เดินบนดิน กินเพียงอิ่ม ส่งยิ้มให้กัน แบ่งปันสู่มวลชน
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
11 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
แง้ม “ตลาดเก้าห้อง” ส่อง “หอดูโจร”

ห้องแถวไม้คร่ำคร่าเบียดกันแน่นเอี๊ยด ย้อมด้วยสีเทาเข้มกระเดียดไปทางดำ

กุดังโรงสีข้าวหลังคาโหว่ คลุมไว้ด้วยกิ่งไม้แห้งระเกะระกะ ไม่ต่างจากเส้นผมแข็งๆ ไร้ชีวิตชีวา

หมู่เมฆน้อยใหญ่ เคลื่อนไปอย่างช้าๆ วันแล้วก็วันเล่า

ความเปลี่ยนแปลงบดกงล้ออย่างไม่หยุดนิ่ง ที่สำคัญไม่เคยก้มหัวให้ใครใดๆ ทั้งสิ้น

ทางเดินที่ซ่อนอยู่ในนั้นคดเคี้ยวลึกลับจริงๆ บางจุดเป็นมุมหักศอกบรรจบถึงตรอกเล็กๆ ไม่มีสิ้นสุด

ผมได้แต่นึกสนุก หากย้อนชีวิตถึงวัยเด็กได้ คงจะสนุกไม่น้อย พวกเราคงพากันเล่นซ่อนหา รึไม่ก็เล่นตำรวจ-ผู้ร้าย วิ่งไล่ยิงกันเหมือนในหนัง

ที่นี่คือ “ตลาดเก้าห้อง” ซึ่งซ่อนตัวเงียบๆ ในตำบลบางปลาม้า ห่างจากตัวอำเภอบางปลาม้าแค่ 3 กิโลเมตร



แถบถิ่นแดนดินนี้เป็นยังคงเป็นแหล่งกสิกรรมสำคัญของประเทศไทยแม้จะผ่านเวลามาหลายชั่วคน ภาพทุ่งนาสุดลูกลูกตา กลิ่นอายความเก่าแก่ของเรือนไม้ทรงไทยที่แทรกในครึ้มร่มไม้เป็นหย่อมๆ กระจายไปตามชายลำคลองน้อยใหญ่ น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้กับผู้คนจากต่างแดน หรือไม่ก็ชาวเมืองรุ่นใหม่ที่ทำเวลาตนเองหล่นหายไปกับวิถีชีวิตแบบใหม่ภายใต้กรอบทุนนิยมได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านแถวนั้นบางเรือนยังคงใช้เรือไปไหนมาไหนอยู่บ้าง แม้ว่าใต้ถุนบ้านแทบทุกหลังจะมีรถกระบะคันเขื่องจอดอวดฐานะอยู่บ้างแล้วก็ตาม



ผมหาอ่านความเป็นมาของตลาดเก้าห้องแบบคร่าวๆ และพยายามเก็บรูปซอกมุมต่างๆ มาฝาก ถ้าจำไม่ผิดในนวนิยายเรื่อง “เจ้าพ่อ-เจ้าเมือง” ของอาจินต์ ปัญจพรรค์ได้กล่าวถึงบรรยากาศแถบถิ่นนี้ได้อย่างชัดใส โดยเฉพาะเรื่องราวของเรือเมล์ที่เมื่อก่อนเคยเป็นพาหนะสำคัญทั่วคุ้งแควแม่น้ำสุพรรณบุรี-ท่าจีน ทุกชีวิตของผู้คนสมัยนั้นต่างคุ้นเคยกับหวูดเรือเรียกผู้โดยสาร ความแม่นยำในการเข้าจอดท่า เป็นวิสัยการบริการที่ดี นายท้ายหล่อๆ พูดจาเข้าท่าเหมือนพระเอกยี่เก ยิ่งเป็นที่ติดใจพวกสาวแก่แม่ม่าย เส้นทางคมนาคมทางน้ำจากจังหวัดภาคเหนือเริ่มต้นตั้งแต่ปากคลองมะขามเฒ่า



