3 วัน 2 คืนที่ ภูเก็ต – ตาชัย ( วันที 1 นนทบุรี-ภูเก็ต )



วันเสาร์ที่ 5 – วันจันทร์ที่ 7 มี.ค.59

ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 8 คนไม่ต้องหาข้อมูล ไม่ต้องจองอะไร น้องๆในทริปทำการจอง พาเที่ยว พากิน ให้เสร็จมีหน้าที่จ่ายตังค์กับทำตัวให้ว่างแล้วไปเที่ยว เย้.....



วันเสาร์ที่ 5 มี.ค.59

เวลา 07.00น.เรานัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง




ขาไปเราบินไปกับไทยสไมล์ เวลา 09.35น. ได้น้ำหนักฟรี 20 โล



เช็คอินเสร็จก็หาอะไรกินรองท้องในสนามบินนั้นแหละ

ราคาโหดใช้ได้เหมือนกันเนาะ




อิ่มแล้วเดินไปรอที่ Gate




เครื่องมาจอดรอที่งวงเลยครับ เราบินลำนี้



ผมเพิ่งเคยนั่งกับไทยสไมล์ครั้งแรกที่นั่งกว้างดี มีน้ำ – ขนมบริการให้ด้วย ชอบๆๆๆ




นั่งประมาณชั่วโมงครึ่งก็มาถึงสนามบินภูเก็ตแล้ว





เวลา 11.00 น.ก็ถึงสนามบินภูเก็ต บินตรงเวลาไม่มีเลทไม่มียกเลิกให้เสียอารมณ์




ลงเครื่องปุ๊บรถตู้ที่เราเช่าก็มารอรับที่สนามบิน (เช่ารถตู้พร้อมคนขับทั้ง 3 วันคิดเหมาวันละ 2,800 บาท รวมค่าน้ำมัน)

รถตู้บริษัทนี้เลยครับ น้องในทริปเค้าไปจองในงานไทยเที่ยวไทยจองรถพร้อมแนะนำร้านอาหาร ที่เที่ยวให้เสร็จ



สมาชิกพร้อม ออกจากสนามบินมากินอาหารร้านครัวนิยมอย่าให้ผมบอกทางเลยครับ ไปไม่ถูกเหมือนกัน นั่งหลับมาตลอดทาง

ร้านนี้เป็นร้านท้องถิ่นขับผ่านๆนึกว่าเป็นบ้านคน ไม่เหมือนร้านอาหาร ไม่มีป้ายร้านบอกด้วยแต่ส่วนมากจะเป็นปากต่อปากมากกว่าใครสนใจลองถามอากู๋ดูแล้วกันครับ ขอบ่นหน่อยรถในภูเก็ตติดพอๆกับกรุงเทพเลย



มาถึงร้านก็สั่งอาหารสิครับ รออะไร

จานแรกผัดผักเหลี่ยง มาภูเก็ตต้องสั่ง



จานที่สองหมูผัดเคยเค็ม



จานนี้แกงส้มผักอะไรก็ไม่รู้จำชื่อไม่ได้



สะตอผัดกุ้ง มีใส่สับปะรดกับหอมหัวใหญ่ด้วย อร่อยดีเหมือนกัน



ไข่เจียวล้วนๆไม่ใส่เนื้อสัตว์และผักใดๆ จานนี้เป็นอาหารประจำตัวผมเลย



ตอนแรกจะสั่งกุ้งเสียบแต่เห็นมีน้ำพริกกุ้งสดเลยลองสั่งดู ไม่ผิดหวัง



อีกเมนูหมูฮ้องเสียดายวันนี้หมดเลยอดกิน

สรุป รสชาติอาหารออกท้องถิ่นมากๆแต่ไม่เผ็ดจนเกินไปอร่อยถูกปากทุกอย่าง อาหารให้มากำลังดีจานไม่ใหญ่ไม่เล็ก ราคาไม่แพง แต่ปัญหาคือให้ไปอีกก็ไปไม่ถูกอ่ะ




อ้อ...หลังจากอิ่มเสร็จร้านอาหารจะมีขนมแถมให้คนละถ้วยแล้วแต่วัน ไม่เหมือนกัน วันนี้แถมถั่วเขียวต้มน้ำตาล กินไม่หมดเพราะอิ่มจากอาหารกันแล้ว แบบว่าจุกจริงๆ

ค่าเสียหายร้านนี้ 1,390 บาท



อาหารคาวแล้วก็หาร้านน้ำเย็นๆมาล้างปากไป ชมวิวไปด้วยดีกว่า

จากร้านอาหารไปยังจุดชมวิวเขารัง ประมาณครึ่งชั่วโมง ข้างบนมีร้านอาหารน่ารักๆให้ชมวิวด้วย




บนเขาจะมีรูปปั้นพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี(คอซิมบี๊ ณ ระนอง) ตั้งเด่นเป็นสง่า




ชมวิวทะเลภูเก็ตบนเขารังกันครับ





ได้เวลาลงไปกินน้ำเย็นๆดับความเผ็ดที่ร้านทุ่งคา กาแฟ




บรรยากาศร้านทุ่งคาจะมีจุดชมวิว





อากาศวันนี้ร้อนมากกกกกกก เมนูมาดับความร้อนหน่อย




สตอเบอรี่+ส้ม หวานเย็นชื่นใจ

อันนี้แก้วผมเองที่จริงไม่ชอบกินน้ำแนวนี้ แต่เห็นสีสันแล้วมันโดน




ส่วนสมาชิกท่านอื่นก็ว่ากันไปตามชอบ







ส่วนขนมก็สั่งเป็นผลไม้ชุปแป้งทอดกรอบ ผลไม้จะเป็นสับปะรด-กล้วย-แอปเปิ้ลและมะพร้าว ส่วนแป้งกรอบหวานมันกำลังดี แต่ไม่ค่อยเข้ากับผลไม้อ่ะ 




