Banff National Park เป็น 1 ใน 4 แห่งของอุทยานฯที่ประกอบรวมกันเป็น Canadian Rocky Mountain Parks UNESCO World Heritage Site (อุทยานฯทั้ง 4 คือ Banff, Jasper, Kootenay และ Yoho)
บน Hwy1 ช่วงอุทยานแห่งชาติ Banff ค่ะ
บนถนน HWY1 ในเขตอุทยานฯ จะมีสะพานลอยซึ่งมีต้นไม้ตกแต่งซึ่งหากมองบนสะพานจะดูเหมือนเป็นพื้นป่าปกติ นั่นคือ World Safest Highway ที่แคนาดาลงทุนนับล้านเหรียญ สร้างเพื่อให้สัตว์ป่าเดินข้าม เป็นการรักษาพันธุ์สัตว์ป่าให้ไม่ถูกจำกัดบริเวณ เนื่องจากการตัดถนนแบ่งเขตอุทยานฯเป็นสองฝั่ง มีการตรวจเช็คพบว่าได้ผลเนื่องจากแต่ละปีมีสัตว์ป่าเดินข้ามสะพานนี้เป็นจำนวนไม่น้อย
ถ้ามาจากทางทิศใต้ เมื่อเห็นด่านเก็บเงินค่าชมอุทยานฯ แสดงว่าเข้าเขต Banff แล้วค่ะ
ด่านมี 4 จุด ถ้าเราซื้อบัตรมาแล้วจากด้านอื่นคือ Radium Hot Springs, Jasper National Park, David Thomson Hwy 11 ก็ไม่ต้องซื้อที่นี่ค่ะ แต่คนที่ผ่านเส้นทางเฉยๆโดยไม่หยุดพัก ก็ไม่ต้องซื้อบัตร ยกเว้นเส้นทาง Icefield Parkway ต้องมีบัตรทุกคันค่ะ
ส่วนการเข้าพักในโรงแรมใดๆ ในเขตอุทยานฯ หรือแวะช๊อปปิ้ง แม้จะไม่ออกไปเที่ยวชมสถานที่ ถือว่าได้หยุดพักเที่ยวแล้วค่ะ ซื้อบัตรเหมือนกันค่ะ จุดนี้ใหญ่ที่สุดค่ะ บางจุดมีแค่ 1 หรือ 2 ซุ้มเท่านั้น แสดงว่านักท่องเที่ยวมาจากทางด้านเมือง Calgary มากที่สุด
ถ้าไม่ได้ซื้อบัตร ก็จะเจอเตือนแบบนี้เป็นระยะๆ
หากมาจากทิศเหนือ จะเห็นภูเขาลูกนี้ก่อนเข้าเมืองค่ะ Mt.Rundle เป็นภูเขาทรงสวยแปลกตาค่ะ เห็นใน Brochure ของ Banff ที่ไหนจะต้องรูปนี้ค่ะ เป็นสัญญลักษณ์ของเมืองเลยค่ะ
ต้องจอดถ่ายรูปกันจุดนี้ค่ะ มี Mt.Rundle อยู่ข้างหลัง ไม่มีรูปตรงนี้มาโชว์เหมือนว่ามาไม่ถึง Banff ค่ะ บริเวณริม Hwy ตำแหน่งนี้จะมีจุดชมวิวที่จอดรถได้สะดวกสบาย มีห้องน้ำและ information ย่อยๆอธิบายเกี่ยวกับภูเขาบริเวณนี้ค่ะ
ข้างล่างจุดชมวิวคือ Vermillion Lake มองข้ามทะเลสาบไปมองเห็นจุดๆเคลื่อนที่ได้จำนวนมาก
เลยเอากล้องถ่ายรูปที่มีฟังก์ชันอันน้อยนิดซูมถ่ายรูปมา
ปรากฏว่าเป็นฝุงกวาง คิดว่านับร้อยๆตัวค่ะ เกลื่อนไปหมด
Banff เป็นเมืองเก่าแก่ สร้างเมื่อมีการสำรวจเพื่อสร้างทางรถไฟ Trans Canada Highway (Hwy1) มีขนาดเมืองไม่ใหญ่ มีประชากรเพียง 7 พันกว่าคน คนต่างถิ่นมาทำงานประมาณ 1 พันคน แต่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละถึง 3 ล้านคน เนื่องจากมีการจำกัดขนาดเมือง คนที่จะมาศัยอยู่ที่นี่จะต้องอยู่ประจำและทำงานที่นี่ ไม่อนุญาตให้สร้างเป็นบ้านพักตากอากาศ หรือมาอยู่เพียงชั่วคราว
