"สองภาษา" สร้างได้ตั้งแต่ขวบปีแรก
หากย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ก็ไม่กี่ปีดีดักค่ะ ขนาดเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษเข้มข้นเสียหลายเล่ม ทั้ง Grammar, Verb หรือพวกตระกูล Present (Simple Tense, Continuous..) มากมายก่ายกองไปหมด เรียนจบมาปุ๊บ! ก็คืนวิชาให้อาจารย์เกลี้ยง ตามภาษาเด็กไทยล่ะนะ ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง อิ อิ

ไม่นานมานี้ สบโอกาสเจอเพื่อนของเพื่อนอีกที ชื่อ ฮิเดกิ เป็นชาวเจแปนนิส แต่ไปเรียนที่ออสเตรเลียเสียหลายปี ครั้นเราก็พยายามชวนคุยตามประสาเจ้าบ้านที่ดี ฟุดฟิดฟอไฟ พอไปวัดไปวารอดแต่ก็ร่อแร่เต็มที และด้วยอังกฤษแต่สำเนียงญี่ปุ่นของเจ้าเพื่อนตัวดีด้วย ยิ่งฟังยากมากพาปวดเฮดไปหลายยกทีเดียว

สรุป ขอเล่าสั้น ๆ ได้ความว่า เจ้าฮิเดกิ ซึ่งทำงานเป็นนักข่าวอยู่หนังสือพิมพ์สักฉบับในประเทศสิงคโปร์ แกหลงรักผู้หญิงไทยอยู่คนหนึ่ง ตั้งแต่สมัยที่เรียนออสเตรเลียแล้ว และบ้านสาวเจ้าอยู่ที่ภูเก็ต ก็เลยอาศัยช่วงลาพักร้อน (ดู๊! แทนที่มันจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ กลับติดหญิงเสียนี่) แวะเวียนมาทำคะแนนสักหน่อย-จบข่าว

เรียน 2 ภาษา ช่วยสมองพัฒนาเร็ว

นางรุจา ผลสวัสดิ์ รองผู้อำนวยการผ่ายวิชาการและวิจัยโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงเรียนที่สอนแบบทสองภาษากว่า 200 โรงเรียน ทำให้มากกว่า 50% ของเด็กไทยให้ความสำคัญกับภาษาแม่หรือภาษาไทยน้อยลง ฉะนั้น หากทำให้เด็กไทยมีความคล่องแคล่วทั้งภาษาแม่และภาษาที่สอง พร้อม ๆ กัน จะมีพัฒนาทางด้านสมอง และพัฒนาการทางด้านวิชาการเร็วกว่าคนที่เรียนภาษาเดียว เนื่องจากเกิดการยืดหยุ่นในการคิดกับการเรียน และวัฒนธรรม และการคิดกับวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน

นอกเรื่องเสียนาน แต่ก็เกริ่นให้เข้าใจว่า ด้วยหลักสูตรภาษาอังกฤษในสยามเมืองยิ้ม เรียนทีเป็นสิบ ยี่สิบปี แต่ส่วนใหญ่กลับพูดไม่ได้ ได้แค่ snake snake fish fish ก็มีบางอุตริ ถ้าอยากให้ลูกพูดอังกฤษเก่ง ก็หาสามีเป็นฝรั่งสิ อิ อิ ช่างคิดเนอะ...เรื่องมีอยู่ว่า ท่องเว็บไปเจอหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ อ่านเนื้อหา แล้วก็น่าสนใจ เรียกว่า ไม่ได้ค่าโฆษณาแผงแต่อย่างใด แค่อยากแบ่งสาระดี ๆ เท่านั้น สรุปใจความคร่าว ๆ ได้ว่า

เราสามารถสอนลูกพูดภาษาอังกฤษ ควบคู่ไปกับภาษาแม่อย่างภาษาไทยได้ตั้งแต่ 1 ขวบ (ถือโอกาสเรียนภาษาอังกฤษไปพร้อม ๆ กับลูก หากผู้ที่พูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง)

เทคนิคของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือ คุณพ่อจะพูดอังกฤษกับลูกอย่างเดียว ส่วนคุณแม่ก็พูดแต่ภาษาไทย (วิธีการนี้เรียกว่า OPOL : One Parent One Language)

สอนภาษาแบบธรรมชาติ เน้นการพูดและฟัง ลืมพวกการอ่านเขียน ไวยากรณ์ไปได้เลย

การาพูดต้องเน้นสำเนียงที่ถูกต้อง (เว็บไซต์ตรวจสอบเสียงที่แนะนำคือ //www.thefreedictionary.com)

หยิบสิ่งแวดล้อมมาใช้เป็นโรงเรียน เรื่องราวในชีวิตประจำวันใช้เป็นบทเรียน

พูดภาษาอังกฤษให้เด็กฟังซ้ำ ๆ เดี๋ยวเด็กจะเข้าใจและพูดได้เอง โดยไม่ต้องแปลเป็นไทยก็มีสิ่งประหลาดใจเล็กน้อย (ตามที่ผู้เขียนแจ้งไว้ในหนังสือ) เกี่ยวกับสมองและการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งปัจจุบันลูกสาวผู้เขียนในวัยสองขวบครึ่ง สามารถสลับโหมดพูดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ โหมดไทยก็พูดไทยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ โหมดอังกฤษก็พูดโดยไม่มีคำไทยแม้แต่คำเดียว อย่างเวลาที่คุณพ่อบอกเรื่องราวบางอย่างเพื่อให้ไปบอกคุณแม่ก็จะฟังเป็นภาษาอังกฤษ และก็สามารถนำเรื่องราวไปบอกคุณแม่เป็นภาษาไทยได้อย่างอัตโนมัติ เรียกได้ว่า น้องสามารถแปลความหมายได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ๆ




ข้อมูลจาก Mother&Care



Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2553 21:03:15 น.
Counter : 840 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
กุมภาพันธ์ 2553

 
1
4
5
6
7
9
11
13
15
16
17
18
19
20
22
23
24
26
27
28
 
 
All Blog