มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
8 มกราคม 2553
 

เกิดมาเพื่อชนะ



ในที่สุดวันใหม่...สำหรับชีวิตใหม่ของฉัน ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว ที่ฉันจะได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ของฉันขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ฉันมั่งใจมากที่สุดเท่าที่เคยทำมาตลอดชีวิต นั่นก็คือ "ศูนย์ฝึกอบรม" ที่ฉันพร้อมจะให้บริการจัดอบรมทั้งภายในและภายนอกองค์กร สำหรับองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนทั่วประเทศไทย ซึ่งฉันวาดหวังว่าอาชีพนี้อาจจะเป็นอาชีพสุดท้ายของชีวิตฉันแล้วจริงๆ เพราะฉันมั่นใจอย่างที่สุดว่า การเป็นนักบรรยาย คือจุดเด่นที่สุดของฉัน และฉันสามารถทำได้ดีกว่าอย่างอื่นๆ มาตลอดชีวิต

เพื่อเป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับชีวิตของฉันในวันนี้ ฉันจะเลือกที่จะนำบันทึกชีวิตของฉันเองในตอนที่ชื่อว่า "พิชิตดอยสุเทพ" ที่ฉันได้ฝึกใจตัวเอง ด้วยการเดินขึ้นดอยสุเทพ และเดินลงจากดอยสุเทพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2551 มาให้มิตรที่รักของฉัน และเพื่อนๆ ได้ลองเข้ามาอ่านกันดู เผื่อบางครั้งมันอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกๆ คนได้เปิดใจตัวเอง เพื่อพิสูจน์ว่า "ตัวเองเกิดมาเพื่อชนะ" นั้นจะเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหน ลองอ่านดูนะครับ ...




"ประวัติวัดพระธาตุดอยสุเทพ"


วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ เดินทางตามถนนห้วยแก้วผ่านอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ไปตามทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ระหว่างทางจะมองเห็น ตัวเมืองเชียงใหม่อยู่เบื้องล่าง ระยะทางจากเชิงดอยประมาณ 11 กม. เมื่อขึ้นมาถึงจะมองเห็นบันไดทอดยาวขึ้นไปสู่วัด และมีนาค 2 ตัว อยู่สองข้างบันไดซึ่งสูง 300 กว่าขั้น วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้ เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวซึ่ง เดินทางไปเชียงใหม่ จะต้องขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุกันทุกคน ถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้ ประดิษฐานอยู่บนดอยสุเทพ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,051 ฟุต หรือวัดความสูงของยอดดอยสุเทพที่บริเวณสันกู่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,601 เมตร ซึ่งถือเป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่เมืองเชียงใหม่ จะมีงานประเพณี สรงน้ำพระบรมธาตุในวันเพ็ญวิสาขบูชาทุกปี




"เริ่มออกจากบ้านเวลา 07.00 นาฬิกา วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2551"


เช้าวันอาทิตย์ที่สดใส ฉันตัดสินใจพิชิตดอยสุเทพ ด้วยการเดินเท้า และฉันเริ่มออกจากบ้านเวลา 07.00 นาฬิกา ฉันใช้เวลาราว 55 นาที เดินทางจากหน้าบ้านตัวเอง...ถึงอนุสาวรีย์ พระครูบาศรีวิชัย ที่เชิงดอยสุเทพ รวมระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร




ฉันแวะไหว้พระครูบาศรีวิชัย ในเวลา 07.55 นาฬิกา และใช้เวลาอีก 3 นาที เดินทางถึงประตูทางเข้าวัดศรีโสดา ซึ่งมีป้ายหลักกิโลเมตรที่ 1 ตรงข้ามประตูวัดพอดี ซึ่งถือได้ว่าฉันเริ่มต้นเดินขึ้นดอยสุเทพ ณ หลักกิโลเมตรที่ 1 นี้ ตรงกับเวลา 07.58 นาฬิกา




ฉันเดินทางถึงหลักกิโลเมตรที่ 4 ตรงกับเวลา 08.50 นาฬิกา ฉันเริ่มได้เห็นจุดชมวิว มองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้เต็มตา และสวยงามมาก ฉันแวะชมทัศนียภาพครู่หนึ่ง พร้อมกับรู้สึกตกใจตัวเองว่า นี่เราเพิ่งจะเดินมาได้แค่ 4 กิโลเมตร เรายังมองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้เต็มตาขนาดนี้ เรายังเหลือระยะทางอีกตั้ง 7 กิโลเมตร กว่าจะถึงที่หมาย ตอนนี้เริ่มรู้สึกลังเลนิดหน่อย ว่าเราจะนำพาตัวเองไปถึงที่หมายได้หรือเปล่า