(ตัวเมือง Banff มองจากภูเขา Norquay)
ภาพในตัวเมืองค่ะ เก่าแก่แต่มีการบูรณะซ่อมแซม ซึ่งต้องคงอนุรักษ์รูปทรงไว้ แลดูสะอาดสวยงามน่าเดินเล่นค่ะ
เฉพาะที่ Banff ที่เที่ยวเยอะไปหมด ผ่านไปไวๆอ่านป้ายไม่ทันค่ะ
เราเลือกไปชมโรงแรมเก่าแก่แต่หรูหรากันก่อนค่ะ Banff Springs Hotel อายุกว่า 120 ปี (1888) สร้างไว้เพื่อเป็นที่พักผ่อนของชาวแคนาดา ลักษณะของโรงแรม เป็นแบบปราสาท Scottish Baronial
Bow Falls อยู่ด้านล่างถัดจากโรงแรมลงมา นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่เดินมาได้ไม่ไกลค่ะ เป็นต้นน้ำของแม่น้ำ Bow แม่น้ำสายสำคัญใน Alberta และเคยเป็นฉากภาพยนต์เรื่อง The River of No Return ที่มี Marilyn Monroe เป็นผู้แสดงนำ ตรงจุดน้ำตกนี้มีทางเดินเลาะริมน้ำชมธรรมชาติเป็นสะพานไม้อย่างดีค่ะ หากมีเวลาหรือพักที่โรงแรมนี้ มีกิจกรรมออกกำลังกายด้วยการเดินเลียบแม่น้ำ และลงเรือล่องแม่น้ำ Bow ไปดู Hoodoos ค่ะ
ล่องเรือแม่น้ำ Bow หน้าโรงแรมค่ะ
ข้ามแม่น้ำ Bow เพื่อไปถนน Tunnel Mountain จะมีจุดชมวิวชื่อว่า Surprise corner อยู่ตรงข้ามโรงแรมค่ะ จากจุดนี้จะชมโรงแรมได้ทั้งหลัง มองเห็นวิวแม่น้ำ Bow ซึ่งเป็นเหวด้านล่าง และมีทางเดินชมแม่น้ำอยู่อีกฝั่ง เป็นจุดที่น่าแวะถ่ายรูปค่ะ
จุดนี้อยู่ตรงข้ามโรงแรม เห็นแม่น้ำ Bow ไหลเชี่ยวกราก กำลังจะลงจุดน้ำตกค่ะ และมองเห็นทางเดินเลียบฝั่งแม่น้ำ Bow
ไปตามถนน Tunnel Mountain ยังมีจุดชมวิวสวยๆ ได้แก่ มี Hoodoos ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของลม และมี Trail ให้เดินชมธรรมชาติแล้วแต่นักท่องเที่ยวจะมีเวลามากเท่าไหร่ค่ะ เที่ยวได้เรื่อยๆทั้งวันตามเวลาที่มีค่ะ
เรือคายัคบริการที่บริเวณน้ำตกหน้าโรงแรม พาล่องมาชม Hoodoos ที่นี่เองค่ะ แล้ววนตามแม่น้ำนี้กลับไปที่ต้นทาง
เส้นทางเดินชมธรรมชาติพร้อมอ่านข้อมูลต่างๆบนเส้นทาง Hoodoos Trail ค่ะ เดินมาแค่นี้ระยะทาง 500 เมตร ยังไปต่อได้อีกค่ะ
เจอกวาง Elk เขางามด้วยค่ะ ถ้าอยู่บริเวณเมือง พบแต่กวางค่ะ และ Elk ก็เดินอยู่ทั่วไปค่ะ มีป้ายเตือนให้ขับรถระวัง Elk ค่ะ
