"จีจ้า" เจ็บนี้เพื่อแม่

แจ้งเกิดในวงการบันเทิงด้วยสโลแกน เล่นจริง เจ็บจริง จากภาพยนตร์ ช็อคโกแลต จนกลายมาเป็นสุดยอดนักบู๊หญิงที่ฮือฮาคนหนึ่ง ชื่อเสียงของ จีจ้า ญาณิน วิสมิตะนันทน์ เลยขจรขจายไปทั่วทั้งไทยและต่างประเทศ ปีนี้จีจ้าขอตอกย้ำความสำเร็จอีกครั้งด้วยภาพยนตร์ จีจ้า ดื้อสวยดุ กับลุคใหม่ของเธอ และตอนนี้หัวใจของเธอมีคนจับจองเรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งจีจ้าเปิดใจให้สัมภาษณ์กับ ดาวต่างมุม แบบยาวเหยียดกันเลย

การทำงานของครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วยังไงบ้าง?

จีจ้า : แตกต่างกันในเรื่องของอย่างแรก คือการเล่นแอ๊คติ้ง เรื่องนี้เป็นวัยที่กำลังพูดถึงความรัก ในเรื่องนี้จะเป็นแบบบ้านมีฐานะ แต่ขาดคนเอาใจใส่ เลยต้องไปค้นหาความรักจากเพื่อน เป็นคนที่แสดงออกว่าฉันเข้มแข็ง แต่จริงๆ โดดเดี่ยวอยู่ภายใน แล้วก็ลุคที่เปลี่ยนไป ก็เป็นสิ่งที่พี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว กับ พี่ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล เขาต้องการให้ต่างจากเรื่องแรกโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่เสื้อผ้า หน้าผม การแสดง หรือแม้แต่แอ๊คชั่นก็ตาม เรื่องนี้ใช้เวลาทำงานเพียง 6 เดือน จะมีความหลากหลายมากขึ้น ต้องมีการปรับตัวทั้งแอ๊คติ้งและแอ๊คชั่น ทั้งในเรื่องของจังหวะ การรับส่งอารมณ์ แอ๊คชั่นในเรื่องนี้จะมีความแปลกมากขึ้น มีการนำเอาการเต้นหลายๆ อย่างมาผสม ทั้งบีบอย ลีลาศ กายกรรม ไอซ์สเกต แล้วพัฒนาการบู๊ของเรื่องนี้จะเห็นตั้งแต่บู๊ไม่เป็น จนกระทั่งจริงจังที่ยอมแลกชีวิตเพื่อเพื่อนเพื่อคนที่เรารัก

เรื่องนี้ต้องฝึกหนักขนาดไหน?

จีจ้า : ฝึก 2 เดือนก็พอสมควร ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่คราวนี้ก็มีเพื่อนมาซ้อมด้วย มันก็เลยรู้สึกว่าไม่เครียดมาก แต่ตารางการฝึกก็หนักพอๆ กับตอนฝึกช็อคโกแลตเลย เพราะว่าเรื่องนี้ระยะเวลาสั้นกว่า แต่ต้องทำให้ดีกว่าเดิม เรื่องนี้ไม่ถึงกับยากกว่าเรื่องที่แล้ว แต่ว่ายากคนละอย่าง เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่เป็นก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เรื่องนี้คนดูย่อมคาดหวังมากเป็นธรรมดา มันกดดันอยู่แล้ว เราก็ต้องทำให้ดีที่สุดของเราตรงนี้แล้ว ที่เหลือเราต้องให้คนดูเป็นคนตัดสินใจ แต่ได้ความแปลกใหม่แน่นอน แอ๊คติ้งยากพอๆ กับแอ๊คชั่นเลย มันมีบทบาทมาเกี่ยวข้องเยอะ พอเริ่มเรื่องใหม่เราก็ต้องทำความรู้จักกับบทบาทของเรา ต้องมานั่งคิดว่าอารมณ์นี้ต้องเล่นยังไง ต้องเรียนแอ๊คติ้งเพิ่มขึ้น

จากความสำเร็จที่ผ่านมา ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน?