ฉันเดินถึงหลักกิโลเมตรที่ 6 ตรงกับเวลา 09.18 นาฬิกา และถือเป็นจุดแรกที่สามารถ แหงนมองขึ้นไปเห็น วัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นครั้งแรก ถึงตรงนี้ฉันเริ่มรู้สึกตื่นเต้นมาก แม้ว่าระยะทางจะเหลืออีกตั้ง 5 กิโลเมตร แต่ก็เหมือนได้พิสูจน์ให้รู้ว่าตอนนี้ ฉันได้เดินทางมาเกินครึ่งทางแล้ว




ขณะที่ฉันเดินทางถึงหลักกิโลเมตรที่ 8 ตรงกับเวลา 09.47 นาฬิกา ฉันก็ได้มองเห็นวัดพระธาตุดอยสุเทพอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้มองดูเป้าหมายใกล้เข้ามามาก ดูเหมือนแค่ข้ามเหลี่ยมเขาเดียวก็จะถึงที่หมายแล้ว ที่จริงตรงนี้ฉันเริ่มรู้สึกปวดขาทั้งสองข้างมาก แต่เมื่อได้เห็นวัดพระธาตุดอยสุเทพใกล้เข้ามา ก็ทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว




ฉันเดินทางถึงหลักกิโลเมตรที่ 9 ตรงกับเวลา 10.00 นาฬิกา และเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงที่ถนนมีความลาดชันมากที่สุด และฉันเดินไปหยุดพักชั่วครู่ที่หลักกิโลเมตรที่ 10 ตรงกับเวลา 10.16 นาฬิกา และเหตุที่ช่วงนี้ใช้เวลาเดินนานมากที่สุด อาจประกอบจากเราเดินทางมาเหนื่อยมากแล้ว และเป็นช่วงที่ถนนลาดชันสูงประกอบเข้าด้วยกัน




"โค้งสุดท้าย" ก่อนที่ฉันจะถึงที่หมาย ถือเป็นโค้งที่ทำให้ฉันแทบจะก้าวขาต่อไปไม่ไหว ต้องค่อยๆ เดินอย่างเชื่องช้าที่สุด ความเหนื่อยหล้ามันประเดประดังเข้ามา จนรู้สึกตัวว่าอาจไปต่อไม่ไหว แต่ฉันก็เพียรพยายามค่อยๆ ก้าวขาออกไปอย่างช้าๆ ช้ามากที่สุดในตลอดเส้นทางนับจากที่ได้ออกจากบ้านมา ฉันบอกกับตัวเองว่า...เรามองเห็นเส้นชัยอยู่ข้างหน้าแล้ว ยังไงก็ต้องไปให้ถึง




ฉันเดินทางถึง "บันไดนาค" ตรงกับเวลา 10.29 นาฬิกา ด้วยความรู้สึกภูมิใจอย่างที่สุด พร้อมกับเหนื่อยอ่อน จนถึงกับต้องนั่งลงหมดเรี่ยวหมดแรงที่ตรงหัวบันไดนาคนี้ ฉันใช้เวลาหยุดพักนานถึง 5 นาที จากนั้นก็เดินไปซื้อกล้วยหอม 3 ลูกมากินให้หายเหนื่อย หลังจากกินหมดแล้ว ยังรู้สึกไม่หนำใจ จึงเดินไปซื้อกล้วยหอมอีก 5 ลูก กินจนหมด รวมทั้งหมด 8 ลูก พร้อมดื่มน้ำไปครึ่งขวด จากนั้นก็เริ่มเดินทางต่อ เพื่อไปให้ถึงที่หมายต่อไป แต่ตรงช่วงนี้ฉันจำเป็นต้อง เอามือจับตัวนาคขึ้นบันไดไปตลอดทางเพราะปวดขาทั้งสองข้างมากๆ