หากเที่ยวหน้าร้อน ประมาณเดือนมิย.-กย. ที่ทำการอุทยาน Parks Canada Administration Office เปิดให้เข้าชมดอกไม้สวยๆใน Cascade Gardens ฟรี พื้นที่กว้างมากค่ะ น่าจะใช้เวลา 1-1.5 ชั่วโมง เดินไปได้จาก downtown ค่ะ สุดถนนข้ามแม่น้ำ Bow ไปก็จะเจอพอดี
สำนักงานเป็นอาคารใหญ่โตมากค่ะ และเห็นคู่แต่งงานมาเดินถ่ายรูป pre-wedding กัน
ออกจากบริเวณแม่น้ำ Bow มา ต้องไปสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดค่ะ นั่นคือการขึ้นกระเช้า Gondola ชมวิวบนยอดเขา Sulphur สมัยก่อนยอดเขานี้เป็นสถานีตรวจอากาศ นักตรวจอากาศของเราเดินขึ้นเขาลูกนี้วันแล้ววันเล่า ปัจจุบันทำทางให้เดินขึ้นได้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่พวกเราตัดสินใจเหมือนกันคือขึ้นกระเช้าทุกคนเลยค่ะ
ใช้เวลา 8 นาทีก็ถึงอาคารข้างบนค่ะ เห็นนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเดินเขากันขึ้นมาเหมือนกันค่ะ
ข้างบนมีทางเดินทำไว้ให้สะดวกแข็งแรงไม่มีไม้แผ่นไหนโยกเลยค่ะ
ทางวนไปมารอบเขา ต้องมีเวลา 1.5-2 ชั่วโมงค่ะ สำหรับการเดินชมทิวทัศน์สวยๆ ระยะทาง 1 กิโลเมตร เดินไปแล้วกลับทางเดิมค่ะ
วิวบนยอดเขาค่ะ
ขึ้นไปได้ถึงยอดเขาซึ่งเป็นสถานีตรวจอากาศค่ะ มีการแสดงเครื่องมือที่ใช้ในสมัยก่อนให้ชมจากภายนอกค่ะ
ใช้ประตูหน้าต่างแบบปิดกระจกกันคนเข้าไปค่ะ
ลงจากกระเช้ามา ใกล้ๆกันมีน้ำพุร้อนให้แช่เย็นๆใจ (แต่ร้อนตัว) เสร็จแล้วกลับไปพักผ่อน แล้ววันรุ่งขึ้นออกมาเที่ยวรอบๆเมืองกันค่ะ แต่ถ้าไม่แช่น้ำแล้วเหลือเวลาซัก 3 ชั่วโมงจะพอทันเที่ยวนอกเมืองค่ะ ไปต่อเลยนะคะ
ข้ามถนน Highway ออกจากเมือง Banff ด้านทิศใต้ (เรียกเหนือใต้ตามเมืองถัดไปนะคะ ที่จริงช่วงนี้ถนนจะหักไปเป็นตะวันออก-ตะวันตกค่ะ) จะมีจุดท่องเที่ยวชมทะเลสาบสวยๆ เรียกว่า Minnewanka Loop ออกมา 2 กม.ก็จะเจอจุดแรกคือ Cascade Ponds มีเก้าอี้ให้นั่งปิคนิครอบๆทะเลสาบเยอะเชียวค่ะ หากมีเวลาเดินรอบทะเลสาบ วิวภูเขาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆค่ะ เนื่องจากเป็นเนินต่างระดับ จากด้านหน้าเห็นภูเขาเต็มลูกหนึ่งเมื่อเดินไปปลายทะเลสาบอีกด้านจึงจะเห็นภูเขาอีกลูกหนึ่งส่วนลูกเมื่อกี้ก็จะหายไปค่ะ ทั้งๆที่ทะเลสาบไม่ได้ใหญ่มากเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีก็น่าจะรอบทะเลสาบค่ะ
ทะเลสาบถัดไปคือ Minnewanka จุดนี้มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดค่ะ โดยมากทัวร์จะมาที่นี่จุดเดียวเพื่อล่องเรือค่ะ
รายละเอียดการล่องเรือชมทะเลสาบค่ะ