ทั้งหมด 670 บาท




ส่วนร้านนี้เปิดกลางคืนมั้ง ช่วงที่ผมไปร้านยังไม่เปิด




นั่งชมบรรยากาศชิวๆเสร็จก็มาถ่ายภาพที่จุดชมวิวเขารังก่อนไปไหว้พระ

สมาชิกสาวๆ 7 ท่านมีผมคนเดียวหล่อสุดในทีม




ถ่ายรูปเสร็จก็ลงเขาไปไหว้พระที่วัดไชยธารารามหรือวัดฉลอง

สำหรับประวัติวัดฉลองใครอยากรู้เพิ่มเติมก็ลงถามอากู๋เอาเองแล้วกันครับ มีเยอะมาก






ไหว้พระเสร็จก็เตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรมเทพ

ทางผ่านหาดกะรนขอแวะเอาขาจุ่มน้ำทะเลหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาภูเก็ตแล้วไม่โดนน้ำทะเล






ขาจุ่มน้ำทะเลพอให้รู้ว่ามาทะเลก็ขึ้นไปชมวิวสามหาดที่จุดชมวิวกะรน




จากป้ายข้างบนเดินขึ้นมาไม่ไกลก็เห็นวิวสามหาดแล้วครับ สวยดี





ได้เวลาไปชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรมเทพกันแล้ว

ก่อนถึงแหลมจะมีจุดชมวิว แวะถ่ายรูปสิครับ







ตรงจุดนี้สาวๆของเราชอบมาก ถ่ายรูปกันเพลินจนคนขับรถตู้ต้องมาเตือนว่าเดี๋ยวจะไม่ทันไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลม สาวๆถึงยอมขึ้นรถตู้กัน

จากจุดนี้ไปยังแหลมพรมเทพไม่เกิน 10 นาทีก็มาถึง แอบผิดหวัง นักท่องเที่ยวเพียบ




ที่จริงผมเคยมาสองครั้งแต่หลายสิบปีแล้ว คนก็เยอะเหมือนเดิมทุกครั้ง รู้สึกเฉยๆอ่ะ




พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว





แล้วก็ตกสนิทไว้ถ้ามีโอกาสค่อยมาใหม่เนอะ




หิวแล้ว เรามากินร้านหมอมูดง




ถึงร้านก็เปิดเมนูแนะนำเลยครับ



สั่งไปอย่าได้รอ

จานนี้มาก่อนเพื่อนเป็นน้ำพริกกับผลไม้ เสิร์ฟมาให้สองชุดฟรี เป็นของกินเล่นระหว่างรออาหาร แจ่มๆ




จานแรก หมูคั่วเกลือนึกว่าจะมาแบบแห้งๆ ใช้หมูสามชั้นทอด มันแต่ไม่เลี่ยนมากจานนี้ผมชอบครับ




ปลากะมงทอดน้ำปลาชอบมากเนื้อปลาแน่นไม่ร่วน 




ใบเหลี่ยงผัดใส่ไข่ผมเฉยๆแต่ทุกคนชอบกันถึงกับต้องสั่งเพิ่ม




ปลายัดไส้ ใช้ปลาทูทำ ไม่รู้ทำยังไงเหมือนเอาก้างออกแล้วเอาเนื้อปลาทูมาผสมเครื่องแกง แล้วจับยัดเข้าไปใหม่ค่อยมาทอด แปลกดี ไม่ถึงกับอร่อยฟินเวอร์ แต่แนะนำให้ลองสั่งมากินดู




หอยหลอดผัดฉ่า เครื่องแกงถึงเผ็ดกำลังดี ผมชอบอร่อยดีแต่สมาชิกบางคนบอกเฉยๆ ลิ้นใครลิ้นมันเนาะ




ยำสาหร่ายถือว่าเป็นดาวเด่นสำหรับร้านนี้เลยครับ ผมเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก น้ำยำ เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด กำลังดี น้ำยำปรุงรสได้กลมกล่อมมาก เมนูนี้ห้ามพลาดเลยครับ เค้าใช้สาหร่ายพวงองุ่นเคี้ยวกรุบๆดี




ยำหอยกระติบเป็นหอยนางรมตัวเล็กเอามายำกินกับสาหร่ายพวงองุ่น เริศมากกกกก




แกงคั่วหอยขมน้ำแกงถึงเครื่องมากเผ็ดนิดๆ มันด้วยกะทิแต่ไม่เค็มมากติดหวานหน่อยๆ จานนี้ผมให้ 3.5 เต็ม 5




น้ำพริกฉิ้งฉ่างทอด อร่อยเลยร้านนี้มีขายส่งกลับบ้านด้วยนะครับสาวๆสั่งกลับบ้านกันทุกคน




ลำเพ็งต้มส้มเป็นอีกเมนูที่แนะนำของร้านใบผักจะเปรี้ยวๆรสชาติผมเฉยๆอ่ะแต่ใครไม่เคยกินลองสั่งมาดูได้ อาจจะถูกปากท่านก็ได้




กุ้งคั่วตะไคร้นึกว่าคั่วแบบแห้งๆอีก เมนูนี้บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด จานนี้อร่อยจริงๆ กุ้งเนื้อเด้งมาก น้ำแกงกะทิเค็มๆหวานๆกลมกล่อมมาก หอมเครื่องแกง ทุกคนโหวตให้จานนี้เป็นจานเด็ดสุด




เมนูสุดท้ายปลาทอดจานนี้ก็อร่อยทอดได้กรอบมากกินได้ทั้งตัวเค็มๆมันๆ เมนูนี้เป็นกับแกล้มก็ได้หรือเป็นกับข้าวก็ดี 




หลังจากนั้นก็ตามด้วยของหวาน ของผมแตงไทย (แอบมีผสมแคนตาลูป)




