วิธีแต่งหน้าเพื่อซ่อนสิ่งที่ไม่ต้องการ
แม้จะพยายามท่องไว้อยู่เสมอว่า "No body perfect" แต่ผู้หญิงมากต่อมากที่ไม่ค่อยถูกอกถูกใจกับอวัยวะบางส่วนบนใบหน้า สาวที่ตาเล็ก หน้าเหลี่ยม ผิวคล้ำ ฯลฯ เลยขาดความมั่นใจ แต่เทคนิคการแต่งหน้าเพื่ออำพรางข้อบกพร่องต่างๆ บนใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติต่อไปนี้ ช่วยคุณได้ค่ะ
หลักทั่วไปในการแต่งหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
ปลุกผิวให้ตื่น สดชื่นจากข้างใน ทามอยเจอร์ไรเซอร์ หรือครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื่นแต่ไม่มันจนเกินไป มีคุณสมบัติเก็บกักน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่ผิวแห้งง่าย ริมฝีปากเป็นขุย ยิ่งต้องบำรุงเป็นพิเศษ
สีเดียวกับสีคุณ ควรเลือกโทนสีรองพื้นและสีแป้งให้ตรงกับสีผิวของเรามากที่สุด วิธีเลือกให้นำแป้งหรือรองพื้นที่มีโทนสีใกล้เคียงกับสีผิวของเรา 2 - 3 สี มาลองป้ายเป็นเส้นบริเวณแก้มเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง แล้วเชคดูว่าสีไหนดูกลมกลืนกับผิวมากที่สุด จะทำให้คุณได้คำตอบของการแต่งหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
รองพื้นก่อน Make up เกลี่ยรองพื้นไปในทิศทางเดียวกัน โดยให้แบ่งหน้าเป็น 2 ซีก ซ้าย ขวา แล้วเกลี่ยจากตรงกลางไปหาริม ไล่ไปทางซ้ายและขวา โดยไม่ทาหนาเกินไป
การเลือกเครื่องสำอาง ควรเลือกโทนสีของเครื่องสำอางให้ไปในทำนองเดียวกันทั้งอายเชโด้ บรัชออน และลิปสติก แต่ไม่ควรใช้สีเดียวกันทั้ง 3 จุด เพราะใบหน้าจะไม่มีความโดดเด่น ไม่ควรลงสีเยอะเกินไป ทาบางๆ หรือใช้โทนสีอ่อนใสจะทำให้ดูนุ่มนวล สดใสขึ้น
ดูดีภายใต้การอำพราง
ผิวหน้าคล้ำ
จุดสำคัญของการแก้ปัญหาคนผิวหน้าคล้ำอยู่ที่การเลือกโทนสีของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสีผิว คนผิวคล้ำจึงไม่ควรเลือกสีรองพื้นและแป้งสว่างกว่าผิวเพื่อทำให้ใบหน้าของตัวเองดูขาวขึ้น
คนผิวคล้ำสามารถเลือกเล่นสีเครื่องสำอางที่สดใสได้แต่ต้องเข้ากับสีผิวด้วย สิ่งเหล่านี้คุณสามารถทดสอบหรือขอคำแนะนำได้ที่เคาท์เตอร์เครื่องสำอางต่างๆ ซึ่งมีสีให้คุณเลือกมากมายค่ะ
ธีที่ดีในการแต่งหน้าอำพรางวิธีหนึ่งซึ่งใช้ได้กับข้อบกพร่องแทบทุกรูปแบบ คือการดึงจุดโฟกัส เบี่ยงเบนความสนใจบนใบหน้าให้มีความเด่น 1 หรือ 2 จุดเท่านั้น คนผิวคล้ำ อาจดึงจุดโฟกัสไปที่ปากหรือตา เป็นการแต่งหน้าที่ไม่จัดเกินไปแต่น่าสนใจ