จีจ้า : แรกๆ พอคนเริ่มจำได้ เรารู้สึกว่าเรากดดัน กลัวว่าเวลาเราออกไปข้างนอกเราจะทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ถูก ระแวงไปหมดจนเครียด จนคนในครอบครัวก็บอกว่า ดารานักแสดงเขายังใช้ชีวิตอยู่ได้ ถ้าเรามาเครียดเราจะอยู่ได้ยังไง เราก็เออก็จริงเนอะ จ้ากลัวปรับตัวไม่ได้ ระแวง กลัวทำไม่ดีกับใครแล้วเราไม่รู้ตัว ทำไปทำมาก็ "เอ๊ะ เราก็ใช้ชีวิตของเราไปดิ มานั่งคิดมากทำไม" ทุกวันนี้ก็ชินแล้ว พอจบเรื่องที่แล้วก็ใช้ชีวิตปกติเลย ขึ้นรถไฟฟ้า เดินช๊อปปิ้งในสถานที่ปกติที่เราเคยเดินเลย

เรื่องที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปโปรโมตต่างประเทศ เป็นยังไงบ้าง?

จีจ้า : เกร็ง เครียดมาก ยิ่งไปโชว์นะจะมือเย็น ปวดท้อง เข้าห้องน้ำบ่อยมาก ทุกวันนี้ไปโชว์กี่ที่ก็ยังไม่ชิน ไปที่ใหม่ก็ไปเจอคนใหม่ๆ กลัวพลาด แต่ในต่างประเทศเขาก็ให้การตอบรับเราดีมาก หลายประเทศที่ไปมาเขาชอบ และมาในรูปแบบแปลกๆ มีตามเข้ามาในเว็บไซต์ที่แฟนคลับทำให้ มีส่งของมาตามเทศกาล ส่งการ์ดมาตลอด ตอนไปทำงานต่างประเทศก็ไม่ได้ปรับอะไรมากนะ เป็นตัวของตัวเองเลย ความจริงก็ไม่ได้ถึงกับเดินทางบ่อยมาก นานๆ จะโผล่มาเป็นซีซั่นมากกว่า อย่างช่วงโปรโมตก็จะไปถี่หน่อย ไปฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ตั้งแต่ไปมาก็ชอบทุกประเทศเลยนะ แต่ที่ชอบเป็นพิเศษก็คือฮ่องกง เพราะว่าเป็นเมืองที่ดาราแอ๊คชั่นรวมตัวอยู่ที่นี่เยอะ เวลาไปจะรู้สึกอินมากๆ เพราะที่นี่เขาจะชอบหนังแอ๊คชั่นกันมากๆ

จากการที่ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างประเทศได้อะไรมาบ้าง?

จีจ้า : ได้ระเบียบวินัยในการทำงาน เราต้องโตขึ้น ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เราทำอยู่ มันไม่ได้ทำเพื่อตัวเองคนเดียว บางทีเหนื่อยๆ อยู่มันหายเหนื่อย เพราะคนที่เขารอดูผลงานของเรามันเยอะมาก ได้เปิดกว้าง ได้เจอความหวังดีหลายๆ รูปแบบ ล่าสุดมีฝรั่งเขียนจดหมายมาจากเยอรมนี บอกว่าชอบคลั่งไคล้จีจ้าให้ส่งรูปใส่บิกินีไปให้ดู แล้วเขาก็ส่งรูปเขามาให้ดูด้วยนะ น่าจะอายุ 50 ขึ้นไปแล้ว แต่ก็โอเค มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียด (หัวเราะ)

ต้องเล่นจริงเจ็บจริงมันคุ้มไหมที่เราต้องเจ็บขนาดนี้?

จีจ้า : ตอบยากนะ บางทีก็รู้สึกคุ้ม บางทีก็รู้สึกไม่คุ้ม มันเกิดความรู้สึกสองแบบ คุ้มที่ว่าความสามารถของเรานำมาใช้เลี้ยงชีวิตประจำวัน ใช้เลี้ยงครอบครัวได้ โดยที่เราภูมิใจและสุจริต แต่บางครั้งรู้สึกมันเจ็บมากไป เจ็บน่ะไม่กลัว แต่กลัวว่าถ้าเกิดเราหลับไปแล้วไม่ตื่น ใครจะดูแลแม่ แล้วถ้าแม่ไม่ได้รู้ว่าเราเดินออกจากบ้านมาเพื่อจะมาตาย หรือมาเดินหายไปจากชีวิตเขา อย่างตอนที่ตกมาจากตึกแล้วหัวกระแทกแล้วหลับไป ยังไม่ได้คุยอะไรกับแม่เลย ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์ เพราะมาถ่ายหนังแล้วอยู่ดีๆ หายไปเลย เขาจะอยู่ยังไง

แต่แม่ก็ยอมให้มาเล่น?

