บ้านเรา: เลย เถิดจนถึง เชียงคาน / ตอนที่สอง
ตอนที่ สอง ปฏิบัติการหาที่ซุกหัวนอน เลย เถิดจนถึง เชียงคาน
พี่ครับ!!...คิดเงินด้วยครับผม ผมเรียกพี่ชายเจ้าของร้าน "ทั้งหมด 60 บาทครับ" พี่ชายเจ้าของ ร้านน้องดาว ที่ผมฝากท้องและใช้เป็นสถานที่เติมพลังในการการเดินทาง บอกค่าเสียหายที่ผมได้ทำเอาไว้อย่างไม่เหลือซากเพราะด้วยความอร่อย พร้อมกับยิงคำถามมาด้วยความมีมิตรไมตรีว่า "วันนี้..น้องจะนอนที่ไหนหรอ?"
ผมคิดในใจ...ทำท่าเอียงคอเล็กน้อย...เอานิ้วชี้จิ้มไปที่แก้ม เหมือนสาวน้อยในภาพยนตร์เกาหลี ที่มาพร้อมกับคำว่า "อึ้ง" ในสมองอันน้อยนิดของผม แล้วผมก็ตอบกลับไปว่า ยังไม่รู้เลยครับน้า...เอ้ย...พี่ ว่าคืนนี้จะนอนที่ไหนดี
พี่ชายเจ้าของร้านทำหน้างงๆ...เพราะคงสับสนอยู่ละว่า ตกลงผมจะให้เขาเป็นญาติฐานะไหน กันแน่ เดี๋ยวก็ "พี่" เดี๋ยว "น้า" แต่ไม่ว่าผมจะเรียกพี่เค้าว่าอะไร พี่เขาก็ตอบกลับมาด้วยสีหน้าและท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสว่า ถ้าน้องยังไม่รู้ว่าจะไปพักที่ไหน ก็พักที่บ้านพักของอุทยานฯ ก่อนก็ได้นะ เพราะช่วงนี้ทางอุทยานฯ เค้าลดให้ 10% มันก็จะเหลือคืนละไม่กี่ร้อยบาทต่อหลังเอง
ตาวาวเลยซิครับพี่น้อง...เมื่อโดนยื่นข้อเสนอที่ดีพร้อมความมีมิตรไมตรีที่มีให้ แต่ผมก็คงต้องบอกปฏิเสธตัดใจจนกลายเป็นนักท่องเที่ยวที่ใจร้ายกับข้อเสนอดีๆ แบบนี้ เพราะผมเองก็ยังคงมุ่งมั่นตามคอนเซปที่ว่า "เป้าหมายมีไว้พุ่งชน" แล้วเป้าหมายของผมในคืนนี้ก็คือ ภูทับเบิก ผมจึงตอบกลับพี่เค้าไปว่า คืนนี้คงจะไปนอนที่ภูทับเบิกนะครับพี่
ผมอยากไปดูดาวบนดินที่นั่น พูดจาร่ำลาบอกกล่าว (คล้องพวงมาลัยดวงเรือง) กับพี่ชายเจ้าของร้านผู้ใจดีเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ผมขึ้นรถยนต์พร้อมกับขับเร่งเครื่องยนต์พุ่งออกไปตามถนนที่ตัดผ่านป่าทึบ คดเคี้ยวไปมาในเขตอุทยานฯ แต่ก็ยังอยู่ในความเร็วที่สามารถควบคุมได้ หากมี สิงห์สาราสัตว์ หรือ อะไรบางอย่างตัดหน้า
หมายเหตุ ไม่กล้าระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นอะไร เพราะจะบอกว่าตอนนั้นกลัว จุดจุดจุด มากมาย คงไม่ต้องบอกนะครับว่ามันคืออะไร
เวลา 20.35 น. ภูทับเบิก...ผมมาถึงภูทับเบิกแล้ว เย้...จะได้นอนแล้วเว้ยเฮ้ย หลังจากที่ขับรถยนต์มาตั้งแต่บ่ายจนค่ำ แต่ชีวิตของคนเรามันมักจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป บางสิ่งบางอย่างมันต้องมีอุปสรรคในชีวิตให้ต้องต่อสู้บ้างซิน่า ยิ่งกับชีวิตของคนที่ไม่ได้วางแผนการเที่ยวอย่างผมในทริปเลยเถิดอันนี้ด้วยแล้วละก็ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่า ขวากหนามมันจะมากและลำบากขนาดไหน
