Group Blog
 
<<
เมษายน 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
11 เมษายน 2556
 
All Blogs
 

ตอบคำถามนายหน้า เบื้องต้น

ผมได้รับคำถาม 6 ข้อ ทางหลังไมค์จากเพื่อนสมาชิก
จึงขออนุญาตนำมาตอบ ใน blog 
เพื่อเป็นประโยชน์ ต่อผู้สนใจทั่วไปคับ 

1. เป็นไปได้ไม๊ครับถ้าผมจะเป็นนายหน้าโดยไม่ทำทั้งสัญญาเปิดและปิดเลย

มีโอกาสจะได้ค่าตอบแทน ( ค่าคอม ) ไม๊ครับผมต้องใจแข็งกว่านี้รึเปล่าครับ

(กรณีเจอคนซื้อและคนขายที่เป็นคนดีนะครับ)

2. ผมอยากรู้เรื่องกลไกราคาตลาดมีวิธีหาได้จากที่ไหนบ้างครับ นอกจากในเน็ต( บ้านที่ประกาศขายใกล้เคียงกัน )ผมอยากทราบราคาจริงๆที่เค้าขายกันได้จากแหล่งไหนบ้าง

3. ผมไม่ชอบบวกราคาเวลาขาย และไม่นิยมกดราคาบ้านมันทำให้ปิดการขายยากไม๊ครับ

4. สำหรับอาชีพนี้ต้องรู้อะไรบ้างครับ (หลังๆเริ่มมีคนฝากผมขายที่ดิน เจอคุณนายทุน ซึ่งไม่ค่อยรู้ระบบพวกนี้เลยครับ )

5. ถ้าอยากทำอาชีพนี้อย่างจริงจัง อะไรสำคัญที่สุดและต้องเรียนรู้ หา มีอะไรเพิ่มไม๊ครับ

6. ผมโดนเบี้ยวค่าคอมไป 3 ครั้งแล้วครับไม่อยากให้เกิดอีกเลย

1. เป็นไปได้ไม๊ครับถ้าผมจะเป็นนายหน้าโดยไม่ทำทั้งสัญญาเปิดและปิดเลย

มีโอกาสจะได้ค่าตอบแทน ( ค่าคอม ) ไม๊ครับผมต้องใจแข็งกว่านี้รึเปล่าครับ

(กรณีเจอคนซื้อและคนขายที่เป็นคนดีนะครับ)

ตอบ .... เป็นไปได้ครับแต่ผมทำที่เชียงใหม่

ผมจะเป็นนายหน้าให้คนซื้อ พอวันโอนคนซื้อหักค่านายหน้าให้ตามส่วน

เช่น ได้นายหน้า 3% ผมได้ ครึ่งหนึ่ง คือ 1.5%

นอกจากนี้ พอผ่านไป 10 - 15 ปี

เวลาคนซื้อ จะบอกขายก็ให้ผมเป็นคนบอกขาย

ผมจะได้ค่านายหน้าอีกครั้งหนึ่งขณะบอกขาย ราคาจะสูงกว่าราคาซื้อมากๆ

ทำให้ได้รายได้เป็นกอบเป็นกำผมโชคดีมาก ที่เจอคนซื้อที่มึคุณธรรม

เขาเป็นนักธุรกิจ อยู่ในกทม. ครับ

2. ผมอยากรู้เรื่องกลไกราคาตลาดมีวิธีหาได้จากที่ไหนบ้างครับ นอกจากในเน็ต( บ้านที่ประกาศขายใกล้เคียงกัน )ผมอยากทราบราคาจริงๆที่เค้าขายกันได้จากแหล่งไหนบ้าง

เรื่องกลไกลตลาด ดูได้จาก การเทียบเคียงจากราคาประเมินของกรมที่ดิน
เช่น ราคาตึกแถว ที่สุขุมวิท ซอย 103 ขายห้องละ 6.5 ล้าน
ราคาประเมิน บอกห้องละ 5.0 ล้าน เก็บตัวเลขทำนองนี้ ไปทุกที่
หลายๆ จุด ที่เป็นตึกแถวใน สุขุมวิท 103 ราคาจริง 4.5 ล้าน ราคาประเมิน 5.5 ล้าน

ราคาจริง 8.5 ล้าน ราคาประเมิน 7.5 ล้าน
จะเห็นว่ามีส่วนต่างกันอยู่ประมาณ 20
% เราก็ใช้เกณฑ์ นี้ไปคาดการราคา