แถวชัยนาท มาสุพรรณบุรี ผ่านนครปฐมและไปออกทะเลที่ท่าจีน-สมุทรสาคร แม่น้ำสายนี้คึกคักคึกครื้นมีอัตลักษณ์เด่นชัด ผมคิดว่าจะรองก็แต่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ใหญ่กว่าเท่านั้น

ในรายละเอียดที่เก็บมาฝาก ผู้คนที่นั่นให้ความสำคัญกับ บุญรอด เหลียงพานิช หรือ “ฮง” ลูกชาวจีนโพ้นทะเล ที่ได้มาลงหลักปักฐานทำกิจการค้าขาย แล้วต่อมามีฐานะเป็นผู้นำชุมชน เป็นบุคคลสำคัญยิ่งในการพัฒนาสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือเมล์ ตรอกซอกซอยที่ค่อยๆ ขยายเป็นรากฝอยออกจากถนนเส้นกลางที่เริ่มมาจากท่าเรือ



ผมอยากจะเล่าเพิ่มเติมอีกสักหน่อยนะครับ หากสืบเค้าให้ไกลกว่านี้อีกสักราวรัชกาลที่ ๓ หรือประมาณ 150 ปีก่อนหน้า สถานที่แห่งนี้ยังมีเรื่องราวให้สืบค้นอีกมากมาย อย่าได้แปลกใจเลยหากใครก็ตามเคยจะได้เห็นร่องรอยการบูชาผีแถน รำผีฟ้า แม้กระทั่งการเล่นบั้งไฟอันเป็นวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธ์ผู้ไท



นั่นก็เพราะว่าเดิมทีเดียวผู้คนแถบนี้เป็นพวนหรือผู้ไทพวน ซึ่งถูกกวาดต้อนมาจากเมืองพวน ใกล้ๆ กับ “เชียงขวาง” เมืองทางตอนเหนือของ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปัจจุบัน

หัวหน้าชาวพวนยุคนั้น ก็คือ “ขุนกำแหงลือชัย” นั่นเอง ราชสำนักไทยให้บรรณาศักดิ์ “ขุน” และมอบหน้าที่เก็บส่วยสาอากรจากชาวบ้านแถบนั้น ท่านผู้นี้แหละที่เป็นผู้ให้กำเนิดตลาดเก้าห้อง และเป็นบรรพชนสำคัญของที่นี่



นายบุญรอด หรืออาฮงที่ผมกล่าวถึงตอนต้น ผมว่าแกน่าจะเก่งกาจน่าดู แรกๆ ก็คงผูกแพค้าขาย ต่อมาก็พัฒนาเป็นห้องแถว ยิ่งพอมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญก็คือพอได้หลานสาวเจ้าของตลาดซึ่งเป็นผู้มีบรรณาศักดิ์มาเป็นภรรยา การค้าขายก็เจริญรุดหน้ากว่าใคร

ไม่มีใครไม่รู้จักอาฮง แต่ทว่าความร่ำรวยเป็นดาบสองคมโดยเฉพาะเมื่อข่าวนี้แว่วเข้าถึงหูมิจฉาชีพ
ครับอาฮงถูกปล้นเสียทรัพย์สินไปมาก ที่สำคัญเมียแกก็ตกตายกลายเป็นเหยื่อโจรอย่างน่าเศร้าใจ

แม้ว่าทางการจะติดตามไล่ล่าโจรได้สำเร็จสามารถนำทรัพย์สมบัติมามอบคืนให้ หลังจากนั้นแกก็คิดสร้างหอดูโจรขึ้น เพื่อจัดกำลังเฝ้าระวัง เมื่อมีผู้ร้ายบุกเข้าตลาดก็สามารถส่องยิงลงมาจากช่องที่ถูกเจาะไว้ตามด้านต่างๆ หลายระดับความสูงทั่วทุกสี่ด้าน



หอดูโจรสูงประมาณตึก ๔ ชั้น กว้าง ๓ เมตร ยาว ๓ เมตร บันไดเหล็กเล็กๆ พาพวกสอดรู้สอดเห็นขึ้นไปสู่ชั้นดาดฟ้า กระทั่งมีโอกาสบันทึกภาพมุมสูง ซึ่งระดะไปด้วยอาคารไม้เก่าๆ คลุมด้วยสังกะสีสีเข้มๆ มาได้หลายภาพ