ฉันเริ่มออกจากจากหัวบันไดนาค ตรงกับเวลา 10.40 นาฬิกา มุ่งตรงสู่พระธาตุดอยสุเทพ ฉันสามารถเดินทางถึงที่หมายอย่างสมบูรณ์ ตรงกับเวลา 10.48 นาฬิกา ด้วยความรู้สึกภูมิใจอย่างที่สุด ที่ฉันสามารถทำได้สำเร็จตามที่ตั้งใจ สิ่งแรกที่ฉันทำเมื่อเดินทางถึงที่หมายคือ "โทรศัพท์หาคุณแม่" เพื่อเล่าให้แม่ฟังถึงความสำเร็จของฉันในวันนี้ แม่รู้สึกตกใจว่าทำได้ยังไง แล้วแม่ก็สั่งว่าตอนกลับให้นั่งรถน่ะอย่าเดินอีก เพราะแม่รู้สึกเป็นห่วงว่าฉันจะเหนื่อยมากเกินไป




ฉันเข้าไปกราบพระประธาน ในพระอุโบสถวัดพระธาตุดอยสุเทพ ด้วยการคลานเข่าเข้าไปกราบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง พร้อมด้วยขอพรจากพระประธาน 3 ข้อด้วยกัน ฉันไม่รู้หรอกว่าพระท่านจะศักดิ์สิทธิ์ให้พรแด่ฉันได้สมดั่งหวังหรือไม่ แต่ฉันรู้สึกสบายใจ ภายหลังการได้ขอพรจากท่านเสร็จสิ้น ซึ่งเพียงแค่นี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจและอาจเพียงพอแล้วสำหรับสิ่งที่ฉันได้รับจากท่าน




หลังจากไหว้พระประธานเสร็จ ฉันก็ออกมาเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุดอยสุเทพ จำนวน 3 รอบ จากนั้น ฉันก็ได้ขอตักดินในกระธางธูป ข้างองค์พระธาตุจากกระถางธูป 3 กระถาง รวมทั้งหมด 9 ช้อนโต๊ะใส่กระป๋องที่ฉันได้เตรียมไปจากบ้าน พร้อมกับเก็บดอกสาระ ใส่ไว้ด้านบนด้วย หวังว่าจะเอาไปใส่ในกระถางธูปที่บ้าน เพื่อระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนพระธาตุดอยสุเทพสืบไป




ฉันออกเดินทางจากหัวบันไดขั้นสูงสุดของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ตรงกับเวลา 11.24 นาฬิกา และเริ่มต้นออกเดินอีกครั้ง รวมระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร จากองค์ประธาตุดอยสุเทพจนถึงหน้าบ้านของฉันในเชียงใหม่ ฉันเดินกลับถึงที่หมายตรงกับเวลา 14.30 นาฬิกาพอดี ขณะที่ฉันเดินทางถึงหน้าบ้าน ฉันรู้สึกตัวเองว่าเหนื่อยเต็มที และคงไม่สามารถก้าวขาออกไปไกลกว่านี้เป็นแน่ ภายหลังจากเปิดเข้าไปในบ้าน ฉันต้องใช้เวลานักพักยาวนานถึง 15 นาที ก่อนที่จะทำภารกิจอื่นต่อไป




"แรงบันดาลใจ"


แน่นอนที่สุด...ทุกคนอาจสงสัยว่า อะไรเป็นแรงบันดาลใจ ให้ฉันตัดสินใจเดินขึ้นดอยสุเทพและเดินกลับถึงบ้าน รวมระยะทางถึง 32 กิโลเมตร และใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมงครึ่ง

ฉันอยากบอกแค่ว่า ความจริงฉันแค่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่า...เราสามารถทำได้ทุกสิ่ง หากเราตั้งใจจะทำจริงๆ ไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าที่ความสามารถของเราจะทำได้ พร้อมกันนี้ผมก็ขอฝากวรรณกรรมเล็กๆ เพื่อเป็นแง่คิดให้กับทุกๆ ท่านที่แวะเข้ามาติดตาม ณ ที่นี้ด้วย




ไม่มีความสำเร็จใด เกิดขึ้นได้เพราะ... “ความบังเอิญ”

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เริ่มต้นจาก... “ความฝัน”

ความฝันที่ยิ่งใหญ่ เริ่มต้นจาก... “การตัดสินใจ”

การตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ เริ่มต้นจาก... “การลงมือทำ”

การลงมือทำ จะนำเราไปสู่... “ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่”




 

Create Date : 08 มกราคม 2553
1 comments
Last Update : 8 มกราคม 2553 0:30:10 น.
Counter : 1567 Pageviews.

 
 
 
 
ไม่ว่าระหว่างทางจะสุขหรือทุกข์ เพียงใด


แต่จุดหมายย่อมสวยงามเสมอ
 
 

โดย: K io IP: 125.27.123.41 วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:11:40:00 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

พระจันทร์เที่ยงวัน
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add พระจันทร์เที่ยงวัน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com