2.1 ทีนี้ แต่ละพื้นที่ มีส่วนต่าง ไม่เท่ากันต้องดูเป็นพื้นที่ไป
และดูว่า เป็นอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างชนิดใด เป็นที่แปลงเล็กหรือใหญ่
การเทียบเคียงราคา ต้อง ดูเป็นกลุ่มๆ พวกๆไป เช่นหมู่บ้านจัดสรร ระดับ
B+

ระดับA หรือระดับ C+ต้องจัดให้เข้าพวกก่อน แล้วจึงเทียบเคียงราคา
ที่ดิน แต่ละแปลง ถ้าหน้ากว้าง หรือแคบ ก็จะทำให้ราคาต่างกัน
ถ้าแปลงเล็กแต่ติดถนนใหญ่ ก้อดูว่า ทำตึกแถวได้ไหมเรามักจะหารด้วยหน้ากว้างของตึกแถว
คือ 4.0 เมตร แล้วเว้นระยะห่าง ด้านข้างไว้ 4 เมตร
บางพื้นที่ ติดเขตสีเขียว ต้องมีเว้นวรรค ทุกๆ 2 -3 ห้องด้วย
ต้องดูผังเมืองประกอบอีกชั้นหนึ่ง

3. ผมไม่ชอบบวกราคาเวลาขาย และไม่นิยมกดราคาบ้านมันทำให้ปิดการขายยากไม๊ครับ

ตอบ...... ถ้าเราเป็นคนขาย อาจตกลงกับเจ้าของว่าผมเรียกราคาไปที่ 1.1 เท่านะ
เช่น 20 ล้าน ก็บอกไป 22 ล้าน
เนื่องจากคนซื้อมักจะต่อรองลงมา และบอกเจ้าของว่า ส่วนต่าง เราไม่รับ
เรารับเฉพาะนายหน้า
หรือถ้าเจ้าของเขาใจดี เขาจะแบ่งส่วนเกินนี้ให้เราครึ่งหนึ่ง
ผมก็เคยทำ แต่ไม่เคยได้ เพราะคนซื้อเขี้ยวมาก บางรายต่อรองราคาเหลือครึ่งเดียว
เราต้องทำใจ แต่ควรเก็บเบอร์เขาไว้
ถ้าเขาเป็นนักซื้อที่ดิน เขาอาจมีที่ดิน แปลงเหมาะๆ อยู่ในมือ
วันหลังเราคบเขาไว้ก็ไม่เสียหลาย อาจนำที่ดินเขามาขายได้ในภายหน้า

การบวกราคา เพียงเล็กน้อย เป็นกลยุทธในการขาย
หากเรามีความคิดจะบวกราคา เราต้องแจ้งเรื่องนี้กับเจ้าของก่อนเสมอ
หากเจ้าของเขา ไม่อนุญาต เราก็ทำไม่ได้ และต้องบอกเขาว่า

ส่วนเกินราคาเราไม่รับ เว้นแต่ เขาจะให้หรือแบ่งให้เราครึ่งหนึ่ง
เราไม่ควรรับเกินกว่านั้น ไม่งั้นซื่อเสียงระยะยาวจะเสียหาย

4. สำหรับอาชีพนี้ต้องรู้อะไรบ้างครับ ( หลังๆเริ่มมีคนฝากผมขายที่ดินเจอคุณนายทุน ซึ่งไม่ค่อยรู้ระบบพวกนี้เลยครับ )

ตอบ ...

1. รู้ภาวะเศรษฐกิจ ทั้งจุลภาคและมหาภาค(ผมเรียนมาบ้าง 2 -3 วิชา)
เพื่อคาดการณ์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหน้า
เช่น ตึกแถว ในพื้นที่หมู่บ้าน
CCB มีการสร้างมา เกิน 100 ยูนิต
จะทำให้ขายยาก และทำราคาไม่ได้ ตรงนี้เป็น เศรษฐศาสตร์ จุลภาค