ตั้งแต่ปี ๒๔๗๗ ซึ่งเป็นปีที่สร้างหอดูโจรเสร็จ มีการเปิดใช้ได้ได้เชิญพระยารามราชภักดี พ่อเมืองสุพรรณสมัยนั้นมาทำพิธี ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่มีโจรสำคัญ กล้าบุกเข้ามารังควานชาวตลาดเก้าห้องอีกเลย

ไม่ผิดหวังแม้สักน้อยเลยดอกนะ สำหรับคนยุคนี้ที่อาจตามหาเรื่องราวเก่าๆ ของตนเองที่เผอิญหล่นหายโดยไม่รู้ตัว ถูกเงื่อนไขสังคมสะกดวิญญาณให้เป็นแค่นอตตัวหนึ่งทำงานหาเงินแทบเป็นแทบตาย ที่สุดก็ลืมภูมิหลัง ไม่มั่นใจเลยที่จะพูดถึงเรื่องราวเก่าๆ ของตนเอง



ชาวตลาดเก้าห้องอยู่รอดปลอดภัยมาได้เพราะหอสูงทรงจีนแห่งนี้เอง จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อนอะไรนัก ผิดกับสมัยนี้นี่ซี เทคโนโลยีต่างๆ พัฒนาไปไกลเหลือเกิน ความคิดคนก็ซับซ้อนไปมากยิ่งกว่า ที่สำคัญด้านดีๆ ไม่ค่อยมีให้ปรากฏมีแต่เรื่องราวร้ายๆ ฉายซ้ำทางสื่อต่างๆ ไม่เว้นวัน ผมนึกไม่ออกว่าจะหาสถาปัตยกรรมใดมาป้องกันผู้ร้ายของยุคสมัยเราให้ได้ผล

หอดูโจรยุคเราจะออกแบบกันอย่างไรเป็นเรื่องน่าคิดนะครับ


ศานติ เพียงใจ




Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2553 17:41:53 น. 6 comments
Counter : 1420 Pageviews.

 
ถ่ายรูปสวยจังเลยค่ะ พอดีเป็นมือใหม่ ถ่ายยังไม่สวยเลยค่ะ



โดย: ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:42:44 น.  

 
ได้ความรู้ความเป็นมาของชาวบางปลาม้า และตลาดเก้าห้อง

ความรุ่งเรื่องเหมือนจะหยุดนิ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว

เพียงแต่มีถนนมากขึ้น แม่น้ำลำคลองหมดความสำคัญ

เรือเมล์ก็หายไปอย่างไม่มีวันกลับมา

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ครับคุณสันติ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:31:51 น.  

 


มาส่งเทียบเชิญ ให้ลองไปอ่านนวนิยายสไตล์นักสู้

นำเสนอเรื่องราวของเด็กหนุ่มนักสู้บนสังเวียนมวยและสังเวียนชีวิต

ในเรื่อง...

"สังเวียนคน"


เรื่องราวดุเดือดถึงเลือดถึงเนื้อ

ขอเชิญติดตามชมได้แล้วครับ....


โดย: ลุงแว่น วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:13:10 น.  

 


มาแจ้งข่าวว่า

สังเวียนคน

ตอนที่ 2 ตอน "กินโต"


ลงโรงฉายแล้วครับ....


โดย: ลุงแว่น วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:01:57 น.  

 

สังเวียนคน ภาค 3

"ผู้ชนะ"





ลงโรงฉายแล้วครับ

เชิญติดตามวิถีชีิวิตของเด็กหนุ่มที่กำลังเดินทางมาถึงจุดหักเหสำคัญ ได้แล้วครับ.....


โดย: ลุงแว่น วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:23:01 น.  

 



"สังเวียนคน"

ตอนที่ 4 "ผู้แพ้"





เรียนเชิญมาช่วยกันเชียร์ช่วยกันลุ้น

ลูกผู้ชายนักสู้ที่ชื่อไอ้ตงกันต่อครับ...


โดย: ลุงแว่น วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:47:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sarntee
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add sarntee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.