45 นี่ไม่ใช่การให้เลขมงคลหรือเลขเด็ดอะไร แต่มันคือตัวเลขของเวลาที่มีหน่วยเป็นาที ที่ผมใช้ในการหาที่พักหรือที่ซุกหัวนอนของผมในค่ำคืนนี้ กว่าผมจะหาที่หลับที่นอนได้ ก็เล่นเอาเสียผมเหงื่อตกไปไม่ใช่น้อยในยามที่อากาศเย็นและลมแรงบนยอดภูเช่นนี้ได้เหมือนกัน เพราะคำตอบที่ผมได้จากที่พักเกือบทุกที่ ที่ผมไปถามคือ "เต็ม" ไม่มีห้องว่างเหลือเลย กับ "ไม่มี" พนักงานออกมาต้อนรับแขกที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลามาหาห้องพักในเวลามืดค่ำ อย่างผม แต่สุดท้าย ท้ายสุด ผมก็มาลงเอยที่ บ้านชมดาวรีสอร์ท ผมอยากจะบอกเลยว่า บ้านพักที่นี่มีการทำความสะอาดใช้ได้เลยที่เดียว แถมพี่เจ้าของรีสอร์ทชื่อสั้นๆ น่ารักและขนาดเล็กๆ แห่งนี้ก็ใจดีเอามากๆ เพราะเวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้ แต่พี่ท่านก็ยังออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนกับจะบอกว่าผมไม่ได้มาขัดจังหวะเวลาพักผ่อนหรือการนอนของพี่เค้าเลย ด้วยต้องบอกว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทขนาดเล็กจริงๆ เพราะพี่เค้ามีบ้านพักรับรองตั้ง 2 หลัง ย้ำ 2 หลัง ครับพี่น้อง แต่ก็ช่างเถอะครับ จะเล็กหรือจะใหญ่ขนาดไหนผมไม่สนแล้วละ ณ วินาทีนี้ ผมขอแค่ความปลอดภัยและสามารถซุกหัวนอนได้ก็เป็นพอ ผมจัดแจงเข้าห้องพัก สำรวจความเรียบร้อยของห้องและเอาสิ่งของเข้าที่ ผมก็รีบพุ่งออกจากที่พักพร้อมหยิบกล้องตัวโปรดออกไปเก็บบรรยากาศที่เค้าว่ากันว่ามันคือ ดาวบนดินเสียหน่อย
แต่ด้วยความหนาวเย็นบนยอดภูและลมแรงถึงแม้นว่าจะเป็นช่วงปลายฤดูหนาวก็ตามที จึงทำให้เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงเลยทีเดียวในการถ่ายภาพตอนกลางคืนมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ผมลืมเอาขาตั้งกล้องมาด้วยแบบนี้ จึงทำให้ความสามารถในการถ่ายภาพลดลงทันที เพราะมัน สั่น ครับ ด้วยเหตุนี้ผมจำเป็นที่จะต้องใช้ทฤษฎี 100 หยิบ 1 ในการถ่ายภาพในค่ำคืนนี้เลยทำให้ได้ไม่กี่ภาพ
แต่กระนั่นก็ตาม...ถึงแม้นว่าภาพดาวบนดินที่ถ่ายออกมามันจะใช้ได้แค่ไม่กี่ภาพ แต่ความรู้สึกและภาพความประทับใจของดาวบนดินของที่นี่...ก็ได้ถูกเก็บเป็นประสบการณ์และความทรงจำของผมเป็นเรียบร้อยแล้ว ฝันดีนะ...ดาวน้อยบนหอยสังข์บนดินของพี่นมชมพู
นมชมพู
Create Date : 08 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2556 1:10:03 น. |
|
1 comments
|
Counter : 324 Pageviews. |
|
|