เป็นกำลังใจให้ น้อง เพชร ลูกพุ่มพวง เสมอ แม้จะถูกสังคมตราหน้าว่า เป็น "ลูกอกตัญญู"
จากข่าว //www.bangkok-today.com/node/7067
ซึ่งทำให้รับรู้ว่า ตอนนี้ คดีความของน้องเพชร กับ ไกรสรยังไม่จบสิ้น เหมือนข่าวที่หายไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา และ ด้วยความหวังที่น้องเพชรต้องการจะยุติเรื่องราวทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กรณีหมิ่นประมาทเรื่อง อ้อย หรือ เรื่อง มรดก ยังคงไม่เป็นผลจนถึงวันนี้ ไม่รู้มีใครเข้าใจถึงความทุกข์ทรมานของน้องเพชรบ้างหรือไม่ ที่ผ่านมาน้องเพชรอาจจะทำตัวก้าวร้าวต่อหน้าสื่อมวลชนในคราบผ้าเหลือง ทำให้ภาพลักษณ์ของน้องติดลบไป เมื่อมีข้อมูลหรือเรื่องอะไร ส่วนใหญ่คนในสังคมก็จะเข้าข้างผู้เป็นพ่อ ที่วางตัวต่อหน้าสื่อได้ดีกว่า เรียกว่า ใช้ผลประโยชน์จากสื่อ ฉลาดในการวางตัวต่อหน้าสื่อ อย่างที่หลายๆคนให้คำแนะนำกับดารา ไม่แปลกใจ หากไกรสรจะวางตัวต่อหน้าสื่อได้ดีกว่า น้องเพชร ซึ่งเป็นลูก เพราะ ว่า เคยเป็นนักแสดงระดับพระเอกมาก่อน
คะแนนทางสังคมจึงลงให้กับทางพ่อไกรสรมากกว่าน้องเพชร ซึ่งเข้ามาในวงการมาไม่นานเมื่อเทียบกับผู้ที่เป็นพ่ออย่างไกรสร อีกอย่าง ด้วยฐานะความเป็นพ่อ ที่สังคมหยิบยื่นให้ ก็เป็น เครื่องมือที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ สังคม พร้อมใจกัน ลงทัณฑ์น้องเพชร โดยข้อหาไม่เคารพบุพพการี ก้าวร้าวผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นค่านิยมที่สังคมไทยรับไม่ได้ ในความเชื่อเรื่อง การกตัญญูรู้คุณ โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ (จากความเห็นของคนในอินเตอร์เนต ในช่วงที่ผ่านมา )
แต่เรากลับมีความเห็นว่า หากพ่อแม่นั้น มิได้ทำตัวให้คนที่เป็นลูกเคารพ หรือ ทำหน้าที่ไม่ครบสมบูรณ์ หรือ ไม่ได้ทำเลย ทำไมลูกจำเป็นจะต้องเคารพพ่อแม่ และ ยอมทำทุกอย่างในสิ่งที่พ่อแม่บอกทั่งๆที่รู้ว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ผิด มั่นใจได้อย่างไรว่า คนที่มีฐานะเป็น พ่อแม่ คนนั้น จะมีวิจารณญาณกับทุกเรื่องถูกต้องเสมอไป เขาอาจจะถูกยัดเยียดความเป็น พ่อ ให้ เพราะ จำยอมก็เป็นได้ ดังนั้น หากลูกโตพอที่จะมีสมองในการตัดสอนใจอะไรได้เองแล้ว เราว่า ไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องทนยอมรับสภาพ และ นำเอา ค่านิยมของสังคมไทย มาเป็นตัวกำหนดอนาคตของตัวเอง เพราะ นอกจากจะทำให้ตัวเราไม่มีความสุขแล้ว ยังทำให้ปัญหาลุกลามเกินแก้ไข เหมือนดังเช่น กรณี น้องเพชร กับ พ่อไกรสร
ฉะนั้น เราเห็นใจน้องเพชร เขาได้พยายามหลายครั้งแล้ว เพื่อต้องการให้พ่อ กับ ญาติเข้าใจในตัวเขา แต่ ความพยายามที่ผ่านมานั้นไม่เป็นผล นับวัน ปัญหายิ่งลุกลามไปเรื่อยๆ ไกรสรไม่คิดจะยุติปัญหา กลับพยายามเดินหน้า ฟ้องร้องลูกตัวเองจนถึงที่สุด และ ยังพยายามใส่ร้ายว่าลูกของตนเองมีปัญหาทางจิตโดยการป่าวประกาศตามสื่อต่างๆ แค่นี้ก็ทำให้เห็นแล้วหละว่า ไกรสร ไม่มีคุณสมบัติของความเป็นพ่อที่ดี อาชีพเก่าเป็นนักแสดงที่เคยทำ ทำให้สามารถหลองลวงสื่อและ คนที่เสพย์ข่าวจากสื่อได้ ผ่านทางลมปาก แต่ สิ่งที่ตนเองพูดไว้นั้น ไม่ได้แสดงให้เห็นเป็นการกระทำอย่างชัดเจน ก็เหมือนการพูดออกมาให้ดูดี แต่จริงๆแล้วทำไม่ได้ สังคมหลงเชื่อคนที่มีภาพลักษณ์ดูดีพูดจาไพเราะแต่โป้ปด มากกว่า คนที่พูดไม่เพราะแต่เป็นความจริง
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่า สื่อแขนงไหน หรือ สังคม จะออกมาต่อว่า น้องเพชรมากมายแค่ไหน แต่ เราคนหนึ่งที่จะเป็นกำลังใจให้ ให้น้องเพชรต่อสู้ทนกับคำวิจารณ์ทางลบที่ออกมาเรื่อยๆ เกี่ยวกับตัวน้อง ที่หาว่า อยากดังบ้าง เนรคุณบ้าง เป็นโรคจิตบ้าง ไม่มีใครที่จะต่อสู้เพื่อตัวเราเองได้ ไม่มีใครช่วยน้องเพชรได้ เท่าตัวน้องเพชรเอง สังคมไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือน้องเพชร ตัวน้องเพชรนั่นแหละที่ต้องช่วยเหลือตนเอง เราต้องสู้เพื่อตนเอง อย่าไปฟังกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดี เพราะ คนอื่นเขาไม่มีวันได้รับรู้ความจริง นอกจากตัวเรา ฉะนั้น ปล่อยพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ไป ถือเสียว่า เขาเหล่านั้น ฟังโดยขาดการวินิจฉัย อย่าเก็บมาคิดจนเครียดและอย่าให้มันมีผลกระทบต่องานต่อครอบครัว จงใช้ชีวิตใหม่อย่างใจเย็นและมีสติ ท้ายที่สุดแล้ว ความจริงย่อมต้องถูกเปิดเผยในสักวัน
Create Date : 15 กันยายน 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 15 กันยายน 2553 16:16:38 น. |
Counter : 1208 Pageviews. |
|
|
|
เด็กคนนี้ น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก ๆ
ถ้าแม่ยังอยู่ คงไม่ต้องพบกับชะตากรรมแบบนี้หรอก