ส่วนการลงทุน รถไฟฟ้า และการสร้างถนน หรือ infrastructureของรัฐ
ขนาด 2.2 ล้านล้าน นั้น จะทำให้เกิดภาวะเศรฐกิจดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ในช่วง 2-3 ปีหลังจากการเริ่มลงมือจ่ายเงินเข้าสู่ระบบ  เรื่องนี้เป็น เศรษฐศาสาตร์ มหาภาค
คือการลงทุน หรือการใช้จ่ายภาครัฐ จัดอยู่ในเศรษฐศาสตร์ มหภาค
อัตราดอกเบี้ย ต่ำกว่า 3%   จะช่วยกระตุ้นอสังหาได้ดี 

เช่นกัน ดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้ตลาดหุ้นดีขึ้น  การส่งออกจะมากขึ้นถ้าค่าเงินอ่อนค่าลงเล็กน้อย
การท่องเที่ยวจะดีขึ้น เรื่องเหล่านี้เป็นเศรษฐศาสตร์ มหภาค
ดังนั้น ลูกค้า หรือคนที่ทำธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องจะมีเงินพอจะซื้ออสังหาได้

ถ้ามีเงินในระบบมากขึ้น และมีการคุมอัตราเงินเฟ้อให้ดี

 คนจะบริโภคมากขึ้น จะซื้อของมากขึ้น

เงินจะเข้ามาในระบบมากขึ้นจะส่งผลต่ออสังหาในเมืองเป็นอันดับแรก

2.ต้องรู้แหล่งทำเลทอง หรือที่จะเป็นทองในอนาคต
เช่น รอบๆ สุวรรณภูมิ ใกล้รถไฟฟ้าในกทม. ใกล้สถานีใหญ่ ที่ต่างจังหวัด

2.1 จะต้องมองต่อไปว่า จากรถไฟความเร็วสูงไปต่างจังหวัดนั้น
จะมีอะไรกระทบต่อเนื่องไปอีก เช่นสายการบินถูกกระทบ

ผลของการมีสถานีรถไฟความเร็วสูง จะมีอาชีพรับส่งคนโดยสารตามหัวเมืองมากขึ้น
หากเป็นสถานีปลายทางที่ห่างไกลเมือง อาจมีการสร้างตึกแถวใกล้ๆ ได้
ถ้ารู้ตำแหน่ง และ แผนผัง ของสถานี จะทำให้ได้เปรียบ และวิเคราะห์ ได้ถูกต้อง
นอกจากนี้ คนที่ทำงานที่เกี่ยวข้องจะมีรายได้มากขึ้น อาจเป็นฐานลูกค้าในอนาคตได้

2.2 ทำเลทองรอบๆ นิคมอุตสาหกรรมที่เปิดใหม่
ถ้า
scale ใหญ่ระดับหมื่นล้าน ฝั่งตรงข้าม หรือ ระแวกใกล้เคียง
จะเป็นทำเลทอง ถ้าเราสามารถจับจองที่ดิน หรือมีรายชื่อคนซื้อทุนหนาๆไว้แล้ว
เราสามารถทำกำไร ได้โดยยอมซื้อเก็บไว้ในวันแรกๆ เช่น 1 -2 ปี ก่อนที่นิคมจะเปิด
ต่อมา  ที่ดินแถวๆ นั้น จะมีราคาสูงมาก
2.2.1 ควรหาตำแหน่งที่เป็นตลาดสด (ตลาดขายของหลังเลิกงานไว้ด้วย)

2.2.2 เนื่องจากเป็นนิคมอุตสาหกรรม พวก infrastructure ต่างๆจะพร้อม
ดังนั้น ที่ดินแถวๆ นั้น หากราคาสูงไปบ้าง ต้องทำใจซื้อเก็บไว้
ถ้าเป็นพื้นที่อื่นๆ ต้องดูถึง สายไฟฟ้า โทรศัพท์ ประปา ให้ครบ
ข้อสำคัญ ต้องดูว่า ถนนหน้าที่ดิน เป็นถนนสาธารณะหรือไม่
หากไม่ใช่ จะทำให้การซื้อขายยากลำบากขึ้น

3. ต้องรู้หลักจิตวิทยา ต้องรู้ปูมหลังทั้งคนซื้อและคนขาย
4. ต้องรู้หลักคุณธรรม

5. ต้องรู้มารยาทสังคม และมารยาทผู้ดี
6. ต้องพยายามอ่านใจคนซื้อและคนขายให้ทะลุ (เรื่องนี้ยาก คงต้องใช้เวลา)