ส่วนสมาชิกท่านอื่นก็สั่งข้าวเหนียวดำเปียก หวานเกิน ขนาดใส่น้ำแข็งแล้วยังหวานจัดเลย สาวๆไม่ค่อยปลี้มกันเท่าไหรสำหรับขนม ส่วนกับข้าวอร่อยมากกกกก มื้อนี้กินกันพุงกางเลยครับ 

สั่งกันเยอะมากเมนูมีถึง 3 จาน ราคาทั้งหมด 2,400 บาท ไม่แพงเลยครับ

อิ่มแล้วก็ได้เวลาเข้าที่พักคืนนี้เราพักที่ BluMonkey Hotel


อยู่แถว ถ.พังงาหรือสถานีขนส่งเก่า ผมถามพนักงานนะครับ



เป็นโรงแรมน่ารักมาก ใช้โทนสี ขาว ดำ มีมุมถ่ายรูปเยอะดี

เค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์




ห้องอาหาร นั่งเล่น




แอบมีห้องออกกำลังกายด้วย




ระหว่างรอน้องเช็คอินก็ถ่ายรูปเล่นตรงเค้าเตอร์ชั้นล่างนั้นแหละครับ





สระว่ายน้ำ เก๋เชียว




ได้ห้องแล้ว อยู่ชั้น 6

คีย์การ์ด น่ารักมาก





ได้เวลาเข้าห้องแล้วห้องไม่ใหญ่ไม่เล็ก เป็นเตียงคิงไซค์ฟูกไม่แข็งนอนสบายโดยเฉพาะหมอนได้รับรางวัลอะไรก็ไม่รู้นอนสบายมาก ใช้โทนสี ดำ-ขาว มีดีไซน์ กิ๊บเก๋




อุปกรณ์มีให้พร้อมตามมาตรฐานโรงแรม น้ำไหลแรง แอร์เย็น ห้องสะอาดไม่มีกลิ่นอับ แถมมีอ่างอาบน้ำที่ระเบียงด้วยทุกคนชอบโรงแรมนี้มาก








คืนนี้นอนพักเอาแรงก่อนพรุ่งนี้ไปเกาะตาชัยกันครับ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nongmalakor&month=09-03-2016&group=18&gblog=21

/////////////////////////////////////////////////////////////


สรุปค่าใช้จ่ายเก็บรวมทั้งหมดคนละ 6,500 บาท

- ค่าเครื่องบินไทยสไมล์ขาไป 1,490 บาท/คน

- ค่าเครื่องบินไทยไลอ้อนแอร์ขากลับ 625บาท/คน

- ค่าที่พัก 2 คืน +วันเดย์ทริปเกาะตาชัยคนละ 3,649 บาท (แพคเกจเลิฟอันดามัน จองในงานไทยเที่ยวไทย)

- ค่ารถตู้เหมา 3 วันรวมค่าน้ำมันวันละ2,800 บาท (จองในงานไทยเที่ยวไทยเหมือนกัน)

- ที่เหลือเป็นค่าอาหารตลอดทริป

***ไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัว****




 

Create Date : 08 มีนาคม 2559
7 comments
Last Update : 16 พฤษภาคม 2559 15:47:55 น.
Counter : 4194 Pageviews.

 

thx u crab

 

โดย: Kavanich96 10 มีนาคม 2559 2:55:20 น.  

 

ร้านครัวนิยม เปิดบริการ 11.30 - 14.00 น. หยุดวันอาทิตย์ เปิดเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากในแต่ละวัน ร้านเป็นแนวบ้านทั่วไป แบบเปิดให้มาทานข้าวกัน มาทานที่บ้าน แนวนี้อารมณ์นี้เลย ร้านนี้คนนิยมมากจริงๆสมชื่อร้าน ข้าราชการ พนักงานแถวนั้นแวะมาที่นี่ทั้งนั้น แน่นมาก หากมาจากต่างจังหวัด อยากลองชิมควรโทรจอง (076 223485 ) ให้บริการเฉพาะช่วงเที่ยงเท่านั้น ไม่เพิ่มเวลา

ที่อยู่่ร้าน 2/55 ถนนรัษฎานุสรณ์ ต.ตลาดใหญ่ จ.ภูเก็ต อ.เมืองภูเก็ต คลิ๊กเลย


 

โดย: nongmalakor 11 มีนาคม 2559 14:35:16 น.  

 

จุดชมวิวเขารัง ร้านทุ่งคากาแฟ

เขารัง เป็นเนินเขาเตี้ยๆ อยู่ในตัวเมืองภูเก็ต มีทางรถยนต์ขึ้นไปได้โดยสะดวก ด้านบนเขารังเป็นจุดชมวิวเมืองภูเก็ต มองเห็นบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่าง และสามารถมองไปได้ไกลถึงทะเล เกาะเล็กๆ ใกล้ภูเก็ต เทศบาลเมืองภูเก็ตได้จัดทำสวนสุขภาพ สวนสาธารณะไว้เพื่อเป็นที่ออกกำลังกาย พักผ่อน ให้กับชาวภูเก็ต มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะกับการมาพักผ่อน และนอกจากนี้บนเขารังยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระยารัษฎาณุประดิษฐ์อดีตสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต

เขารัง เดิมมีชื่อว่า “เขาหลัง” เนื่องจากอยู่ด้านหลังตัวเมืองภูเก็ต เปรียบเสมือนหลังบ้านของภูเก็ต ส่วนหน้าบ้านของภูเก็ตคือบริเวณตัวเมืองด้านสะพานหิน