จีจ้า : เขาห่วง แต่เขาไม่ได้ห้าม เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่ทำทั้งหมด เราก็ทำเพื่อเขาด้วย การเจ็บแต่ละครั้งแม่ไม่ดู แม่ร้องไห้ อย่างอันล่าสุด ฉากที่ร่วงลงมา ไปเจ็บที่ประจวบฯ ก็ไม่กล้าบอกแม่ คือรู้สึกว่าเรากลับมาให้เขาเห็นว่าเราแข็งแรงก็โอเคแล้ว จนมีอยู่วันหนึ่งแม่เห็นถุงยาของโรงพยาบาลประจวบฯ แม่ก็ถามว่าไปเจ็บอะไรมา และพอหนังตัวอย่างออกมา แม่เห็นแล้วร้องไห้เลย แม่ก็ได้แต่เตือนว่าระวังดีๆ นะ ลูกสาวยังไงก็ไม่มีใครอยากให้เจ็บ แต่ก็จะบอกแม่ว่า ทุกวันนี้ที่ทำอยู่ก็เพื่อเขา แรงบันดาลใจมีอย่างเดียวคือแม่ ถ้าจ้ามีหนทางอะไรในอนาคตที่จ้าทำได้ จ้าก็อยากลองทำให้เขา ชีวิตของจ้าเพิ่งเริ่มต้นเอง ทุกครั้งที่ถ่ายหนังเรื่องใหม่ เราต้องมานั่งทำความรู้จักกับบทบาทใหม่ของเรา การเรียนรู้มันไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าคุณเก่ง คุณแน่ แสดงว่าคุณฆ่าตัวเอง

จ้ามีไอดอลในการทำงานหรือการดำรงชีวิตไหม?

จีจ้า : การดำรงชีวิตคือคุณแม่ เขาเจออะไรมาเยอะมาก แต่แม่อดทนเลี้ยงลูกจนทำให้จ้าได้มีวันนี้ ส่วนในเรื่องของการทำงานนั้น ไม่ได้ดูใครเป็นพิเศษ เพียงแต่เวลาเราไปดูหนังเรื่องอะไรที่น่าสนใจเราก็เก็บข้อมูลไว้ว่า เขาทำยังไงถึงได้เรียกอารมณ์การแสดงขึ้นมา ทำให้เขาร้องไห้และทุกข์ใจข้างในได้ขนาดนี้

สิ่งที่ต้องการในชีวิตตอนนี้คืออะไร?

จีจ้า : จ้าอยากเรียนให้จบและเก็บเงินสักก้อน ลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว เรื่องเรียนนี่ก็เรียนไปเรื่อยๆ ดีกว่า บอกไม่ได้จริงๆ ว่าจะจบเมื่อไหร่ อย่างช่วงนี้เราก็ต้องเลือกงาน เพราะกลัวทำได้ไม่ดี แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้ดร็อปแล้ว ต้องถูลู่ถูกังไป ตอนนี้ก็เรียนปี 3 แล้ว ที่คณะนิเทศศาสตร์ ม.เกษมบัณฑิต อาจจะต้องลากไปอีกสักปีสองปี ชีวิตจ้ามันก้าวกระโดดไปนิดหนึ่ง คือดันทำงานก่อนเรียนจบ แต่ไม่เป็นไร พยายามเรียนใหม่เอาให้ได้ งานคือสิ่งที่สำคัญสำหรับจ้าที่สุด แต่เรียนก็สำคัญ ทุกวันนี้ถ้าให้เลือกงานกับเรียน เลือกไม่ได้ ยังไงก็ต้องทำคู่กัน งานนี่ก็ไม่ทิ้งแน่นอน เพราะจ้าคือรายได้หลักของบ้าน

ชีวิตรักล่ะเป็นยังไง แอบมีแฟนหรือเปล่า?