7. ต้องรู้ว่า การเจรจาความนั้น ต้องทำไปโดยสุภาพ ทั้งสีหน้า น้ำเสียงและแววตา
ห้ามหลุด ห้ามปล่อย
Here หรือ หมาออกจากปากเป็นอันขาด ไม่งั้นเสียเงินเสียเวลา
การดูละครน้ำเน่า แล้วเก็บไปใช้ ในการตีสีหน้า และน้ำเสียง จะช่วยได้มาก
7.1 ไม่ควรพูดคำว่า “ไม่” “ ไม่ได้” หรือ พูดเชิงตำหนิ คู่เจรจา
ควรเลี่ยงไปว่า ครับผมแล้วผมจะเจรจาให้ว่าพอจะลดได้อีกสักนิดไหม

ทั้งๆที่เขาต่อรองราคามาสุดกู่แล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่จะขายเราก็จะไม่ปฏิเสธ หรือว่ากล่าวไป
 ให้ขอบคุณที่เขาต่อราคามา
ให้รับคำต่อรองนั้นไว้ แล้วตอบไปว่า จะหาทางดู (ห้ามพูดกระแทกไป ในทันที
ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง จะทำให้เสียโอกาสในภายหน้า)

เช่นกันคำว่า "ไม่แน่ใจ" ก็ไม่ควรพูด คำนี้ ขอเป็นคำ "ห้ามขาด"
มรึงริอ่านจะมาเป็นนายหน้า เสือก ไม่แน่ใจ ก้ออย่ามาทำเลนฟะ
อะไรที่ไม่รู้ก้อบอกไม่รู้ แล้วจะหารายละเอียดมาให้ ห้ามพูดว่าไม่แน่ใจ
ทุกวันนี้ เห็นคนไม่มีความรู้ พูดว่า "ไม่แน่ใจ" เกลื่อนเมือง น่ารำคาญเสียจริง
คนมีเงิน นั้น เขาไม่มีเวลาพอที่จะซักไซ้ไล่เรียงดอก อะไรที่รู้ ก็บอกไป
อะไรที่ไม่รู้ก้อบอกไป ไม่ต้องให้เขามีเครื่องหมายคำถามตัวโตไว้ในสมอง

เขาจะเกิดความไม่ประทับใจเอาได้ มันเป็นผลเสีย อย่างยิ่งครับ

อย่าลืมนะครับ ว่าคนซื้อที่ต่อราคา หมายถึงว่าเขามีเงิน
และพร้อมจะซื้อ และหมายถึงว่า เขาอาจมีที่ดิน หรืออสังหาแปลงอื่นในมือ
เราอาจทำประโยชน์ในภายหน้าได้ ตรงนี้สำคัญมาก ต้องบันทึกชื่อ+เบอร์โทรเก็บไว้ด้วย

บันทึกวันเวลา ปีพศ. พร้อมทั้งทำประวัติการติดต่อครั้งแรกไว้
บันทึกว่าเป็นที่ดินหรือบ้านแปลงไหน   เอาไว้อ้างอิงในภายหน้า

หรือ หากบางทีเราอาจมีอสังหาที่เหมาะกับเขาในวันหลัง เราอาจนำเสนอขายเขาก็ได้
หากเสนอไป แมร่งต่อครึ่งราคาทุกที ก้อไม่เป็นไร

ด้วยวันหน้า ถ้าเรามีลูกค้า อยากได้อสังหาเราก็ลองโทรติดต่อดู
เขาอาจมีในมือก็ได้ คราวนี้แหละ เราเป็นฝ่ายซื้อ เขาต้องง้อเราตามสมควร
ประกอบกับ ที่เราได้พูดเจรจาความเป็นนกขุนทองพูดไพเราะไว้เมื่อครั้งก่อน

อาจทำให้เขาจำได้ หากเขาจำไม่ได้เราก็เอาบันทึกที่เราติดต่อเขาไว้
ว่า เมื่อ เดือน อ้าย ปีวอก พศ. 2499 นั้นเกล้ากระผม ได้เคยติดต่อท่าน
เรื่องการซื้อขายที่ดิน แปลงอำแดงเหมือนคลองสิบหกอย่างไรล่ะขอรับกระผม
ท่านเจ้าคุณ ‘วรานัช’ หรือ เฮีย ‘แหงหางเดี้ย’(ห้ามผวน) ท่านจะได้ระลึกได้

ไม่ว่าจะระลึกได้หรือไม่ ก็ช่างหัวท่านประไรมี

เราก็พูดธุระของเราให้เสร็จ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ท่านจะมีอสังหาที่ลูกค้าเราอยากได้อยู่ในมือ
หรืออาจถามต่อ
ว่า ท่านพอจะมีคอนโด ที่ไหนอยู่ในมือบ้าง
อย่างนี้ ถือว่า บันทึกไว้ไม่เสียหลาย

มารยาท การคุยโทรศัพท์ ต้องมีพร้อมและควรถามเสมอว่า
เวลาที่จะสะดวกให้โทรมานั้นเป็นเวลาไหน แล้วบันทึกไว้เสมอ
จะได้ไม่หลุดเรื่องมารยาทผู้ดี

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้สำคัญมากสำคัญต่ออาชีพนายหน้า และความก้าวหน้าในอาชีพ

8.ต้องรู้วิธีการอธิบายความ แบบมองเห็นภาพโดยกระชับ และได้ใจความ

เช่น เข้าถนนราชพฤกษ์ เริ่มจาก ถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าบรมราชชนนี(ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี)
คอนโดอยู่ซ้ายมือ แถวๆ ทางแยกเข้าจรัล13

ห้ามพูดว่า “ใช่ไหม” คำนี้ น่ารำคาญมากๆ(กรูจะรู้หรือไม่ ก็ไม่รู้ ถามอยู่ด้ายย “ใช่ไหม” )
ไม่ใช่ควรบอกว่าอยู่ถนนราชพฤกษ์แถวบางแวกทางซ้ายมือ

อย่างนี้ คำว่าซ้ายมือ นั้น มันไม่ได้บอกว่า ทิศไหน

ดังนั้นก่อนบอกว่า “ทางซ้ายมือ”ให้บอกทิศการเดินทางของรถยนต์ซะก่อน
หลายคนมักบอกชื่อสถานที่ ชื่อร้านอาหาร ซึ่งเวลาต่อมา ร้านอาหารอาจเลิกกินการได้
ให้บอกเป็นระยะทาง เช่น เข้าไป กิโลครึ่งให้สังเกตป้าย จรัล 13 แล้วออกทางขนาน
หากมีการเข้าซอยไป ให้บอกเลขซอยไปด้วย
และบอกด้วยว่า เข้าซอยไป 300 เมตร แยกแรกขวามือ คอนโดอยู่ซ้ายมือหลังจากเลี้ยวไปแล้ว

มีคอนโดแห่งเดียว

เส้นทางที่จะบอกทางนั้น เราต้องท่อง เป็นภาพจดจำให้ได้
หากเป็นกทม. ให้ใช้
Google map street viewจะช่วยได้มาก

หากไปไม่เป็น ให้นัดพบกันที่ใดที่หนึ่ง ที่สำคัญเช่นวัด โรงเรียน
สถานที่ราชการ จะช่วยให้หากันได้ง่ายขึ้น

ถ้าเป็นตรอกซอกซอยเล็ก ๆ เราต้องเข้าไปวนๆดูสองสามรอบ

ถ้าเป็นไปได้ เราควรเดินดู หรือขี่จักยานวนๆ ดู
ผมมีรถจักรยานติดท้ายรถไว้ในบางครั้ง บางครั้งก็เดินๆ ดู

อาจทำทีแวะร้านกาแฟ ร้านขายเครื่องดื่มดูทำเลไปด้วย
ถ้าเป็นถนนแคบ ให้ดูว่า มีที่จอดรถไหม มีพอเพียงแค่ไหน
มีการเก็บขยะ หรือมีเสียง กลิ่นรถกวนแค่ไหนอย่างไร

สภาพสานที่สะอาดพอไหม สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อทั้งสิ้น ให้เราทำตัวเป็นคนซื้อเรือนพอแรกไว้ทุกครั้ง

สมมุติว่า ถ้าเป็นเรา เราจะอยากอยู่ไหมถ้าเราไม่อยากอยู่

เราก็ไม่ควรนำไปเสนอขาย หรือหากเสนอก็ต้องบอกความจริงให้ลูกค้า

เราควรมีสินค้าในมือหลายรูปแบบ และจัดลำดับชั้นไว้ด้วย

จะได้แบ่งเวลาให้ถูกต้อง

อันไหนที่ ทำเลแย่ๆเราก้อให้ความสนใจให้เวลากะมันน้อยหน่อย
ไม่งั้น เราจะเสียเวลาไปกับสิ่งที่ขายไม่ได้ และเงินเราก้อไม่ได้
แต่เราต้องจ่ายเงินออกทุกวัน เป็นค่าน้ำมันรถค่าโทรศัพท์ ฯลฯ