จุดชมวิวเขารัง จะมีอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกจะอยู่ใน ร้านทุ่งคา-กาแฟ เป็นร้านอาหารบนยอดเขารัง ที่เปิดให้บริการมากว่า 40 ปีแล้ว ทางร้านจะมีจุดชมวิวที่ยื่นออกไปสามารถชมวิวได้กว้างกว่า 180 องศา ส่วนที่สองจะเป็นของเทศบาลนครภูเก็ตเป็นศาลาชมวิว “หอเกียรติยศ 100 ปี” ก่อสร้างด้วยอารยสถาปัตย์มีความสวยงามและมีสะพานยื่นออกไปชมวิวได้มากกว่า 180 องศา ในส่วนของศาลาชมวิวจะเปิดให้บริการได้ตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2557



ร้านทุ่งคา-กาแฟ ภัตตาคารยอดเขารัง

เวลาที่เหมาะสมกับการมาทานข้าวที่ร้านนี้จะเป็นช่วงเย็น เนื่องจากอากาศไม่ร้อนมาก และยังสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้บนนี้ ช่วงกลางคืนจะมองเห็นไฟตามบ้านเรือน ระยิบระยับคล้ายกับแสงดาวบนท้องฟ้า




นอกจากจะมีร้านทุ่งคา-กาแฟแล้ว บนเขารังยังมีร้าน Khaorang Breeze อีกร้าน ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาทานอาหารบนเขารัง





หอเกียรติยศ 100 ปี ถึงแก่อนิจกรรมมหาอำมาตย์โทพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) สมุหเทศภิบาลมณฑลภูเก็ต เพื่อเป็นศาลาและลานชมเมืองภูเก็ต เป็นจุดชมวิวที่สวยไม่แพ้จุดชมวิวร้านทุ่งคา-กาแฟเลย





อนุสาวรีย์พระยารัษฎาณุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ผู้ปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้ 7 เมือง ได้แก่ ภูเก็ต ตรัง พังงา กระบี่ ตะกั่วป่า ระนอง สตูล สร้างความเจริญให้กับบ้านเมืองเป็นอย่างมาก




เวลาที่เหมาะสมในการชมวิวเขารัง

ช่วงเช้า หรือ ช่วงเย็น เป็นช่วงที่แสงแดดไม่แรงมาก ถ่ายรูปแล้วสวย อากาศไม่ร้อน ช่วงเย็นจะสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้จากยอดเขารัง ถ้าจะมาทานข้าวร้านทุ่งคา-กาแฟ แนะนำให้ทานมื้อเย็น ร้านเปิดเวลา 11.00 – 22.30 น

การเดินทาง
รถยนต์ : จากตัวเมืองภูเก็ตใช้ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ตรงไปเข้าถนนปฎิพัทธิ์ จนเจอทางแยกตัดกับถนนแม่หลวน ให้ตรงไปเข้าถนนคอซิมบี้ เป็นถนนขึ้นเขารัง ระยะทางถึงยอดเขาประมาณ 1.8 กิโลเมตร ทางไม่ชัน ขับรถง่าย
รถโดยสาร : ไม่มีรถประจำทางขึ้นไปด้านบน ต้องเหมารถ หรือเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ขึ้นไป

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากเวป emagtravel.com คลิ๊กเลย

 

โดย: nongmalakor 11 มีนาคม 2559 14:48:04 น.  

 

วัดฉลอง หรือชื่อที่เรียกเป็นทางการ ก็คือ วัดไชยธาราม เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต ถ้าใครมา ภูเก็ตจะต้องมาแวะนมัสการ หลวงพ่อแช่ม แห่งวัดฉลอง เพื่อเป็นสิริมงคลแต่ตัวเอง เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ กิตติศัพท์ในการรักษาโรค บุญญาบารมีและเมตตาธรรมที่สูงส่งของหลวงพ่อทำให้มีผู้เลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก เล่ากันว่าในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นถึงกับมีผู้ที่รอปิดทองตามแขนและขาของท่านจนแลดูเหลืองอร่าม ไปทั่วราว กับปิดทองพระพุทธรูปและแม้ว่าหลวงพ่อแช่มจะมรณภาพเป็นเวลานับหนึ่งร้อยปีมาแล้วก็ตาม ชื่อเสียงเกียรติคุณ และบารมีของท่านก็อยู่ในความทรงจำของผู้คนสืบมา



อีกทั้งที่วัดฉลองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของ พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมี ประกาศเป็นที่ประดิษฐสถานของ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากศรีลังกา วัดฉลองแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใน ภูเก็ตอีกแห่งที่ ใครๆ ที่มาเที่ยวภูเก็ตจะต้องมาวัดแห่งนี้

สิ่งที่น่าสนใจในวัดฉลอง

1. นมัสการหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง
เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ซึ่งมีเรื่องรวมถึงความศักดิ์สิทธิ์ คุณงามความดีของหลวงพ่อแช่มแห่งวัดฉลอง เป็นที่พึ่งให้ แก่ชาวบ้าน ในครั้นการต่อสู้กับพวกอั้งยี่ และเรื่องเล่าเกี่ยวกับไม้เท้าของท่านที่จิ้มบริเวณที่เป็นไฝ หรือปาน จะทำ ให้จางไปเอง ( เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ) นอกจากหลวงพ่อแช่มแล้วยังมีหลวงพ่อช่วง และหลวงพ่อเกลื้อม ซึ่งเป็นที่เคราพศรัทธาของชาวบ้านมาก ซึ่งท่านทั้งสองมีชื่อเสียงการปรุงสมุนไพร และรักษาโรค ถึงแม้ว่าปัจจุบัน ท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่ก็ยังมีชาวบ้านที่มีเรื่องทุกข์ร้อน ก็จะไปกราบไหว้ บนบานไม่ขาดสาย ปัจจุบันนี้ได้ ประดิษฐานองค์ท่านทั้งสามที่วิหารที่สร้างอย่างสวยงาม ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้คนทั้งชาวไทย และต่างชาติ ต่างมา กราบไหว้เป็นจำนวนมาก






2. พระมหาเจดีย์ พระจอมไท

พระมหาเจดีย์ พระจอมไท เป็นเจดีย์ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไม่นาน ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหลังของวัด ภายในเงียบสงบ บริเวณชั้นแรกจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปรางค์ต่าง ๆ มากมาย และบริเวณด้านข้างผนัง จะเป็นภาพวาดพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ตอนประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน ที่งดงามมาก เมื่อขึ้นไปด้านบนสุดจะเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ และด้านนอกของเจดีย์ สามารถที่จะชมทิวทัศน์ของบริเวณในวัดทั้งหมดได้อย่างสวยงาม






3. ท่านเจ้าวัด

ท่านเจ้าวัดคือพระประธานในวิหารเก่าแก่ อันเป็นที่ตั้งของวัดฉลองแต่โบราณ ก่อนย้ายออกมาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน ซึ่งด้านซ้ายจะมีรูปหล่อของชายชรานั่งถือตะบันหมาก ชาวบ้านเรียกว่า " ตาขี้เหล็ก " ด้านขวามีรูปหล่อเป็นยักษ์ เรียกว่า " นนทรีย์ "




4.กุฎิจำลองหลวงพ่อท่าน

ภายในกุฎิจำลองทางวัดได้จัดทำหุ่นขี้ผึ้งจำลอง หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อเกลี้อม และเครื่องใช้ต่าง ๆ ของทั้งสามองค์ และตัวกุฎิยังเป็นแบบทรงไทย ซึ่งเป็นเรือนไทยที่สวยงามมาก นอกจากนั้นเมื่อท่านได้เข้าไปในบริเวณวัดส่งหนึ่งที่ท่านจะได้ยินคือเสียงปะทัด เพราะเมื่อมีผู้คนที่ทุกข์ร้อนมาขอให้พ่อท่านช่วย และเมื่อได้สมความปราณีตามที่ได้ขอ โดยมากจะมาแก้บนด้วยการจุดปะทัดให้ท่าน


ประวัติหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง

"หลวงพ่อแช่ม" วัดฉลอง ท่านเกิดที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เมื่อปีกุน พุทธศักราช 2370 ในรัชสมัยของ"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว"(รัชกาลที่ 3) (นามโยมบิดา-มารดา) ไม่ปรากฏในประวัติแม้ แต่ "หลวงพ่อช่วง" วัดท่าฉลอง ศิษย์เอกของท่านก็ไม่สามารถให้รายละเอียดได้) พ่อแม่ส่งให้อยู่ ณ วัดฉลอง เป็นศิษย์ ของ พ่อท่านเฒ่าตั้งแต่เล็ก เมื่อมีอายุพอจะบวชได้ก็บวชเป็นสามเณร และ ต่อมาเมื่ออายุถึงที่จะ บวช เป็นพระภิกษุก็บวชเป็นพระภิกษุจำพรรษาอยู่ ณ วัดฉลองนี้หลวงพ่อแช่มได้ศึกษาวิปัสนาธุระ จากพ่อท่านเฒ่าจน เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางวิปัสนาธุระเป็นอย่างสูง ความมีชื่อเสียงของหลวงพ่อแช่มปรากฏชัด ในคราวที่หลวงพ่อแช่ม เป็นหัวหน้าปราบอั้งยี่ ซึ่งท่านจะได้ทราบต่อไปนี้ ปราบอั้งยี่


ในปีพุทธศักราช 2419 กรรมกรเหมืองแร่เป็นจำนวนหมื่น ในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงได้ซ่องสุม ผู้คน ก่อตั้งเป็นคณะขึ้นเรียกว่า อั้งยี่ โดยเฉพาะพวกอั้งยี่ในจังหวัดภูเก็ตก่อเหตุวุ่นวายถึงขนาดจะเข้า ยึดการ ปกครอง ของจังหวัดเป็นของพวกตน ทางราชการในสมัยนั้นไม่อาจปราบให้สงบราบคาบได้ พวกอั้งยี่ถืออาวุธ รุกไล่ ยิง ฟันชาวบ้านล้มตายลงเป็นจำนวนมากชาวบ้านไม่อาจต่อสู้ป้องกันตนเองและทรัพย์สิน ที่รอดชีวิตก็หนี เข้าป่าไป เฉพาะในตำบลฉลองชาวบ้านได้หลบหนีเข้าป่า เข้าวัด ทิ้งบ้านเรือนปล่อยให้พวกอั้งยี่เผาบ้านเรือน หมู่บ้านซึ่งพวกอั้งยี่เผา ได้ชื่อว่า บ้านไฟไหม้ จนกระทั่งบัดนี้ ชาวบ้านที่หลบหนีเข้ามาในวัดฉลอง เมื่อพวกอั้งยี่รุกไล่ใกล้วัดเข้ามา ต่างก็เข้าไปแจ้งให้หลวงพ่อแช่ม ทราบ และนิมนต์ให้หลวงพ่อแช่ม หลบหนีออกจากวัดฉลองไปด้วย หลวงพ่อแช่มไม่ยอมหนี ท่านว่า ท่านอยู่ที่ วัดนี้ตั้งแต่เด็กจนบวชเป็นพระ และเป็นเจ้าวัดอยู่ขณะนี้ จะให้หนีทิ้งวัดไปได้อย่างไร

เมื่อหลวงพ่อแช่มไม่ยอมหนีทิ้งวัด ชาวบ้านต่างก็แจ้งหลวงพ่อแช่มว่า เมื่อท่านไม่หนีพวกเขาก็ไม่หนี จะขอสู้มันละ พ่อท่านมีอะไรเป็นเครื่องคุ้มกันตัวขอให้ทำให้ด้วย หลวงพ่อแช่มจึงทำผ้าประเจียดแจกโพกศีรษะ คนละผืนเมื่อได้ของคุ้มกันคนไทยชาวบ้านฉลองก็ออกไปชักชวนคนอื่นๆ ที่หลบหนีไปอยู่ตามป่า กลับมารวม พวกกัน อยู่ในวัด หาอาวุธ ปืน มีด เตรียมต่อสู้กับพวกอั้งยี่


พวกอั้งยี่ เที่ยวรุกไล่ฆ่าฟันชาวบ้าน ไม่มีใครต่อสู้ก็จะชะล่าใจ ประมาทรุกไล่ฆ่าชาวบ้านมาถึงวัดฉลอง ชาวบ้านซึ่งได้รับผ้าประเจียดจากหลวงพ่อแช่มโพกศีรษะไว้ก็ออกต่อต้านพวกอั้งยี่ พวกอั้งยี่ไม่สามารถทำร้าย ชาวบ้านก็ถูกชาวบ้านไล่ฆ่าฟันแตกหนีไป ครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งแรกของไทยชาวบ้านฉลอง ข่าวชนะศึกครั้งแรก ของชาวบ้านฉลอง รู้ถึงชาวบ้านที่หลบหนีไปอยู่ที่อื่น ต่างพากลับมายังวัดฉลอง รับอาสาว่า ถ้าพวกอั้งยี่มารบอีก ก็จะต่อสู้ ขอให้หลวงพ่อแช่มจัดเครื่องคุ้มครองตัวให้ หลวงพ่อแช่มก็ทำผ้าประเจียดแจกจ่ายให้คนละผืน พร้อม กับแจ้งแก่ชาวบ้านว่า "ข้าเป็นพระสงฆ์จะรบราฆ่าฟันกับใครไม่ได้ พวกสูจะรบก็คิดอ่านกันเอาเอง ข้าจะทำเครื่อง คุณพระให้ไว้สำหรับป้องกันตัวเท่านั้น" ชาวบ้านเอาผ้าประเจียดซึ่งหลวงพ่อแช่มทำให้โพก ศีรษะเป็นเครื่องหมาย บอกต่อต้านพวกอั้งยี่


พวกอั้งยี่ให้ฉายาคนไทยชาวบ้านฉลองว่า พวกหัวขาว ยกพวกมาโจมตีคนไทยชาวบ้านฉลองหลายครั้ง ชาวบ้านถือเอากำแพงพระอุโบสถเป็นแนวป้องกัน อั้งยี่ไม่สามารถตีฝ่าเข้ามาได้ ภายหลังจัดเป็นกองทัพเป็น จำนวนพัน ตั้งแม่ทัพ นายกอง มีธงรบ ม้าล่อ เป็นเครื่องประโคมขณะรบกัน ยกทัพเข้าล้อมรอบกำแพงพระอุโบสถ ยิงปืน พุ่งแหลน พุ่งอีโต้ เข้ามาที่กำแพง เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่บรรดาชาวบ้านซึ่งได้เครื่องคุ้มกันตัวจากหลวงพ่อ แช่มต่างก็แคล้วคลาดไม่ถูกอาวุธของพวกอั้งยี่เลย


คณะกรรมการเมืองภูเก็ต ได้ทำรายงานกราบทูลไปยังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะกรรมการเมืองนิมนต์หลวงพ่อแช่ม ให้เดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร มีพระประสงค์ทรงปฏิสันฐานกับหลวงพ่อแช่มด้วยพระองค์เอง หลวงพ่อแช่มและคณะเดินทาง ถึงกรุงเทพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานสมฌศักดิ์หลวงพ่อแช่ม เป็นพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญานมุนี ให้มีตำแหน่งเป็นสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต อันเป็นตำแหน่งสุงสุดซึ่งบรรพชิตจักพึงมีในสมัยนั้นในโอกาสเดียวกัน ทรงพระราชทานนามวัดฉลองเป็นวัดไชยาธาราราม


บารมีหลวงพ่อแช่ม

จากคำบอกเล่าของคณะผู้ติดตามหลวงพ่อแช่มไปในครั้งนั้นแจ้งว่ามีพระสนมองค์หนึ่งในรัชกาลที่ 5 ป่วย เป็นอัมพาต หลวงพ่อแช่มได้ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้รดตัวรักษา ปรากฏว่าอาการป่วยหายลงโดยเร็ว สามารถลุก นั่งได้ อนึ่ง การเดินทางไปและกลับจากจังหวัดภูเก็ตกับกรุงเทพมหานคร ผ่านวัดๆ หนึ่งในจังหวัดชุมพร หลวงพ่อแช่ม และคณะได้เข้าพักระหว่างทาง ณ ศาลาหน้าวัด เจ้าอาวาสวัดนั้น นิมนต์ให้ หลวงพ่อแช่มเข้าไป พักในวัด แต่ หลวงพ่อเกรงใจและแจ้งว่าตั้งใจจะพักที่ศาลาหน้าวัดแล้วก็ขอพักที่เดิมเถิด เจ้าอาวาสและชาวบ้าน ในละแวกนั้นบอกว่า การพักที่ศาลาหน้าวัดอันตรายอาจเกิดพวกโจร จะมาลักเอาสิ่งของของหลวงพ่อแช่มและ คณะไปหมด หลวงพ่อแช่มตอบว่าเมื่อมันเอาไปได้ มันก็คงเอามาคืนได้ เจ้าอาวาสวัดและชาวบ้านอ้อนวอน หลวงพ่อแช่มก็คงยืนยันขอพักที่เดิม เล่าว่า ตกตอนดึกคืนนั้น โจรป่ารวม 6 คน เข้ามาล้อมศาลาไว้ ขณะคนอื่นๆ หลับหมดแล้ว คงเหลือแต่หลวงพ่อแช่มองค์เดียว พวกโจรเอื้อมเอาของไม่ถึง หลวงพ่อแช่มก็ช่วยผลักของให้ สิ่งของส่วนมากบรรจุปิ๊บใส่สาแหรก พวกโจรพอได้ของก็พากันขนเอาไป รุ่งเช้าเจ้าอาวาสและชาวบ้านมาเยี่ยม ทราบเหตุที่เกิดขึ้นก็พากันไปตามกำนันนายบ้านมาเพื่อจะไปตาม พวกโจร หลวงพ่อแช่มก็ห้ามมิให้ตามไป ต่อมา ครู่หนึ่ง พวกโจรก็กลับมา แต่การกลับมาคราวนี้หัวหน้าโจรถูกหามกลับมาพร้อมกับสิ่งของซึ่งลักไปด้วย กำนัน นายบ้านก็เข้าคุมตัว หัวหน้าโจรปวดท้องจุดเสียดร้องครางโอดโอย ทราบว่าระหว่างที่ขนของซึ่งพวกตน ขโมย ไปนั้น คล้ายมีเสียงบอกว่า ให้ส่งของกลับไปเสีย มิฉะนั้น จะเกิดอาเพศ พวกโจรไม่เชื่อขนของต่อไปอีก หัวหน้าโจรจึงเกิดมีอาการจุกเสียดขึ้นจนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เลยปรึกษากันตกลงขนสิ่งของ กลับมาคืน หลวงพ่อแช่มสั่งสอนว่า ต่อไปขอให้เลิกเป็นโจรอาการปวดก็หาย กำนันนายบ้านจะจับพวกโจรส่งกรมการเมือง ชุมพร แต่หลวงพ่อแช่มได้ขอร้องมิให้จับกุมขอให้ปล่อยตัวไป ไม่เพียงแต่ชนชาวไทยในภูเก็ตเท่านั้นที่มีความ เคารพเลื่อมใสในองค์หลวงพ่อแช่ม ชาวจังหวัดใกล้เคียงตลอดจนชาวจังหวัดต่างๆ ในมาเลเซีย เช่น ชาวจังหวัด ปีนัง เป็นต้นต่างให้ความคารพนับถือในองค์หลวงพ่อแช่มเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะชาวพุทธในจังหวัดปีนัง ยกย่องหลวงพ่อแช่มเป็นเสมือนสังฆปาโมกข์เมืองปีนังด้วย

ชาวเรือพวกหนึ่งลงเรือพายออกไปหาปลาในทะเลถูกคลื่น และพายุกระหน่ำจนเรือจวนล่มต่างก็บนบาน สิ่งศักดิ์ต่างๆ ให้คลื่นลมสงบ แต่คลื่นลมกลับรุนแรงขึ้น ชาวบ้านคนหนึ่งนึกถึงหลวงพ่อแช่มได้ ก็บนหลวงพ่อแช่ม ว่าขอให้หลวงพ่อแช่มบันดาลให้คลื่นลมสงบเถิด รอดตายกลับถึงบ้านจะติดทองที่ตัวหลวงพ่อแช่ม คลื่นลมก็สงบ มาถึงบ้านก็นำทองคำเปลวไปหาหลวงพ่อแช่ม เล่าให้หลวงพ่อแช่มทราบและขอปิดทองที่ตัวท่าน หลวงพ่อแช่ม บอกว่าท่านยังมีชีวิตอยู่จะปิดทองยังไง ให้ไปปิดทองที่พระพุทธรูป ชาวบ้านกลุ่มนั้นก็บอกว่าถ้าหาก หลวงพ่อ ไม่ให้ปิดหากแรงบนทำให้เกิดอาเพศอีก จะแก้อย่างไร ในที่สุดหลวงพ่อแช่มก็จำต้องยอมให้ชาวบ้าน ปิดทองที่ ตัวท่านโดยให้ปิดที่แขนและเท้า ชาวบ้านอื่นๆ ก็บนตามอย่างด้วยเป็นอันมาก พอหลวงพ่อแช่มออกจากวัด ไปทำ ธุระในเมือง ชาวบ้านต่างก็นำทองคำเปลวรอคอยปิดที่หน้าแขนของหลวงพ่อแทบทุกบ้านเรือน จนถือเป็น ธรรมเนียม

เมื่อกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จมาจังหวัดภูเก็ตนิมนต์ให้หลวงพ่อแช่มไปหา ก็ยังทรงเห็นทองคำ เปลวปิดอยู่ท ี่หน้าแข้งของหลวงพ่อแช่ม นับเป็นพระภิกษุองค์แรกของเมืองไทยที่ได้รับการปิดทองแก้บนทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่ไม้เท้าของหลวงพ่อแช่ม ซึ่งท่านถือประจำกายก็มีความขลัง ประวัติความขลังของ ไม้เท้ามี ดังนี้ เด็กหญิงรุ่นสาวคนหนึ่ง เป็นคนชอบพูดอะไรแผลงๆ ครั้งหนึ่งเด็กหญิงคนนั้นเกิดปวดท้องจุดเสียดอย่างแรง กินยาอะไรก็ไม่ทุเลา จึงบนหลวงพ่อแช่มว่า ขอให้อาการปวดท้องหายเถิด ถ้าหายแล้วจะนำทอง ไปปิดที่ของลับ ของหลวงพ่อแช่ม อาการปวดท้องก็หายไป เด็กหญิงคนนั้นเมื่อหายแล้วก็ไม่สนใจ ถือว่าพูดเล่นสนุกๆ ต่อมา อาการปวดท้องเกิดขึ้นมาอีก พ่อแม่สงสัยจะถูกแรงสินบนจึงปลอบถามเด็ก เด็กก็เล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่จึงนำเด็ก ไปหาหลวงพ่อแช่มหลวงพ่อแช่มกล่าวว่าลูกมึงบนสัปดนอย่างนี้ใครจะให้ปิดทองอย่างนั้นได้

