม่ได้แล้ว ฮ่าๆ)

ต่อมาก็เข้าเว็บ pantip และก็วนๆ เวียนๆ อยู่แถวๆ เหลิมไทย BP จนแยกมาเป็นห้องกล้องก็แวะเวียนไปเรื่อง ไปจตุจักรด้วย (ไปหาของกินกับต้นไม้) กิเลศพอกพูนมากๆ ก็แวะห้องรัชดา กะไปหารถขับ (ก๊ากก พูดเหมือนมีตังค์เยอะ) ได้เพื่อนจากพันทิพเป็นร้อย ได้ศัตรูมาด้วย ทั้งๆที่กรูไม่ผิด ฮ่าๆ ...แต่ก็ดี ทำให้ได้รู้ว่าคนเราพื้นฐานจิตใจสันดานเดิมมันไม่เหมือนกัน ย่อมไม่สามารถเข้าใจอะไรที่คนบางคนเข้าใจได้ อธิบายให้ตายก็ไม่มีวันเข้าใจ โอวาทของพระพุทธเจ้าที่กล่าวว่าบัวมีสี่เหล่าจึงเป็นสัจธรรมที่เที่ยงตรงและแน่นอนที่ซู้ดดดด

พอท้องก็ห่างหายจากพันทิพไปอยู่เว็ปแปลน หลงเข้าบ้านท้องป่องท้องแฟบ ได้รู้จักเพื่อนดีๆ ที่นี่เกือบสิบคน แต่คงไม่สนิทกันเท่านี้หากไม่มีเรื่องราวของผู้หญิงโรคจิตคนหนึ่งที่แอบอ้างว่าเป็นแอร์โฮสเตสไฮโซ สวยเหมือนดาราฮอลลีวู้ด มีลูกครึ่งน่ารักน่าชัง....เพราะเธอคนนี้ทำให้เราได้คุยกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในห้องลับ (taro mom and the chamber of secret)

และเพื่อนกลุ่มนี้นี่เองที่ทำให้จิตใจเราดีขึ้นมากมายในหลายครั้ง หลายสถานการณ์ ตั้งแต่ครั้งที่สาวไหมเป็นคาวาซากิ ไปจนถึงโครงการสั่งซื้อเตาอบ (ขนาด 300 ลิตร)

บล็อกแก๊งค์นี้ สมัครไว้นานเกือบๆ 2-3 ปีได้แล้วมั้ง แต่ไม่ได้เขียนซักที เพราะโง่ ทำไรไม่เป็น จนกระทั่งไปสอดรู้สอดเห็นไดของเพื่อนคณะวิจิตรศิลป์คนหนึ่ง (จริงๆ ก็ไม่ใช่เพื่อนเราหรอก แต่เรียนปีเดียวกันก็ตีขลุมว่าเป็นเพื่อนละกัน) เห็นแล้ว เออ...น่าจะเขียนอะไรมั่งวุ้ย

เลยพยายามสุดชีวิตที่จะตกแต่งบล็อกและเขียนบล็อก สุดท้ายก็เขียนจนสถิติขึ้นไปเกือบ 8 พัน บล็อกแก๊งค์ก็ปิดปรับปรุงและทำให้สถิติหายหมด ฮ่า....

เป็นคนนิสัยเสีย ไม่ค่อยชอบตอบกระทู้ที่ตัวเองตั้งและเวลามีคนมาคอมเมนท์ก็ไม่ค่อยชอบตอบ ทั้งๆที่ซาบซึ้งใจมากๆ กับคอมเมนท์ของทุกคน...ขอโทษด้วยนะคะที่เป็นคนโรคจิตเช่นนี้

แต่จะพยายามตอบสุดความสามารถค่ะ




search engine marketing company image link
free hit counter script
Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add [NostalgiA]'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.