9.ต้องรู้วิชาแผนที่เบื้องต้น ต้องอ่านโฉนดให้เป็นและเข้าใจหลักการของการเขียนรูปโฉนด
ตามหลักสากลแล้วโฉนดหรือ รูปโฉนดนั้น มักจะให้ด้านบนเป็นทิศเหนือ

เว้นแต่ว่า รูปแผนที่โตเกินไป ทำให้ไม่สามารถเขียนไว้อย่างนั้นได้
จึงอนุโลมให้เขียนเป็นแบบอื่น อย่างไรก็ตามยังคงรักษาแนวทิศเหนือไว้ด้านบนเสมอ

เช่นกัน แผนที่ทุกชนิดในโลก ตามหลักสากลแล้ว จะให้ทิศเหนือ อยู่ด้านบนเสมอ
ให้เริ่มจาก แผนที่ 1
:50,000 ฉบับกรมแผนที่ทหาร (เขามีขายที่กรม)

ตัวกรมตั้งอยู่ที่กระทรวงใกล้วัดพระแก้วที่มีปืนใหญ่ ตั้งรายเรียงอยู่ครับ
นั่งรถเมล์ หรือแท๊กซี่ไป ไม่ควรนำรถส่วนตัวไปเพราะไม่มีที่จอด

พอเข้าไปแล้ว บอกเขาว่า จะมาซื้อแผนที่ เขาจะชี้ทางให้
(ต้องแลกบัตร)

แล้วเข้าไปค้นแผนที่ 1: 50,000 ของกทม. น่าจะมีประมาณ 8 – 1 0แผ่น
ได้แล้ว ก็นำมาศึกษาดู ถ้ามี 1
: 25,000 หรือ 1: 10,000 ก็ควรซื้อมาด้วย
ราคา แผ่นละ 125 บาท มั้ง ผมซื้อนานแล้ว วันนี้ อาจเป็น 150 บาท

ประชาชนทั่วไปซื้อได้แบบไม่มี grid ครับ
ถ้าหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานที่ทำการศึกษาพื้นที่ก็จะซื้อแบบgrid ได้
แบบที่เห็นเป็นตารางขนาด 1 กม ครับ

จะทำให้เรากะระยะทางได้ แล้วเทียบกับโหมดUTM ใน GPS ได้ง่าย
ระวางเก่าๆ ที่เป็น Indian Thailand ก็ L7017
ถ้า L7018 ก็ใหม่หน่อย update มากขึ้นเป็นL7018 ครับ อันนี้ถ้าใช้คู่กับ GPS ได้

9.1 การวางตำแหน่งที่ดิน ของโฉนดเขาจะวางตามแผนที่L7017 ครับ
ถ้าได้ L7018 ก็ดีกว่า ตรงที่มันทันสมัยมากขึ้น

//www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=32170.0

//www.m-property.co.th/PDF/articles/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.pdf

//www.prakard.com/Default.aspx?g=posts&t=69312


//www.pattayadailynews.com/th/2010/03/04/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87/

//guru.google.co.th/guru/thread?tid=7b20f413470231a7

//topicstock.pantip.com/home/topicstock/2006/12/R5003397/R5003397.html

link ข้างล่างนี้เป็น link ค้นหาตำแหน่งที่ดินใน กทม. ครับ

ให้พิมพ์เลขโฉนดที่ดิน ลงในช่อง +เขตที่ที่ดินแปลงนั้นตั้งอยู่
เราสามารถหาตำแหน่งที่ดิน แปลงนั้นได้ทันที 

//dolwms.dol.go.th/

//www.rtsd.mi.th/service/page/03/3_13/paper_other1.html

10. ควรมีพื้นฐานฮวงจุ้ยไว้บ้างสักเล็กน้อย
และควรมีที่ปรึกษา หรือผู้รู้ด้านฮวงจุ้ยไว้ด้วย จะช่วยให้การซื้อหาย
หรือการ “แก้ทาง” ได้ง่ายขึ้น 

11. ควรมีพื้นฐาน งานก่อสร้างอาคาร หรือพื้นฐานด้านวิศวกรรมโยธาเบื้องต้นด้วย
จะช่วยให้อธิบายความ เรื่องเสาคาข หรือบันได แก่ลูกค้าได้ระดับหนึ่ง

หากไม่รู้จริงๆ (ก้อไม่ควรออกความเห็น)แต่ให้เลี่ยงไปว่า จะลองสอบถามเพื่อน หรือผู้รู้ดู
แล้วจะแจ้งให้ทราบโดยเร็ว
ข้อสำคัญ ห้ามพูดว่า "ไม่แน่ใจ" คำนี้เป็นคำต้องห้าม นะครับ
การโทรแจ้ง ต้องเร็วนะครับ เขาจะได้มองออกว่า เราเป็นคนมีคุณภาพ




 

Create Date : 11 เมษายน 2556
2 comments
Last Update : 11 เมษายน 2556 20:36:45 น.
Counter : 5327 Pageviews.

 

5. ถ้าอยากทำอาชีพนี้อย่างจริงจัง อะไรสำคัญที่สุด และต้องเรียนรู้ หา มีอะไรเพิ่มไม๊ครับ
ตอบ ..... ตอบให้แล้ว ใน ข้อ. 4


6. ผมโดนเบี้ยวค่าคอมไป 3 ครั้งแล้วครับ ไม่อยากให้เกิดอีกเลย

ตอบ ..... ควรศึกษาข้อกฎหมาย และสัญญา รวมถึง อ่านฏีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เข้าใจโดยกระจ่าง
การทำนายหน้านั้น ท่านไม่ได้ระบุว่าต้องทำเป็นหนังสือ

ในทางตรงกันข้าม การกู้ยืมเงิน ท่านว่าให้ทำเป็นหนังสือ
ดังนั้น การกู้ยืมเงิน เพียงเขียนว่า ได้ยืมเงิน 5,000 บาท จากนายอภิสิทธิ์ อย่างนี้ ถือว่าทำเป็นหนังสือ
ไม่ต้องดูว่า เป็นสัญญาหรือไม่

6.1 ควรมีเบอร์โทรศัพท์เฉพาะ เป็นแบบรายเดือน แล้วเลือก ให้มีการแจ้งบิลแบบ
ระบุเบอร์โทรออกด้วย จะสามารถใช้เป็นหลักฐานในศาลได้
เบอร์โทรนี้ ให้ใช้เฉพาะกิจการนายหน้าเท่านั้น ห้ามใช้ในการอื่น
6.2 ถ้าสามารถload ข้อมูลในโทรศัพท์ลงเครื่องคอมแล้ว เอาข้อมูลที่โทรเข้า
เก็บเข้า file ไว้ จะเป็นประโยชน์

6.3 ถ้าฝ่ายผู้ซื้อมีตัวแทนนายหน้ามาด้วย
ควรทำสัญญา เป็นนายหน้าร่วมกับเขา จะได้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องได้

6.4 วันทำการโอนซื้อขายให้เข้าไปลงรายมือชื่อเป็นพยานในการซื้อขายด้วย

หากมีการเบี้ยว ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ให้แต่งทนายฟ้องร้องต่อศาล
อย่างไรก็ตาม ให้สอบถามค่าธรรมเนียมทนายให้ชัดเจน
หลายครั้งทนายเรียกเงินก่อน ซึ่งเราก็ไม่อยากให้
เช่นค่านายหน้า 50,000 บาท ทนายเรียกค่าทำคดี15,000 บาท
และเรียกเปอร์เซ็นต์อีก 25 % ของมูลค่าที่ศาลตัดสิน
โดยไม่คำนึงว่า เราจะได้เงินหรือไม่
อย่างนี้เราเสียเปรียบ เพราะคำว่า ศาลตัดสินนั้น ไม่ได้แปลว่าเราได้เงิน
เราจะได้เงินก็ต่อเมื่อ มีการ “บังคับคดี” ซึ่งงเราจะต้องจ่ายเงินอีกส่วนหนึ่ง
เล่ห์ กล ทนายก็สุดแสบพอๆ กัน ต้องระวังไว้ด้วย

 

โดย: น้าพร 11 เมษายน 2556 13:28:31 น.  

 

ได้ความรู้มากเลยครับ ขอบคุณครับ

 

โดย: คมสันต์ IP: 27.145.37.69 9 มิถุนายน 2557 20:18:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


น้าพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 81 คน [?]




Friends' blogs
[Add น้าพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.