พ่อแม่เด็กต่างก็อ้อนวอนกลัวลูกจะตายเพราะไม่ได้แก้บน ในที่สุดหลวงพ่อแช่มคิดแก้ไข สถานการณ์ เฉพาะ หน้าได้โดยเอา ไม้เท้านั่งทับสอดเข้าให้เด็กหญิงคนนั้นปิดทองที่ปลายไม้เท้า กลับบ้านอาการปวดท้อง จุดเสียดก็หายไป ไม้เท้านั่งทับของหลวงพ่อแช่มอันนี้ยังคงมีอยู่ และใช้เป็นไม้สำหรับจี้เด็กๆ ที่เป็นไส้เลื่อน เป็นฝี เป็นปาน อาการเหล่านั้นก็หายไปหรือชงักการลุกลามต่อไป เป็นที่น่าประหลาด

เมื่อมรณภาพ บรรดาศิษย์ได้ตรวจหาทรัพย์สินของหลวงพ่อแช่มปรากฏว่าหลวงพ่อแช่มมีเงินเหลือเพียง 50 เหรียญเท่านั้น ความทราบถึงบรรดาชาวบ้านปีนังและจังหวัดอื่นในมาเลเซีย ต่างก็นำเงิน เอาเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็น มีข้าวสาร มีคนมาช่วยเหลือหลายเรือสำเภา งานศพของหลวงพ่อแช่มจัดได้ใหญ่โตมโหฬารที่ สุดในจังหวัดภูเก็ต หรืออาจจะกล่าวได้ว่ามโหฬารที่สุดในภาคใต้ บารมีของหลวงพ่อแช่มก็มีมาจนกระทั่ง ปัจจุบันนี้


การเดินทางไปวัดฉลอง

1. โดยรถยนต์ส่วนตัว

วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 8 กิโลเมตร ออกจากตัวเมืองไปตามทางหลวง หมายเลข 4021 ผ่านสามแยกบริเวณสนามกีฬาสุรกุล เลี้ยวซ้ายไปทางห้าแยกฉลอง วัดฉลองจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงห้าแยกฉลองประมาณ 4 กิโลเมตร

2. โดยรถประจำทาง

จากตัวเมืองภูเก็ตนั่งรถสองแถวสาย ภูเก็ต - อ่าวฉลอง

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากเวป paiduaykan.com คลิ๊กเลย

 

โดย: nongmalakor 11 มีนาคม 2559 14:57:53 น.  

 

เส้นทางสู่… ร้านอาหารหมอมูดง

การเดินทาง ข้อมูลจากเวป moomudong.wordpress.com คลิ๊กเลย

จากตัวเมืองภูเก็ต ใช้เส้นทางถนนเจ้าฟ้า ตรงไปทางไปสวนสัตว์ภูเก็ต ในระหว่างให้สังเกตทางด้านซ้ายมือ จะเห็นป้ายร้านอาหารหมอมูดง ตั้งอยู่บริเวณสามแยกป่าหลาย ให้เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไป ห้ามเลี้ยวทางไปไหนเด็ดขาด จนสุดซอย จะพบร้านหมอมูดง อยู่ติดกับคลองมูดงเลย

ที่ตั้ง 9/4 ซอยป่าหล่าย ฉลอง , เมืองภูเก็ต ภูเก็ต

เบอร์โทรศัพท์: 0-7628-2302

เปิดบริการทุกวัน : เวลา 10.00-21.00 น.

พิกัด GPS ร้านหมอมูดง : 7.84370, 98.37205



 

โดย: nongmalakor 11 มีนาคม 2559 15:07:21 น.  

 

บลู มังกี้ ภูเก็ต พังงา โรด โรงแรม 4 ดาว
3 ซอย 3 ถนนพังงา ต. ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000

จองห้องโดยตรง คลิ๊กเลย

เฟชบุ๊ค คลิ๊กเลย

Blu Monkey Hub and Hotel ให้บริการที่พักในตัวเมืองภูเก็ต มีบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรีทั่วบริเวณ ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินไปกับห้องเล่นเกมในสถานที่ และบาร์ในสถานที่

ห้องพักทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศและทีวีจอแบน บางห้องมีพื้นที่นั่งเล่นเพื่อผ่อนคลายหลังจากวันที่วุ่นวาย บางห้องมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ วิวแม่น้ำหรือวิวสวน มีห้องน้ำส่วนตัวพร้อมโถสุขภัณฑ์ เสื้อคลุมอาบน้ำ และเครื่องใช้ในห้องน้ำฟรีเพื่อความสะดวกสบายของผู้เข้าพัก รวมถึงมีทีวีระบบช่องสัญญาณดาวเทียม

พื้นที่นี้เป็นที่นิยมสำหรับการขี่จักรยาน โรงแรมมีจักรยานและรถยนต์เช่าสำหรับใช้งานฟรี

โรงแรมตั้งอยู่ห่างจากเมืองเก่าภูเก็ต 700 เมตร ห่างจากพิพิธภัณฑ์ไทยฮั้ว 900 เมตร และห่างจากสนามบินภูเก็ต 27 กิโลเมตร

สนใจห้อง รูปภาพ ดูรีวิวจากเวป //www.2madames.com/ คลิ๊กเลย

 

โดย: nongmalakor 11 มีนาคม 2559 15:30:44 น.  

 

เคยไปทานหมอมูดงค่ะ กับเคยพักที่บลูมังกี้
เดี๋ยวนี้บลูมังกี้ เปลี่ยนไปมากเลย เคยพักสมัยก่อนไม่มีอ่างอาบน้ำ ไม่มีสระว่ายน้ำ
สงสัยคราวหน้าพักในเมืองจะกลับไปพักอีกรอบค่ะ

 

โดย: กางเกงยักษ์ลอยฟ้า 12 มีนาคม 2559 14:53:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2559
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.