ใต้ตาคล้ำ
คอลซิลเลอร์จะช่วยลดความหมองคล้ำได้ ถ้าคล้ำเป็นสีน้ำตาลแดงก็ให้ใช้คอลซิลเลอร์สีเหลืองมาช่วยเบรก ถ้าสีออกม่วงคล้ำให้ใช้คอลซิลเลอร์สีออกเขียวมะกอก แต่สำหรับผิวคนไทยโดยทั่วไป คอลซิลเลอร์สีเหลืองหรือสีพีชจะเข้ากันมากที่สุด การเลือกสีคอลซิลเลอร์ให้เลือกเฉดที่อ่อนกว่าสีผิว 1 เฉด เพื่อจะได้ดึงใต้ตาให้ดูสว่างขึ้น การลงคอลซิลเลอร์ควรลงทีละน้อยๆ ก่อน เพราะถ้าทามากเกินไปจะทำให้เกิดร่องตามร่องผิวใต้ตา การทาครีมบำรุงผิวก่อนจะช่วยลดการเกิดร่องค่ะ
ตาเล็ก พื้นที่เปลือกตาน้อย
ไม่ควรใช้อายแชโดว์โทนสีเข้มเพราะจะยิ่งทำให้ตาดูเล็กและลึกมากเข้าไปอีก การใช้สีพลาสเทลก็จะช่วยให้ตาดูมีสุขภาพดีและกลมโตเป็นธรรมชาติ
การปัดมาสคาร่าจะช่วยให้ตามีบุคลิกภาพต่าง ๆ กันไป ถ้าปัดขึ้นเป็นแนวตรง เส้นของขนตาจะทำมุมพุ่งขึ้นเหมือนลูกศรที่ตรึงตาให้ดูกลมโต ถ้าอยากให้ตาเฉี่ยวก็ให้ดึงมาสคาร่าไปทางด้านหางตา ถ้าอยากให้ขนตาดูยาวงอน ตาหวานซึ้ง ให้ดัดขนตาแล้วค่อยปัดมาสคาร่า อาจใช้สีดำหรือแบบใสก็จะดูเป็นธรรมชาติดี
ปากไม่ได้รูป
เลือกใช้ลิปสติกสีด้านเข้มสำหรับคนที่ริมฝีปากหนา ให้เนื้อปากดูน้อยลง ส่วนคนริมฝีปากเล็กให้ใช้ลิปสติกสีอ่อนเนื้อมันวาว หรือทาลิปกลอสเพื่อให้ปากดูชุ่มชื่น มีน้ำมีนวล การดึงจุดโฟกัสไปที่ตา แล้วทาปากสีอ่อนหรือสีนู๊ดไปเลยเพื่อไม่ให้ปากดูเด่นก็ช่วยได้และเป็นธรรมชาติมากกว่า
หน้าเหลี่ยม โหนกแก้มใหญ่
ปัญหานี้แก้ไขได้โดยการปัดบรัชออนสีเข้มกว่าผิว 1 เฉด ทาทับลงบนโหนกแก้มเป็นแนวทแยงจะช่วยให้โหนกแก้มดูแคบและเล็กลง แล้วเลือกลิปสติกสีเดียวกับบรัชออนก็จะดูเข้ากัน
แต่งให้หน้าดูอ่อนกว่าวัย
การทารองพื้นและแป้งหนาๆ เพื่อปิดริ้วรอยแห่งวัยไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเลยค่ะ เพราะเมื่อรองพื้นแห้งแล้วจะรัดตัวกันทำให้เห็นริ้วรอยมากขึ้น สำหรับวัยนี้การบำรุงผิวด้วยครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์เป็นขั้นตอนที่ควรให้น้ำหนักมากเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น ไม่ควรใช้เครื่องสำอางสีสดมาก คนที่มีฝ้าหรือกระที่โหนกแก้ม ไม่ควรทาบรัชออนเข้มเกินไป ลิปกลอสจะช่วยปิดร่องและริ้วรอยบนริมฝีปากทำให้ปากดูอวบอิ่มอ่อนกว่าวัยค่ะ
ข้อมูลจาก //www.kapook.com