วิธีฟอกฟันขาว
รศ. ทพ. ดร. ชัยวัฒน์ มณีนุษย์ ผู้ชำนาญการสาขาทันตกรรมหัตการ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า "โดยธรรมชาติแล้วฟันมีสีขาวอมเหลือง จะดูขาวมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น ความหนา องค์ประกอบ และโครงสร้างต่างๆ ของฟัน ซึ่งในฟันแต่ละซี่ประกอบด้วยเคลือบฟัน (enamel) สีขาวใสห่อหุ้มเนื้อฟัน (dentin) ซึ่งมีสีขาวอมเหลืองไว้ โดยมีโพรงฟัน (pulp cavity) ซึ่งมีสีค่อนข้างแดง (เพราะเป็นศูนย์รวมของเส้นเลือดและเส้นประสาท) อยู่ข้างในสุด

"หากสังเกตฟันหน้าของเราให้ดีจะเห็นว่า คอฟันมักมีสีค่อนข้างเข้มเนื่องจากเนื้อฟันหนาและเคลือบฟันบาง ช่วงกลางฟันมีสีค่อนข้างขาวเพราะเคลือบฟันหนา ส่วนปลายฟันสีออกขาวใสเพราะเป็นส่วนของเคลือบฟัน สำหรับฟันที่หนาและใหญ่ เช่น ฟันเขี้ยวและฟันกรามน้อย จะมีสีเข้มกว่าฟันหน้าซี่อื่นเพราะมีเนื้อฟันมากกว่า"

กลไกที่ทำให้ฟันเปลี่ยนสี

ตอนเด็กๆ ฟันของเราค่อนข้างขาว แต่เมื่ออายุมากขึ้นฟันของเราจะมีสีเข็มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากองค์ประกอบในฟันมีการเปลี่ยนแปลง เคลือบฟันจะบางลงเรื่อยๆ และอาจมีรอยร้าว ประกอบกับตัวฟันสร้างเนื้อฟันมากขึ้น สภาพของเนื้อฟันบางส่วนเปลี่ยนแปลงไป เหงือกที่อยู่โดยรอบตัวฟันอาจร่นขึ้น ส่วนของรากฟันซึ่งตามธรรมชาติมีสีค่อนข้างเหลืองจึงโผล่ออกมา

นอกจากนี้ยังมีสีจากภายนอกเช่น คราบบุหรี่ ชา กาแฟ หรือสีของอาหาร เข้ามาติดที่ผิวหน้าฟัน ตามปกติเราขจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันหรือให้ทันตแพทย์ใช้เครื่องมือขัดออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเม็ดสีส่วนหนึ่งที่มีขนาดเล็กมาก แทรกซึมเข้าไปติดอยู่ในส่วนของเคลือบฟัน เม็ดสีเหล่านี้จะทำให้ฟันมีสีเข้มขึ้น และไม่สามารถขจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันหรือการขัดฟัน

สารพันวิธีเพื่อฟันขาว

การขัดฟัน ขูดหินปูน ช่วยขจัดคราบสี คราบอาหาร หรือหินปูนที่ติดบนชั้นเคลือบฟัน และตามซอกเหงือก ซอกฟันออกไป ควรหมั่นพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนทุก 6 เดือน

การฟอกสีฟัน เป็นวิธีกำจัดเม็ดสีขนาดเล็กที่ติดอยู่ในชั้นเคลือบฟัน ซึ่งการขูดหินปูนหรือการขัดฟันไม่สามารถขจัดออกไปได้ โดยใช้สารเคมีที่มีส่วนประกอบสำคัญ คือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) ซึ่งจะแตกตัวให้อนูมูลอิสระ เช่น ออกซิเจน ไปทำหน้าที่แตกโมเลกุลของเม็ดสีที่ติอยู่ในชั้นเคลือบฟัน ทำให้มีขนาดเล็กลงและมีสีจางลง หรือกลายเป็นสารที่ไม่มีสีแทน จึงทำให้ฟันขาวขึ้น ตัวยาฟอกสีฟัน เดิมใช้สารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้นสูง ชุบสำลีวางบนหน้าฟัน แล้วกระตุ้นด้วยความร้อนเพื่อให้ปล่อยสารอนุมูลอิสระออกมาทำลายเม็ดสีทันที แต่มีข้อเสียคือ จะทำอันตรายเหงือกและรากฟันไปด้วย ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนามาเป็นเจล ชื่อว่าเจลคาร์บาไมด์ เปอร์ออกไซด์ (Carbomide peroxide) ซึ่งมีความหนืดกว่า นำมาทาเฉพาะบริเวณได้ โดยเจลนี้จะแตกตัว 2 ครั้ง ก่อนทำลายเม็ดสีที่ฟัน จึงปลอดภัยกับเหงือกและรากฟันมากกว่า

วิธีฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์มี 2 วิธีดังนี้

การฟอกสีฟันแบบใช้ถาด

วิธีการ : พิมพ์รูปร่างฟันทั้งปากและทำถาดพลาสติกที่เหมาะกับฟันของผู้ป่วย จากนั้นใส่เจลที่มีความเข้มข้นค่อนข้างต่ำลงไป แล้วครอบฟันไว้ อุณหภูมิในช่องปาก (37 องศาเซลเซียส) จะทำให้เกิดปฏิกิริยาในการฟอกสีฟัน การฟอกแบบนี้มีทั้งแบบที่ใส่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 30 นาที 2-3 ครั้งต่อวัน หรือใส่ก่อนนอนจนถึงเช้า

ระยะเวลา : 7-10 วัน

ข้อดี

เลือกจำนวนซี่ฟันที่ต้องการฟอกได้มากกว่า
ฟอกสีฟันให้ขาวถูกใจได้ตามต้องการ เพราะทำซ้ำได้เองที่บ้าน
ราคาถูก ทำได้ที่โรงพยาบาลรัฐบาล

ข้อเสีย

ใช้เวลานาน
ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก

ผลข้างเคียง : ขณะที่ฟอกอาจมีอาการเสียวฟัน ซึ่งจะหายได้เองหลังฟอกเสร็จแล้ว

ค่าใช้จ่าย : โรงพยาบาลรัฐบาล ราคาประมาณ 3,000-4,000 บาท

การฟอกสีฟันโดยใช้แสงร่วมกับเจลความเข้มข้นสูง

วิธีการ : ใช้แสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเช่น เลเซอร์ หรือแสงสีฟ้าที่มีต้นกำเนิดแสงเป็นพลาสม่าหรือไดโอท ส่งไปให้ตัวรับแสงซึ่งผสมอยู่ในเจลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแตกตัวของสารฟอกสีฟัน การฟอกแบบนี้ใช้สารที่มีความเข้มข้นค่อนข้างสูง จึงต้องระวังเนื้อเยื่อส่วนอื่น เช่นเหงือก กระพุ้งแก้มและริมฝีปาก รวมทั้งต้องระวังแสงที่ใช้ซึ่งอาจทำอันตรายต่อเรติน่าในตาด้วยการปิดเหงือก ปิดตาหรือใส่แว่นกันแสง

ระยะเวลา : 1-2 ชั่วโมง

ข้อดี

- รวดเร็ว
- ไม่ต้องไปทำต่อที่บ้าน

ข้อเสีย

- สีฟันขาวขึ้นน้อยกว่า เพราะฟอกเพียงครั้งเดียว
- ฟอกเฉพาะฟันหน้าที่ยิ้มแล้วมองเห็น ไม่สามารถฟอกฟันซี่ด้านในได้
- รับบริการได้ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้น

ผลข้างเคียง : ขณะที่ฟอกอาจมีอาการเสียวฟัน ซึ่งจะหายได้เองหลังฟอกเสร็จแล้ว

ค่าใช้จ่าย : โรงพยาบาลเอกชน /คลินิก ราคาประมาณ 7,000-18,000 บาท

หลังจากฟอกฟันแล้ว ควรรักษาความสะอาดฟันและขูดหินปูนกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือน และพึงระลึกไว้เสมอว่า สีของฟันไม่ขาวถาวร เมื่อเวลาผ่านไป ปัจจัยทั้งภายนอกและภายในฟันดังที่กล่าวมาแล้ว อาจทำให้สีฟันเข้มขึ้นได้อีก








ข้อมูลจาก //www.kapook.com



Create Date : 24 สิงหาคม 2552
Last Update : 24 สิงหาคม 2552 20:06:47 น.
Counter : 1892 Pageviews.

4 comments
  
ตอนนี้ใช้แบบเจลแล้วเอามาครอบที่ฟันน่ะคะ
ฟันก็ไม่ได้ขาวขึ้นมากเท่าไหร่ แทบไม่แตกต่าง
แต่เสียวฟันมากเลยคะ
อยากฟันขาวๆจังเลย
โดย: น้ำหอม http://www.mizzperfume.com (MizzPerfume ) วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:2:07:36 น.
  
เป็นประโยชน์มากเลยคะ

อยากไปทำอ่า



ว่าแต่...แบบที่เอามาครอบฟันมันไม่ขาวจริงๆหรอคะ

โดย: Liliana_ วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:10:50:19 น.
  
ศึกษาข้อมูลอยู่เหมือนกันค๊ะ
อย่าฟอก แต่กลัวเสียว (เสียวฟันน๊ะค๊ะ!!)
เพราะปกติก้อเสียวฟัยอยู่แว้ววอ๊ะ
โดย: หมวยเล็ก_รักไม่ช่วยอะไร วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:22:08:58 น.
  
เดี๋ยวนี้มีแผ่นฟอกฟันขาว ฟอกสีฟันด้วยนะครับ แผ่นจะมีเจลที่มีสารเดียวกับที่หมอฟันใช้อยู่ ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ครับ //www.crest3d-whitestrips.com
โดย: trailersman (trailersman ) วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:7:26:13 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
สิงหาคม 2552

 
 
 
 
 
 
1
12
18
19
22
25
28
 
 
All Blog