เพิ่มเกราะลูกน้อยสู้"หวัด 2009"
นาทีนี้ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นประเด็นสำคัญของสังคมที่ทำให้หน่วยงานต่างๆ ช่วยกันรณรงค์ป้องกัน
บริษัทดูเม็กซ์ ไฮคิว ร่วมกับโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชศรีนครินทร์ ให้ความรู้เรื่อง เสริมภูมิต้านทานให้ลูกน้อยแข็งแรง สู้ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการระบาดของโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กวัยอนุบาล
ศ.คลินิกเกียรติคุณ น.พ.เสน่ห์ เจียสกุล กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ระบาดได้ง่ายโดยเฉพาะในโรงเรียน คือ ผู้ป่วยเแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนแสดงอาการป่วย โดยช่วง 3 วันแรกจะแพร่เชื้อได้มากสุด และระยะแพร่เชื้อมักไม่เกิน 7 วัน ในเด็กเล็ก แพร่เชื้อได้นานกว่านี้
ดังนั้นหากพบว่าเด็กมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล คัดจมูก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย ควรให้หยุดเรียนทันที เพื่อรักษาตามอาการ หากพบว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ก็จะให้ยาต้านไวรัส โอเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) ใช้รักษาโรคได้ผลดี ถ้าผู้ป่วยได้รับยาภายใน 48 ชั่วโมงหลังเริ่มป่วย
ข้อปฏิบัติสำหรับผู้ปกครองเด็กที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คือ ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อดูแลเสร็จควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทันที ไม่ใช้มือจับต้อง ตา จมูก ปาก ไม่ใช้ภาชนะร่วมกัน ใช้ช้อนกลางทุกครั้ง และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งไข่ นม ผัก และผลไม้ ดื่มน้ำสะอาด นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงบุหรี่และสุรา
สำหรับเด็กปกติ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนวิธีการป้องกันการติดเชื้อโดยอาจแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ การป้องกันภายนอก ซึ่งหมายถึง การปฏิบัติตนเวลาต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เช่น การสอนลูกให้รู้จักปิดปากปิดจมูกขณะไอหรือจาม และสร้างทัศนคิตที่ถูกต้องว่าการใส่หน้ากากอนามัยไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือน่ารังเกียจ รวมถึงการฝึกลูกให้ล้างมือให้เป็นนิสัย
"ในขณะที่การป้องกันจากภายในนั้น ที่มีรายงานทางการแพทย์ในเรื่องการเสริมภูมิต้านทานให้ลูก ตั้งแต่เริ่มต้นด้วยโภชนาการ โดยการเตรียมอาหารให้ลูกได้รับประทานครบ 5 หมู่ รวมถึงการเลือกโภชนาการเสริมพรีไบโอติก คอมบิเนชันส์ ซึ่งมีผลพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ชนิดดีในระบบทางเดินอาหาร ต่อต้านเชื้อโรคอื่นๆ และส่งผลให้เด็กๆ มีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น หากเด็กมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงแล้ว โอกาสติดเชื้อโรคต่างๆ ก็จะลดลง" น.พ.เสน่ห์กล่าวเพิ่มเติม
สมกมล เวชชาชีวะ คุณแม่ของลูกสาวและลูกชายวัยอนุบาล บอกว่า "พอได้ข่าวเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ก็เป็นห่วงลูกเหมือนกัน เพราะพอลูกไปอยู่โรงเรียน เด็กๆ เล่นซนด้วยกันก็มีโอกาสที่จะติดโรคกันง่าย อย่างไรก็ดีทางโรงเรียนได้ออกมาตรการเข้มงวดในการป้องกันการกระจายโรค เช่น คัดกรองเด็กป่วยทุกคนทุกเช้า โดยการวัดอุณหภูมิผ่านช่องหู งดใช้เครื่องปรับอากาศในห้องเรียน และสอนเด็กล้างมืออย่างถูกสุขลักษณะ ส่วนเราให้ความสำคัญกับเรื่องการเสริมภูมิต้านทานในทุกๆ ด้านให้ลูกมาตลอดตั้งแต่แรกเกิด หลังจากลูกถึงวัยหย่านมแม่แล้วก็ให้ดื่มนมเสริมพรีไบโอติก คอมบิเนชันส์ต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรง"
ด้าน โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 น.พ.วิชัย เดชะทัตตานนท์ ผู้อำนวยการแผนกสร้างเสริมสุขภาพ ประกันสังคม กล่าวว่า ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี รวมทั้งสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายแบบต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ
กินอาหารที่มีปริมาณวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว มะละกอ ฯลฯ หลีกเลี่ยงสถานที่คนแออัด ระวังเรื่องการหยิบ จับ สิ่งต่างๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวจับบนรถไฟฟ้า ราวจับบนรถเมล์ เป็นต้น ถ้าต้องจับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ หลังสัมผัสไม่ควรเอามือไปจับบริเวณหน้า ปาก จมูก ของตนเอง ควรรีบล้างมือทันที แต่ถ้าเผลอจับ หรือขยี้ตา จมูก ปาก ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดออก แต่ควรล้างน้ำออก
หากสงสัยว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ร้อยละ 90 ของผู้ได้รับเชื้อหายได้ด้วยการดูแลตนเอง เหมือนการดูแลตนเองจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ทั่วไป เป็นการรักษาตามอาการ เช่น ถ้ามีไข้ควรกินพาราเซตามอล ไม่ควรกินแอสไพริน พักผ่อนมากๆ และดื่มน้ำมากๆ แต่ควรป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไปสู่ผู้อื่นและคนในครอบครัวด้วยการล้างมือ ใช้ช้อนกลาง และการใส่หน้ากากอนามัย แต่หลังจากการดูแลตนเองแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการดังนี้ มีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลียมากขึ้น หอบเหนื่อย หายใจลำบาก มีเสมหะ หรือมีน้ำมูกมากขึ้น หรือมีเลือดปน มีอาการที่ผิดไปจากสภาวะเดิมของร่างกายอื่นๆ
ข้อมูลจาก //www.sanook.com
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [
