จุดกำเนิดของชีวิตที่มหัศจรรย์
...........คนเราจะมีใครบ้างหนอ ที่มองเห็นหน้าตัวเองได้โดยไม่ต้องมอง
ผ่านกระจก หรือใครจะมีคนสนิทชวนคิดชวนคุยมาตั้งแต่อยู่ในท้อง คนพิเศษเหล่านี้เราเรียกเขาว่า ฝาแฝด คนส่วนใหญ่มักนิยามความหมายของฝาแฝดประมาณว่า หน้าเหมือนกัน คล้ายกัน เพศเดียวกันและเกิดมาพร้อมกัน ซึ่งความพิเศษเหล่านี้ ทำให้คู่แฝดโดนเปรียบเทียบในเรื่องต่างๆ มาตลอด แล้วตัวคุณเองล่ะรู้บ้างไหมว่าฝาแฝดคืออะไร ? ชีวิตที่มีกันและกันอย่างพวกเขาเป็นอย่างไร ? แล้วหากลูกคุณเกิดเป็นฝาแฝดขึ้นมาบ้างล่ะ อื้ม…น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ!!!

กำเนิดของ…ฝาแฝด

" ฝาแฝดเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ เพราะธรรมดามนุษย์เราจะมีบุตรทีละ 1 คนเท่านั้น แต่สำหรับคนคูณสองอย่างฝาแฝดจึงเป็นกรณีพิเศษครับ"

คือความหมายของฝาแฝดจากคำบอกเล่าของ น.พ.มฆวัน ธนะนันท์กุล สูติแพทย์ผู้มากด้วยประสบการณ์ ซึ่งจะมาช่วยไขข้อข้องใจในเรื่องแฝดๆ ให้ได้ทราบกันค่ะ

ฝาแฝดนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ครับคือ

1. เด็กแฝดที่เกิดจากการปฏิสนธิจากไข่ 1 ใบ (Indentical twins) เด็กจะรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน เพศเดียวกัน 1 ใบ ออกมาทุกเดือน หากมีเพศสัมพันธ์ตัวอสุจิก็จะเข้าไปผสมในท่อรังไข่ จะเกิดเป็นเด็ก 1 เซลล์ จากไข่ 1 ใบ เป็นเด็ก 1 คน วันต่อมาไข่ใบนี้ก็จะแบ่งเป็น 2 เซลล์ วันต่อมาเป็น 4 เซลล์ และ 8 เซลล์ตามลำดับ ซึ่งจะเยอะขึ้นเป็น 64 เซลล์ เพื่อพร้อมจำแนกเซลล์และสร้างอวัยวะ หลังจากนั้นวันที่ 5-6 ไข่ก็จะเดินทางมาถึงมดลูก ฝังตัว เติบโตและกลายเป็นเด็ก 1 คน

แต่ในกรณีที่เป็นเด็กแฝดจากไข่ใบเดียวกัน เด็กจะแบ่งตัวเป็น 2 ส่วนตั้งแต่ 3-4 วันแรก สมมติว่าไข่ที่ถูกผสมแบ่งตัวเป็น 2 ส่วนตั้งแต่ 3-4 วันแรก สมมติว่าไข่ที่ถูกผสมแบ่งตัวออกเป็น 4 เซลล์ แล้ว 1 ใน 4 เซลล์เกิดแบ่งตัวออกมาเองกลายเป็น 3 เซลล์อันหนึ่ง และ 1 เซลล์อันหนึ่ง ก็จะเกิดความเหมือนกันทุกอย่าง เพราะเกิดมาจากเซลล์ๆ เดียวกันแต่มีการแบ่งตัวเท่านั้น การพัฒนาและการเติบโตของเซลล์ก็จะดำเนินไปเหมือนเดิม เดินทางไปยังมดลูก และฝังตัวเหมือนกันทั้ง 2 เซลล์ฉะนั้นเขาก็จะมีถุงน้ำและรกเป็นคนละอันกัน

หากเด็กไม่มีการแบ่งเซลล์ เขาก็จะเป็นคนๆ เดียว แต่ถ้าเกิดแบ่งตัวหลังจากนั้นหรือตอนโตแล้ว ก็จะเกิดการวิปริต ซึ่งเป็นสาเหตุของความพิการแต่กำเนิดเพราะเซลล์ต่างๆ เริ่มสร้างอวัยวะแล้ว

อย่างฝาแฝดอินจันเกิดจากการแบ่งตัวภายหลัง ตัวเด็กที่กำลังถูกสร้างเกิดการแบ่งตัวก็เลยติดกัน เราจะห้ามไม่ได้ว่าเขาจะแบ่งตัวตอนไหน เวลาใด และความจริงอินจันเขาต้องเกิดมาเป็นคนๆ เดียว แต่เกิดมาแบ่งตัวตอนที่ไม่ควรแบ่งแล้วอย่างคนอื่นก็อาจมีกรณีอย่างนี้ เช่น หัวติดกัน ท้องติดกัน เป็นต้น

2. เด็กแฝดที่เกิดจากการปฏิสนธิจากไข่มากกว่า 1 ใบ (Fraternal twins) จะมีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจเป็นคนละเพศกันก็ได้ เกิดจากแม่มีไข่ตกมากกว่า 1 ใบ และไข่มีความสมบูรณ์มากกว่า 1 ใบ ตัวอสุจิจึงเข้าไปผสมตามจำนวนไข่ที่สมบูรณ์ หากมีไข่ 3 ใบ ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นแฝด 3 ได้ จึงเป็นฝาแฝดที่แยกกันตั้งแต่ตอนเป็นไข่แล้ว ฝาแฝดชนิดนี้จึงมีความคล้ายพี่น้องมากกว่าความเหมือนของฝาแฝด มีสิทธิ์จะเป็นคนละเพศหรือเพศเดียวกันก็ได้ เพราะไข่คนละใบ อสุจิคนละตัวกันครับ"

ปัจจัยเกิดแฝด

" จากการสำรวจเด็กแฝดที่เกิดจากไข่ 1 ใบ หรือที่เรียกว่าแฝดเหมือน จะมีอุบัติการณ์เท่ากันทุกเชื้อชาติ คือ 1 คู่ / 250 คน ส่วนเด็กแฝดที่เกิดจากไข่มากกว่า 1 ใบ จะมีปัจจัยดังนี้ครับ
1. กรรมพันธุ์ เครือญาติของแม่ที่มีแฝด จะมีโอกาสได้ลูกแฝดมากกว่าเครือญาติของพ่อที่มีลูกแฝด อย่างเช่น ผมเคยทำคลอดรายหนึ่งตัวคุณแม่เป็นแฝด ลูกเขาก็แฝด และยายของหลานแฝดก็เป็นแฝด ซึ่งมันเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์

2. เชื้อชาติ เช่น ในฝรั่งผิวขาวชาวยุโรปจะเกิดฝาแฝด 1 คู่ต่อหญิงตั้งครรภ์ 100 คน ส่วนหญิงนิโกรจะเกิด 1 คู่ต่อหญิงตั้งครรภ์ 80 คน

3. อายุของแม่และจำนวนครั้งของการตั้งครรภ์ก็มีส่วนอย่างยิ่ง เพราะยิ่งอายุ และจำนวนครั้งของการตั้งครรภ์มากเท่าไร ไข่จะมีโอกาสตกเยอะขึ้น โอกาสตั้งครรภ์แฝดก็มากขึ้นตาม อย่างในประเทศไนจีเรีย หญิงตั้งครรภ์จะมีโอกาสเป็นแฝดได้ร้อยละ 2 แต่หญิงที่ตั้งครรภ์ครั้งที่ 6 หรือมากกว่าจะมีโอกาสตั้งครรภ์แฝดได้ถึงร้อยละ 6.6

4. หญิงที่มีน้ำหนักตัวมากโดยสาเหตุมาจากการกินเยอะ จะมีโอกาสตั้งครรภ์แฝดมากกว่าหญิงรูปร่างผอม ที่เกิดจากภาวะทุพโภชนาการหรือขาดอาหาร ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความสมบูรณ์ของร่างกายครับ

5. การได้รับสารหรือยากระตุ้นให้ตกไข่มากกว่า 1 ใบ ซึ่งอยู่ในกลุ่มยาฮอร์โมน
6. การทำเด็กหลอดแก้ว

7. การกินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ประมาณ 3 ปีขึ้นไป เพราะยาคุมจะมีฤทธิ์ไปกดต่อมฮอร์โมนใต้สมองไม่ให้ไข่ตก แต่ถ้าเราเกิดอยากมีลูกและหยุดคุมขึ้นมาฮอร์โมนที่ถูกกดไว้มันจะเป็นอิสระ ทำให้ตกไข่ทีละหลายๆ ใบ จึงเกิดโอกาสเป็นเด็กแฝดได้มากกว่าคนปกติครับ

รู้ได้ไหม…หากตั้งท้องแฝด

" คุณแม่เมื่อมีลูกแฝดอาจจะมีอาการแพ้ท้องมากกว่าปกติ กินเท่าไรก็ไม่พอ เมื่อท้องไปสักพักแล้วรู้สึกว่าท้องมันใหญ่กว่าปกติมาก เช่นท้อง 3 เดือนเท่า 5 เดือนแล้ว หรือลูกดิ้นมากซ้ายทีขวาทีเต็มไปหมด ก็จะเป็นตัวบ่งชี้ แต่การอัลตราซาวนด์จะให้ผลแม่นยำที่สุด แค่อายุครรภ์ประมาณ 6 สัปดาห์ ก็จะเห็นแล้วว่าเป็นเด็ก 2 คน อยู่คนละถุงกัน"

แต่การตั้งครรภ์เด็กแฝดจะทำให้คุณแม่มีความเสี่ยงกว่าครรภ์ทั่วไปนะครับ เช่น

มีโอกาสแท้งและคลอดก่อนกำหนดสูงกว่าครรภ์ปกติ
โอกาสที่เด็กจะตายในครรภ์และแรกคลอด สูงมากกว่าปกติถึง 2 เท่า
เด็กอาจมีน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม
มีความผิดปกติแต่กำเนิดสูงกว่าครรภ์ปกติ
แม่เกิดอาการแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ โลหิตจาง รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด เด็กอยู่ในท่าผิดปกติ โพรงมดลูกใหญ่มากๆ
อาการแทรกซ้อนขณะคลอด เช่น มดลูกบีบตัวไม่ดี สายสะดือย้อยๆ จึงทำให้เพิ่มอัตราการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแม่
อาการแทรกซ้อนหลังคลอด เช่น ตกเลือด และการติดเชื้อฯ

ปัญหาเด็กแฝดที่พบบ่อย

เด็กแฝดในครรภ์จะเติบโตไม่เต็มที่ ยกตัวอย่าง เมื่อเด็กแฝดน้ำหนักตัวคนละ 2,000 กรัม คูณสองก็เท่ากับ 4,000 กรัม มดลูกก็จะเริ่มบีบตัวให้คลอดแม้ยังไม่ถึงกำหนด เพราะขนาดมดลูกจำกัดและรับไม่ไหว เด็กที่คลอดก็จะตัวเล็ก

เด็กต้องการอาหารมากพอสำหรับ 2 คน แต่แม่ก็กินได้จำกัด และยังมีปัจจัยเรื่องมดลูกอีก เพราะหากมดลูกของแม่ดีแข็งแรง อาหารที่ส่งมาก็จะมาก พบว่าแฝดในแม่อายุมากมดลูกจะไม่แข็งแรง ลูกได้รับอาหารน้อยหรือไม่ก็แย่งอาหารกันเองเมื่อเด็กคลอดจะมีอาการหายใจหอบ ติดเชื้อ อ่อนแอ ซึ่งเป็นโรคของเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อย

กรณีแย่งอาหารกัน ถ้าเป็นแฝดเหมือนเกิดจากไข่ใบเดียวกัน บางทีรกอาจจะเชื่อมกัน เด็กอีกคนก็จะดูดเลือดจากเด็กอีกคนไป เด็กที่ดูดเยอะก็จะตัวใหญ่ ส่วนอีกคนก็จะผอมแห้งเหี่ยว แต่เด็กที่ได้เลือดเยอะใช่ว่าจะดี เพราะมีโอกาสหัวใจวายได้เหมือนกัน แต่เด็กที่แย่จะเป็นคนที่ถูกแย่งเลือดไปมากกว่า จึงต้องดูแลเป็นพิเศษมากกว่าครรภ์อื่นๆ

หากคุณแม่มีเด็กแฝดในท้องเยอะ ประสิทธิภาพ ความสามารถ ความฉลาดและพัฒนาการจะไม่เท่าเด็กที่เกิดมาเดี่ยวๆ ได้

แม่ครรภ์แฝด ต้องดูแลอย่างไร

1. ฝากครรภ์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ชำนาญในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการแทรกซ้อน โดยเฉพาะการดูแลครรภ์แฝด
2. ต้องพักผ่อนมากกว่าหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป
3. กินอาหารที่มีประโยชน์และมีคุณค่ามากกว่าครรภ์ปกติ โดยเน้น โปรตีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม เช่น นม เนื้อสัตว์ และถั่ว เป็นต้น โดยถ้ากินนมสำหรับเด็กคนเดียว 2 แก้ว ก็จะเป็น 4 แก้วในท้องแฝด
4. กินยาบำรุงประกอบด้วย ธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และแคลเซียม เพื่อเสริมอาหารที่อาจจะให้ธาตุเหล่านี้ไม่เพียงพอ
5. ท่านอนที่ดีที่สุดคือนอนตะแคงเต็มที่ รองลงมาคือนอนกึ่งตะแคงซ้าย-ขวา หรือนอนยกตัวขึ้นมา 45 องศา เพื่อไม่ให้มดลูกที่มีเด็กและรกกดทับเส้นเลือดดำใหญ่ที่กลางหลังคุณแม่ ทำให้เลือดจะไหลกลับหัวใจลดลง ทำให้เกิดความดันต่ำ มดลูกขาดเลือดไปเลี้ยง ส่งผลให้เด็กอาจขาดออกซิเจนได้ ซึ่งถ้านอนราบหัวต่ำจะแย่ที่สุด
6. หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ เช่น มีน้ำหนักเพิ่มเร็วกว่าปกติมากจนถอดแหวนที่ใส่อยู่ไม่ได้ ขาบวมกดแล้วบุ๋ม ปวดศีรษะรุนแรง ตาพร่า ตกเลือด หรือเด็กดิ้นน้อยลง ฯลฯ
การตั้งครรภ์แฝดมีทั้งความสุขใจและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน หากคุณต้องการตั้งครรภ์แฝดก็ควรประเมินก่อนว่า เรารองรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ไหม เวลาที่คุณสามารถให้เขาได้ ทั้งวิธีการเลี้ยงดูก็สำคัญ เพราะการเลี้ยงดูเด็กฝาแฝดก็ต้องต่างจากธรรมดาอยู่แล้ว แต่เรื่องการเลี้ยงเด็กแฝดที่ถูกต้องนั้น การดูแลด้านจิตใจก็เป็นส่วนสำคัญมากครับ"

จิตใจของฝาแฝด

ผศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล ย้ำหนักแน่นค่ะว่าการดูแลด้านจิตใจของเด็กแฝด มีความสำคัญมากไม่แพ้การดูแลตนเองของแม่ในยามตั้งครรภ์เลย

"…ผมขอเริ่มจากจุดสังเกตที่คุณพ่อคุณแม่และคนส่วนใหญ่ที่ชอบปฏิบัติกับเด็กแฝดคือ แต่งตัวเหมือนกัน ตั้งชื่อคล้องกัน เล่นด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกัน ฯลฯ ความเหมือนที่ใครๆ ชอบนั้นอาจทำให้เด็กๆ เกิดปัญหาได้เหมือนกัน เรามาเริ่มดูปัญหาของเด็กแฝดที่ใครๆ ไม่ค่อยคิดถึงกันก่อนครับ"

ปัญหาที่ซ่อนอยู่…ระหว่าง 2 เรา

ปัญหาเด็กติดกันในด้านจิตใจ แฝดอยู่ติดกันมากเกินไป เล่นกันอยู่ 2 คน ไปไหนกัน 2 คน หากขาดคนใดคนหนึ่งไปก็จะรู้สึกเหงา เศร้า

ขาดทักษะทางสังคมหรือมีทักษะการเข้าสังคมน้อย เนื่องจากเด็กจะเรียนรู้เฉพาะนิสัยคู่แฝดของตนเอง รู้สึกว่าอยู่ 2 คนได้ จึงไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องปรับตัวเข้ากับคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยกับเพื่อนอย่างไร เมื่อต้องอยู่คนเดียว ไม่เข้าใจและยอมรับอารมณ์ของคนอื่น

คนใดคนหนึ่งโดนเปรียบเทียบ อย่างคนพี่เรียนเก่งกว่าคนน้องแล้วเราเปรียบเทียบ คนน้องก็จะรู้สึกมีปมด้อย อิจฉา โกรธ เสียใจ และขุ่นเคือง รู้สึกว่าแม่ลำเอียง มีความรู้สึกที่เป็นลบ

รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องขึ้นอยู่กับแฝดอีกคน อย่างเช่น เวลาอยู่ด้วยกันจะมีความมั่นใจมากกว่า ได้รับความสนใจเนื่องจากเป็นแฝด
ที่กล่าวมานี้เป็นปัญหาในหัวข้อใหญ่ๆ ที่เกิดกับเด็กแฝดทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเลี้ยงดูแบบขาดความเข้าใจ ผมอยากแนะนำการเลี้ยงดูเขาอย่างง่ายๆ ถูกวิธีและไม่ยากอย่างที่คิดด้วยครับ

ให้ฉันคือฉัน ไม่ใช่ฉันคือเรา

ปฏิบัติกับเขาให้เหมือนเขาเป็นคนๆ เดียว ไม่ใช่เป็นคู่เหมือน ให้เขามีความเป็นปัจเจกบุคคล ให้เขารู้สึกว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นฉันเอง ฉันไม่ใช่เรา สามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้ ทำอะไรแตกต่างกับอีกคนหนึ่งได้

หลักจริงๆ คือพ่อแม่ควรกระตุ้นส่งเสริม ให้เด็กแฝดมีความชอบเพื่อน หรือมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง ไม่ใช่ว่าทุกอย่างตั้งแต่ตื่นเช้าจนเข้านอนเหมือนกันหมดทั้งวัน พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการยัดเยียดความเหมือนให้แก่ลูก เช่น ตั้งชื่อคล้ายกัน ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน ฯลฯ จริงๆ แล้วเราควรปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาไม่ใช่คนคนเดียวกันดีกว่า เหมือนว่าเขาไม่ใช่แฝด ต้องทำให้เขาสามารถอยู่ได้โดยลำพัง

เช่นถ้าคุณพ่อคุณแม่ชอบให้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน ช่วง 2-3 ขวบ สามารถทำได้ แต่หากเกิน 3 ขวบไปแล้ว อยากให้เลือกเสื้อผ้าในลักษณะที่เด็กชอบ อาจจะเหมือนกันก็ได้ไม่เหมือนกันก็ได้ อย่ายืนยันกับเด็กทุกครั้งที่จัดชุดว่า วันนี้ไปเที่ยวห้างต้องเป็น 2 ชุดที่เหมือนกันนี้นะ เราให้เด็กมีสิทธิเลือกสิ่งที่แตกต่างกันได้ แต่ถ้าเขายืนกรานที่จะใส่เหมือนกันบ้าง เราก็อาจจะอนุโลมเป็นบางครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกครั้ง เพราะว่าเราจะต้องปลูกฝังว่า "เขาคือเขา ฉันเป็นฉันเอง"

เมื่อเด็กเริ่มโตมีความอยากรู้อยากเห็น อยากสำรวจสิ่งรอบตัว คุณพ่อคุณแม่ควรจัดของเล่นให้หลากหลาย ไม่ใช่ซื้อของเล่นแบบเดียวให้เขาเล่นหรือซื้อคนละสี ซึ่งไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนเป็นตัวของตัวเองเลย

ชื่อคล้องพ้องใจ

เริ่มจากการตั้งชื่อ คุณพ่อคุณแม่ชอบที่จะตั้งชื่อให้คล้องกันนัก เช่น เมฆ-หมอก แก้ว-กล้าฯ ควรจะตั้งชื่อให้เป็นอักษรคนละตัวไปเลยดีกว่า เช่น เมฆ-ฝน แก้ว-ขวัญ เพื่อให้เรียกง่ายด้วย

เป็นการป้องกันคุณพ่อคุณแม่และเด็กไม่ให้เกิดความสับสน ป้องกันการเรียกผิดอ ย่าพยายามเรียกเขาทั้งคู่ว่าแฝด อย่างแฝดพี่แฝดน้อง ควรเรียกชื่อไปเลย และเรียกให้เหมือนกันทั้งบ้าน ไม่ใช่แม่เรียกชื่อเล่นแต่พ่อเรียกแฝด เรื่องนี้สำคัญต้องตกลงกันให้ดีครับ

พวกผู้ใหญ่ช่างเปรียบ…

สิ่งที่พ่อแม่ชอบทำพลาด ไม่เฉพาะเด็กฝาแฝดแต่เป็นเรื่องระหว่างพี่น้องด้วย คือเวลามีลูกมากกว่า 1 คน ผู้ใหญ่มักชอบเปรียบเทียบเด็ก เช่น ไม่เห็นเก่งเหมือนพี่เขาเลย ไม่เห็นฉลาดเหมือนน้องเลย โดยเฉพาะเด็กแฝดเขาจะอ่อนไหวต่อเรื่องนี้มาก ฉะนั้นเรื่องนี้ห้ามและต้องระวังเด็ดขาด

เพราะจิตใจเด็กแฝดหรือเด็กปกติที่ถูกเปรียบเทียบ จะรู้สึกโกรธ เสียใจ อิจฉา รู้สึกว่าแม่ลำเอียง จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ควรระวัง เช่น บางทีเราไปเจอเพื่อนแล้วเผลอคุยเปรียบเทียบลูกให้เพื่อนฟัง ขณะที่ลูกก็อยู่ตรงนั้น อย่างนี้ไม่ดีแน่

ที่สำคัญถ้าความรู้สึกเปรียบเทียบนี้ติดมาถึงโต ทำให้เปลี่ยนความคิดที่เป็นปมด้อยยาก สิ่งที่อยากแนะนำก็คือ ต้องหาจุดดีของเด็กแต่ละคนให้ชัด พูดบอกถึงจุดดีของเขา เช่น หนูมีเสน่ห์ เรียนดี อีกคนหนึ่งเราก็บอกว่า หนูเล่นกีฬาเก่ง วาดรูปเก่ง แต่อย่าพูดคำว่า "กว่าใคร" จริงๆ แล้วหลักการนี้ก็ใช้กับการเลี้ยงพี่น้องทั่วไปก็ได้ครับ

อีกอย่างหนึ่งก็ควรยืนยันกับทางโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลว่าขอแยกห้อง เขาจะได้มีเพื่อนที่หลากหลายที่ไม่ใช่เล่นอยู่แต่กับคู่แฝด ให้เขามีสังคมของตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงครูหรือเพื่อนในห้องที่จะเปรียบเทียบด้วย เพราะอย่างไรเสียครู และเพื่อนก็อดที่จะเปรียบเทียบฝาแฝดไม่ได้หรอกครับ

โลกนี้ไม่ได้มีแค่สองเรา

เด็กฝาแฝดมักติดกันในด้านจิตใจ ทักษะทางสังคมน้อยและมีเพื่อนน้อย เพราะเขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้หรือศึกษาอารมณ์คนอื่นว่าเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะเล่นแต่กับคู่แฝด จึงรู้จักรู้ใจกันดีอยู่แค่ 2 คน โอกาสที่จะไปเล่นกับเด็กคนอื่นมีน้อย ยิ่งถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจ ชอบให้ลูกอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ก็จะเป็นข้อเสียเข้าไปอีก

ปัญหารุนแรงคือเมื่อแยกแล้วเด็กต่อต้าน อย่างอยู่คนละห้องก็ไม่ยอมไปโรงเรียน มีความวิตกกังวล ไม่ตั้งใจเรียน จะชะเง้อมองหาแฝดอีกคน หากเกิดปัญหามากอาจอนุโลมให้เขาเรียนอยู่ห้องเดียวกัน แต่ว่านั่งอยู่คนละมุมห้องก็ได้ครับ

ยอมรับความเหมือนความต่าง

ความรู้สึกของลูกจะเริ่มจากวิธีการเลี้ยงของพ่อแม่ สมมติเราพบว่าคนโตชอบฟุตบอล คนเล็กชอบเทนนิส แต่ใจพ่อแม่อยากให้เรียนด้วยกันเพราะรับส่งง่าย เด็กก็จะคิดว่าต้องทำอะไรเหมือนกัน เพื่อสร้างความสะดวกแก่พ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่ต้องแสดงให้เห็นว่าเรายอมรับความแตกต่างของเขา และไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีสังคมที่เขาชอบไม่เหมือนกัน

พ่อแม่จะเคยชินกับความเหมือนของเด็กฝาแฝดมากกว่าความต่าง แต่ความแตกต่างนั้น จิตแพทย์ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อเรายอมรับความแตกต่างของเขาได้แล้ว คราวนี้แหละครับคุณพ่อคุณแม่ ต้องมีลูกล่อลูกชนกันหน่อย แต่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงแน่ หากคนหนึ่งอยากไปทะเล อีกคนอยากไปภูเขาก็จัดเป็น 2 ทริป ผลัดกันไป หรือปีนี้ไปที่นี่ก่อน ปีหน้าค่อยไปภูเขา แต่ต้องมีเหตุผลได้ว่านี่ฤดูร้อนไปทะเลก่อน ส่วนฤดูหนาวค่อยไปภูเขา สอนให้เขารู้จักความผิดหวัง และรู้จักที่จะรอคอยเป็น

อย่างครอบครัวที่มีพี่น้องอยู่ร่วมกับฝาแฝด จะมีปัญหาเด็กแฝดเล่นกันเอง ไม่ค่อยเล่นกับพี่น้องหรือคนอื่นๆ ในบ้าน พ่อแม่ต้องสร้างกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ เช่น แยกพาแฝดคนหนึ่งไปเที่ยว ทิ้งอีกคนไว้อยู่กับคนอื่นๆ ในบ้านบ้าง

ซึ่งแรกๆ แฝดคนที่อยู่บ้านจะรู้สึกหงอยและซึม ก็เป็นหน้าที่ที่เราต้องเข้าไปช่วยหากิจกรรมให้เขาทำ เช่น เช่าวิดีโอการ์ตูนมาดู ให้เขารู้สึกว่าอยู่บ้านกับพี่น้องคนอื่นๆ ก็สนุกเหมือนกัน เราต้องสร้างกิจกรรมที่เด่นและสนุกไม่แพ้กัน

ห้ามทัพแฝด…ทะเลาแย่งของ

ควรให้เขาสลับกันเล่นและสอนการแบ่งปัน หากร้องแย่งกันก็พูดเหตุผลว่า ตกลงกันแล้วใช่ไหมว่าอย่าแย่งกัน แล้วก็รีบเก็บของเล่น ไม่ต้องให้ใครได้เล่น ไม่ต้องไต่สวนว่าใครเริ่มก่อน ทะเลาะครั้งที่ 1 ริบ 1 วัน ครั้งที่ 2 ริบ 2 วัน บางคนจะซื้อของเล่น 2 ชิ้นให้เพื่อเป็นการตัดปัญหา แต่เด็กก็จะแย่งกันอยู่ดี ถ้าต่างสีกันต้องมีคนใดคนหนึ่งอยากเล่นสีที่ไม่ใช่ของตัวเอง หรือพอของตัวเองเสียก็เลยต้องมาแย่งของอีกคนหนึ่ง

ฉะนั้นซื้อของให้ชิ้นเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่เราเตรียมรับมือดีๆ เพราะลูกยังไงก็ต้องแย่งของเล่นกัน ควรเตรียมเทคนิคเมื่อลูกแย่งของเล่นดีกว่า ที่สำคัญควรเตรียมคนรอบข้างอย่างปู่ย่าตายายหรือในหมู่ญาติ เวลาให้ของควรให้เป็นของที่แตกต่างกัน หากเด็กไม่พอใจเราก็ต้องสอนให้พอใจในสิ่งที่ได้มา ต้องเป็นเทคนิคของพ่อแม่ อย่างญาติให้สมุดกับกล่องดินสอ ก็ต้องบอกว่าสมุดมีลายการ์ตูนสวยนะ หรือกล่องดินสอมีกบเหลาติดมาด้วย พูดปลอบใจให้เขาพอใจในสิ่งเขาได้

แยกเลี้ยงดีไหม…เขาจะได้ไกลกันบ้าง

ไม่แนะนำให้แยกจากพ่อแม่ไปเลยครับ ยกเว้นแต่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างพ่อแม่ เพราะเมื่อเขาโดนแยกจะรู้สึกเหมือนสูญเสียเพื่อน หากต้องแยกจริงๆ ก็ควรจะมาค้างที่บ้านคืนเสาร์-อาทิตย์บ้าง หรือโทรคุยกันบ้าง หากเขามีความคิดถึงกันมาก ก็สามารถใช้วิธีพกรูปคู่แฝดของตัวเอง เวลาคิดถึงก็ให้หยิบขึ้นมาดู แต่อย่างไรเสียก็ไม่ควรแยกครับ

แฝด…ความเหมือนที่พิเศษ

ความพิเศษตรงนี้เป็นเหมือนดาบสองคม หากความพิเศษทำให้เด็กรู้สึกมีความภาคภูมิใจแล้ว เด็กไม่ได้มีปัญหาเรื่องการปรับตัวเมื่อแยกจาก ตรงนั้นก็ถือว่าเป็นข้อดี แต่หากความเป็นคนพิเศษของเขา หมายถึงการอยู่ด้วยกัน แล้ววันหนึ่งต้องแยกจาก ความไม่มีคู่ก็จะเหมือนไม่มีจุดสนใจ ซึ่งกลายเป็นอาวุธที่ทิ่มแทงจิตใจเขา เราต้องสร้างให้เขามีจุดเด่นในตัวเองได้ ไม่ใช่พึ่งพาความเด่นของความเป็นแฝด เขาต้องมีความมั่นใจในตนเอง

เรื่องเด็กแฝดที่ต้องดูแลก็มีแค่นี้แหละครับ คุณพ่อคุณแม่คงเข้าใจและเตรียมรับมืออย่างถูกวิธีมากขึ้น เด็กแฝดเลี้ยงไม่ยากอย่างที่คิดหรอกครับ ถ้าเราเข้าใจเขา ความสุขคูณสองก็อยู่ในบ้านเราเอง"



....................... (update 27 มิถุนายน 2003) ..........................
[ ที่มา.. นิตยสารดวงใจพ่อแม่ ปีที่ 8 ฉบับที่ 85 พฤศจิกายน 2545 ]



Create Date : 19 กรกฎาคม 2551
Last Update : 19 กรกฎาคม 2551 14:09:55 น.
Counter : 5194 Pageviews.

7 comments
  
๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เจิม ๙๙๙๙๙๙๙๙๙


คุณแม่น้องฟิวส์ พี่ก็อยากมีลูกแฝดเหมือนกันนะคะ อยากได้ลูกสาว
โดย: kateking(แม่คิงคอง) (kateking ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:30:09 น.
  
มาอยากได้ลูกฝาแฝดด้วยคน ต้องเป็นลูกสาวเหมือนกันค่ะ..

คงเป็นแค่ความฝัน เพราะตอนนี้เจ้าสองหนุ่ม ทำเอาหมดเรี่ยวหมดแรงไปเลยค่ะ
โดย: ฟ้าสวยมาก วันที่: 20 กรกฎาคม 2551 เวลา:2:34:14 น.
  
หุหุ ... มีคนมาเจิมให้แว้ว ... ขอให้เฮง ๆ ค่ะ

ขอให้ได้แฝดกันทั้งบ้านทั้งเมืองนะคร้า ... สาธุ ๆ
โดย: แม่น้องฟิวส์จ้า (คุณแม่ลูกสาม) IP: 58.8.141.75 วันที่: 20 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:05:01 น.
  
แฝดทั้งบ้านทั้งเมือง ชักกัวแฮะ555
โดย: rainfull วันที่: 24 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:12:37 น.
  
แก้ให้นะครับ

1. แฝดแท้ เกิดจากไข่ 1 ใบ Identical winsไม่ใช่ Indentical twins หรือใช้คำว่า Monozygotic twins ก็ได้

2.แฝดเทียมที่เกิดจากไข่มากกว่า 1 ใบ เค้ามักจะใช้คำว่า Non-Identical twins หรือ DiZygotic twins (Fraternal twins ก็เป็นคำเรียกแบบทั่วไปเหมือนที่เราเรียกว่า แฝดพี่แฝดน้อง)

ผมสังเกตุเห็นอย่างนึง บทความนี้เหมือนกับแปลมาจาก Wikipedia ยังไงยังงั้น

พอดีผมก็ได้แฝดเหมือนกันครับ ตอนนี้อายุ 3 เดือนแล้ว เป็นแฝดชาย- หญิง (Non-Identical twins) ที่มาเองแบบธรรมชาติครับ ผมเลยบ้าเห่อหาข้อมูลเกี่ยวกับแฝดมากเป็นพิเศษ มีบทความเกี่ยวกับแฝดที่ไหนเข้าไปอ่านหมด
โดย: megaxx IP: 110.164.97.141 วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:22:39:56 น.
  
อยากรู้ว่าถ้าเห็นตัวเด็กแยกกันตั้งแต่2เดือนแรกเด็กหน้าจะเหมือนกันหรือเปล่า
โดย: กิฟ IP: 101.109.85.5 วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:12:58:28 น.
  
เลี้ยงไม่ยากแต่พอเกิดเหตุเด็กแฝดมักประสพเคราะห์กรรมคล้ายกัน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไม่รู้ บางคนบอกว่าอยู่ที่ดวงพ่อแม่ด้วยว่าจะเลี้ยงลูกแฝดแล้วดีหรือไม่ดี อยากรู้เหมือนกันว่าจริงไหม
โดย: แม่แฝด IP: 1.0.152.204 วันที่: 29 มกราคม 2556 เวลา:11:44:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nomnom
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



นาฬิกา
กรกฏาคม 2551

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31