จีจ้า : ไม่ได้แอบนะ ก็มีคุยๆ อยู่ตอนนี้ รู้จักมาก่อนที่ ช็อคโกแลต จะฉาย เป็นเพื่อนของเพื่อน แต่ว่ามีเวลามาได้คุยหลังหนังฉายไปแล้ว ก็ได้มาคุยกันแบบจริงๆ จังๆ ก็สุขบ้างทุกข์บ้าง สลับกันไป จ้าใช้ชีวิตปกติเลยนะ ไม่ได้ปิดเลย เวลาไปห้างก็ไปด้วยกันปกติ แต่ก็สงสารคนที่จะมาเป็นแฟนด้วย หนึ่งเลยมันต้องเข้าใจ เราเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ว่าเราไม่เอาแต่ใจนะ เรามีแฟนเราก็เอาแต่ใจ สงสารที่เขาต้องมานั่งดูแล แต่ถ้าเขาเข้าใจอะไรง่าย มันก็โอเค

เห็นเคยบอกว่าถ้ามีแฟนกลัวไม่มีเวลา ไม่มีสมาธิจะฝึกซ้อม?

จีจ้า : พอมีจริงๆ แล้ว มันถึงรู้ว่า เก็บทุกอย่างมาเป็นกำลังใจดีกว่า บังเอิญคนนี้เป็นผู้ชายแบบว่าเนิบๆ เฉยๆ เรียบง่าย ไม่ได้หวือหวาอะไร ไม่มีอะไรต้องห่วง ทำงานปกติ เขากลับเอาใจใส่เรา มากกว่าที่เราเอาใจใส่เขา อย่างเล่นบู๊เป็นธรรมดาของอย่างนี้ ใครก็ห่วง อย่างแม่จ้ายังเคยโทรฯ ไปบ่นกับเขาว่า "น้องเจ็บมาอีกแล้ว ช่วยกันปิดแม่ใช่ไหม" เขาก็ไม่กล้าบอกแม่เรา เพราะเราสั่งไว้ว่าอย่าบอก อารมณ์โรแมนติกก็มีบ้าง แบบว่าอาจจะมีเซอร์ไพร้ส์ เห็นเราเหนื่อยก็อาจจะไปซื้อขนมเค้กมาให้ ซื้อข้าวมาให้ ก็จะมีกุ๊กกิ๊กบ้าง ห่วงใยกัน ทุกอย่างไม่ได้หวือหวาอะไร

ถือว่าเป็นชายในสเปกหรือเปล่า?

จีจ้า : แรกๆ ดูแล้ว รู้สึกว่าเขายิ้มน่ารักดี แต่พออยู่ๆ ไปแล้ว เขาเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียด จำได้ทุกอย่างว่าชอบสีอะไร ชอบทานอะไร ซึ่งปกติผู้ชายจะไม่ค่อยมาตามอะไรแบบนี้ ก็ดีใจที่มีคนมาดูแลเอาใจใส่ พอมาช่วงนี้มันเหมือนเป็นช่วงที่เขารู้สึกว่า มีคนจำเราได้อีกครั้งหนึ่ง เราเริ่มพีค รู้สึกว่าเขาจะเกร็งๆ จะเริ่มเดินห่างเราเลย บางทีก็รู้สึกว่า "เอ๊ะ เราไม่ได้มาด้วยกันเหรอ" เราไม่ได้ว่าจะต้องปิด คบกันเราก็อยากให้เขาสบายใจด้วย แต่ตัวเขาจะกลัวทำเราเสีย มันก็เลยกลายเป็นแบบนี้ไป เขาอายุมากกว่าจ้า 1 ปี แต่เขาเป็นผู้ใหญ่มากกว่าจ้าเยอะ

ลัคกี้อินเกมและลัคกี้อินเลิฟเลยสิ?

จีจ้า : ไม่ ไม่มีอะไร ไม่เป็นอุปสรรค คบกันมีสุขมีทุกข์ ทะเลาะกัน คืนดีกัน เข้าใจกัน เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนลัคกี้อินเกมนั้น มันขึ้นอยู่กับว่าทำหน้าที่ตัวเองได้ดีที่สุดแค่ไหน โอเค ดวงมีส่วน แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำความคิดของตัวเองว่าเราเลือกที่จะทำอะไรมากกว่า

แหม...นอกจากจะ "เล่นจริง เจ็บจริง" แล้ว ยัง "คบจริง รักจริง" อีกด้วยนะเนี่ย




ข้อมูลจาก //www.kapook.com



Create Date : 16 สิงหาคม 2552
Last Update : 16 สิงหาคม 2552 23:08:51 น.
Counter : 787 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
สิงหาคม 2552

 
 
 
 
 
 
1
2
7
8
18
19
22
24
25
26
28
 
 
All Blog