ทะเลสาบใหญ่ค่ะ
ในฤดูร้อนจะมีเรือบริการล่องชมทะเลสาบ
Minnewanka Lake เป็นน้ำแข็ง
...โดนแซงโดยแพะเจ้าถิ่นค่ะ วิ่งมาเป็นฝูงซักยี่สิบกว่าตัวค่ะ เลยต้องจอดรอ
จุดชมวิวระหว่าง Minnewanka และ Two Jack Lake
Two Jack Lake อยู่ถัดไปค่ะ มีเก้าอี้ให้นั่งหลายตัว น้ำใสสีสวยค่ะ
แต่ละจุดท่องเที่ยวจะมี information และแผนที่ท่องเที่ยวในบริเวณให้ทราบทุกแห่งค่ะ
หากเราไปเที่ยวเอง ยืนแวะอ่านซักครู่ก็จะทราบว่าจุดที่เราแวะนั้น ควรจะเดินไปทางทิศไหน และไกลเท่าไหร่ค่ะ
บางจุดก็เชื่อมกับที่เที่ยวจุดอื่น เหมาะสำหรับ นัก hiking/trekking ค่ะ บางที่ก็มีเส้นทางให้เดินยาวนับสิบกิโลเมตรค่ะ
Johnson Lake วิวในฤดูร้อน ฤดูแห่งดอกเดซี่ค่ะ
Johnson Lake ฤดูใบไม้ผลิ ตอนทะเลสาบเริ่มละลายค่ะ
มาแถวนี้อาจต้องเตรียมตัวมากหน่อยค่ะ ถิ่นของ Rocky Mountain Goat มาทีไรไม่เคยพลาดต้องเจอค่ะ และมักจะพบมากกว่า 1 ฝูง
กลุ่มนี้ขวางห้องน้ำไม่ขยับไปไหน จ้องอย่างเดียวไม่อยากไล่ค่ะ เจอแบบนี้ไปใช้บริการกันจุดอื่นดีกว่า
พื้นที่แถบนี้เป็นที่สูงและจัดเป็นเมืองที่อยู่สูงสุดเหนือระดับน้ำทะเลของแคนาดา (1,600 เมตร หรือ 4,600 ฟุต) รองจากชุมชน Lake Louise หิมะตกได้ทุกเมื่อแม้กลางฤดูร้อนค่ะ ครั้งหนึ่งเจอลูกเห็บตกหนักกลางฤดูร้อนและเช้าภูเขาก็มีหิมะใหม่ๆปกคลุมเต็มที่สวยมากค่ะ ทำให้เราเริ่มถ่ายรูปกันใหม่เหมือนเพิ่งเดินทางมาถึงเลยค่ะ ในรูปนี้มีพยากรณ์ว่ากลางคืนหิมะจะตกหนัก เช้าขึ้นมาหน้าห้องพักก็เป็นแบบนี้ค่ะ พื้นขาวสวยดียังไม่ถูกใครย่ำค่ะ ได้เก็บวิวที่พักมาหลายภาพก่อนเดินทางค่ะ ข้อดีอีกอย่างที่ชมหิมะตอนที่ไม่ใช่ฤดูหนาวคือมีหิมะขาวโพลนแต่อากาศไม่หนาวค่ะ
เช้านี้ check-out ออกจาก Banff ค่ะ เข้าไป BC ใกล้ค่ำแล้วค่ะ อากาศต่างกันลิบลับ บ้านเมืองสงบเงียบ วันเดียวกันแต่ไม่มีเค้าของหิมะเลยแม้แต่น้อยค่ะ
เมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งในทริปอุทยานแห่งชาติ Banff คือเมือง Lake Louise มีที่เที่ยวและความสวยงามน่าจะมากกว่า (ตามสายตาค่ะ) แต่รูปก็เยอะมาก...ขอยกไปตอนถัดไป อุทยานแห่งชาติ Banff ตอนที่สอง Lake Louise, Moraine Lake และ Bow Valley Parkway ค่ะ
ใช้เวลา 8 นาทีก็ถึงอาคารข้างบนค่ะ เห็นนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเดินเขากันขึ้นมาเหมือนกันค่ะ
//bit.ly/WHATsUP 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [
