แมวขนฟู....ช่วงนี้ขอตามรอยพ่อ #ตามรอยพ่อ #โครงการพระราชดำริ
space
space
space
<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
space
space
18 พฤศจิกายน 2556
space
space
space

นอนดูดาว....เขาใหญ่ กับ เสียงเพลง




13...14...15 พย. 56  
ตรงกับวัน พุธ พฤ ศุกร์

ทริปนี้เกิดจาก
1.ภาพเดียว...ที่เห็นจากในเว็ปฝรั่ง  เป็นรูปมอไซค์จอดคู่กับเต็นท์ พื้นหลังเป็นดาวเต็มท้องฟ้ากว้าง
2.อยากนอนฟังเพลงเก่าดูดาวที่พึ่งโหลดมาฟังใหม่ ในที่หนาวๆ
3.ถุงนอนอันใหม่
4.ค้นพบหูฟังขั้นเทพ ที่ได้จาก 7-11 (ซื้อมาหลักสิบยันหลักพัน ไม่ได้เรื่องสักอัน เจอซะที)
5.ความฝัน ความหลง ความรัก  (อย่างหลังอย่าเข้าใจมันเลย)

...........................................

13 พย. 56

ลมหนาวปลายปีพัดมาถึงบ้าน
ในใจนึกอยากออกทริปสักที่ใกล้ๆ
ในบ่ายวันพุธ... ฝนตกหนักมาก
พอฝนหยุดตก  รีบมัดเต็นท์กับถุงนอนอันใหม่พึ่งซื้อมา
ทริปนี้อยากลองถุงนอนอันใหม่ และสะสมเพลงเก่าไว้เต็มไอโฟน
ชอบขับรถฟังเพลงไปเรื่อยๆคนเดียว มันมีความสุขดี ไม่ต้องกังวลอะไร
เสียดายหน้าหนาว เสียดายโอกาสที่จะเจอความสุข เสียดายช่วงเวลาที่ธรรมชาติสวยที่สุดของปี เสียดายช่วงที่เรามีความสุขที่สุดของปี
เพราะภาระหน้าที่มากมายทำให้เราไม่ไป
แต่ทริปนี้..........ใจมันไปถึงก่อนแล้ว ร่างจึงตามไปทีหลัง
หัวใจมีความเร็วมากกว่าแสงเสียอีก...

ออกจากบ้านบ่าย 3 พอฝนหยุด ไม่มีแดดเลย
กระเป๋าเป้ใส่ตะเกียง แปรงสีฟัน ยาสีฟัน เป๋าตังค์
มัดทุกอย่างท้ายรถ ใส่ชุดการ์ด หมวกกันน็อค
แล้วขับออกจากบ้านไปแบบ งง งง

ขับไปถึงเขาใหญ่สัก5โมง  จ่ายค่าเข้าอุทยาน 70 บาท (มอไซค์30+คน40)

อากาศเย็น แหวกตัวกลางหมอกฝนบางๆ
พอให้หัวใจชุ่มชื่นได้มาก



ถึงลานกางเต็นท์ลำตะคอง
มีนักท่องเที่ยวไม่มาก เลือกทำเลที่ชอบได้
เราเลือกใกล้ริมน้ำ ในจุดที่เห็นท้องฟ้ากว้างกว่า เพื่อจะนอนดูดาว
นั่งกินไก่จ๊อ กับ ข้าวเหนียว จากร้านไก่ย่าง5ดาว จนมืดไป หิวมากๆ

มีภาพ1ภาพที่เป็นแรงบัลดาลใจ คือ ภาพมอไซค์ แคมปิ้ง ท่ามกลางดวงดาว
อยากได้ภาพแบบนั้นบ้าง แต่เป็นภาพของเรา
โยนกระเป๋า ถุงนอน เต็นท์ และความกลัว ความกังวลทุกอย่างลงจากรถ



พอ 2 ทุ่มกว่าอากาศก็เย็น แต่ท้องฟ้าไม่เป็นที่ใจหวัง
มีเมฆเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
เพราะความสุขมันไม่ใช่แค่ภาพถ่ายภาพเดียว
มีความสุขหลายอย่างที่ภาพเล่าเรื่องไม่ได้




พกตะเกียงเล็กๆแค่นี้ก้เพียงพอสำหรับเราตัวคนเดียวแล้ว
การมาแคมปิ้งในเป่าเขา
มันสนุกที่ได้เตรียมตัว เตรียมของที่จะนำไป
แล้วโดยเฉพาะมาด้วยมอไซค์ที่ขนของมาได้ไม่มาก
ของที่ใช้ จะต้องเป็นของที่ใช้จริงๆ ห้ามเกิน ห้ามขาด
ไม่เหมือนขับรถเก๋ง คิดจะเอาอะไรมาก็โยนๆๆๆๆใส่ท้ายรถแล้วออกมาเลย
แต่มอไซค์....ไม่



พอเวลา 4 ทุ่ม อุทยานจะปิดไฟถนนไฟทางทั้งหมดจนมืด
เป็นการบังคับว่า เราต้องพักผ่อน อย่าส่งเสียงดังนะ
ความสงบจึงเกิดขึ้น มีแต่แสงไฟจากเต็นท์ข้างๆเท่านั้น และไฟตะเกียงที่เปิดไว้ในเต็นท์
ความซวยคือลืมหยิบที่ชาร์ทสำรองไอโฟนมาหมดเลย  เตรียมใส่ถุงแล้ว ดันลืมยัดใส่เป้
แบตเหลือแค่ 60% จะใช้ทั้งทริปให้พอได้ยังไง
ก็ปิดสัญญาณสิ  ไม่ต้องเล่นเน็ตมาก  ฟังแต่เพลงเท่านั้น
หยิบหูฟังอุดหู เปิดเพลงเพราะๆที่เตรียมมา นอนดูเมฆไหลไปเรื่อยๆจนหลับ
ปิดโทรศัพท์ ไร้การติดต่อสือสาร 
อารมณ์อยากฟังแต่เสียงธรรมชาติ 



14 พย.56
หลับสบายท่ามกลางอากาศเย็น
สิ่งที่ทำให้ตื่น คือ แสงอาทิตย์ส่องเข้ามา รู้สึกร้อนจึงตื่น เสียงจากเต็นท์ข้างๆทำอาหารเช้ากินกัน
ประมาณ 8.00
ถ้าชีวิตปกติ สิ่งที่ทำให้ตื่นคือโทรศัพท์จากคนนั้นนี้โทรมา ไม่ก้เสียงทีวีข่าวสรยุทธ์ตอนเช้า
ถ้าวันทำงานก็เสียงนาฬิกาปลุก
ภาพนี้ถ่ายจากในเต็นท์ พึ่งตื่นก็หยิบกล้องทันที



เดินออกมาหน้าเต็นท์ ดูวิวรอบๆ ท้องฟ้าสดใส ที่คาดเดาไม่ได้ว่าคืนนี้จะเห็นดาวหรือเปล่า



บ้านของเรา รถของเรา จอดใกล้กัน ใครผ่านมาเห็น ก็จะมีคำถามว่า
มาคนเดียวหรือ   รถวิ่งเร็วสุดเท่าไหร่ รถสวยนะ เท่าไหร่  ขับมาจากไหน
อยากทำแบบคุณบ้างแต่มีครอบครัวแล้ว
มีความสุขนะที่ถูกถามแบบนี้  เมื่อก่อนเราก็เคยถามคนอื่นแบบนี้เหมือนกัน หุหุ



เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง เดินเล่นบนสะพาน ที่แกว่งไปมา




นอนสร้างภาพไปงั้น นอนบนพื้นหญ้าสบายกว่า



ครั้งแรกที่มาเขาใหญ่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว  ผ่านมาเท่าไหร่ ก็ยังถ่ายนี้มุมเดิมไม่เปลี่ยน
นี่ล่ะบ้านของเรา บ้านเขาใหญ่



แดดส่องแล้ว  สดใสร่าเริง หิวแล้ว



กลับมาที่เต็นทของเรา  เพราะหิว



แดดออกแล้ว เริ่มจะร้อน ต้องย้ายที่ แสงส่องมาพอ แชะสักภาพก่อนละ



เป็นสายที่แดดร้อน แต่มีลมพัดมาเย็นๆตลอด




ข้าวเช้า อรอ่ยเหาะ



เค้าพาเรามาถึงที่นี่ เหมือนเป็นรางวัลชีวิตที่เงินซื้อไม่ได้ ต้องพาตัวเองมาด้วย
แดดร้อน ย้ายเต็นทไปหาร่มเงาใต้ต้นไม้



นอนฟังเพลง ร้องเพลงคนเดียวไปเรื่อยๆ ปรับเต็นท์ให้เป็นเสื่อแทน ปูถุงนอนกางเป็นผ้าห่ม
นอนมองต้นไม้ท้องฟ้า ด้านบน เบลอให้งดงาม
บางทีชีวิตจริงเราไม่ต้องชัดเจนไปซะหมดก็ได้ ให้มันเบลอแบบไม่มีเหตุผลบ้างก็ดี



เพื่อนตลอดทริปนี้ มาคนเดียวอยู่กับเสียงเพลง สบายใจ ปิดสัญญาณโทรศัพท์ให้หมด เอาตัวออกจาก social network บ้างก็ดี


มีโทรศัพท์เป็นเพื่อน ที่กลายเป็นแค่ที่เล่นเสียงเพลง
การลืมเอาที่ชารทแบตสำรองมาก็ดีนะ ลืมแม่งหมดเลยย ที่ชาร์ท ถ่าน
แต่ไม่กลัว มีธรรมชาติ กับ ลมเย็น เป็นเพื่อนแทน



นอนดูท้องฟ้า ดุมันไหลไปเรือ่ยๆ
กำลังฟังเพลงนี้  ฟ้า ดอกไม้ และเธอ   - อิทธิ พลางกูร
ชอบเพลงคุณอิทธิมาก ถึงเค้าจะจากไปแล้ว แต่ขอบคุณที่สร้างเพลงสวยงามแบบนี้ให้เราฟัง
เป็นเพลงรักที่สวยงามมาก  เปรียบเทียบความรักกับดอกไม้ แสงแดด ท้องฟ้า
นั่นคงแปลว่า   ความรัก อยู่รอบตัวเราตลอด  แต่เราจะสนใจมันเมื่อไหร่
คนเราจะมีค่าให้คิดถึงเมื่อจากไปแล้ว
ผลงานคือสิ่งที่ทำให้คิดถึงและเรียนรุ้ตลอดไป
ให้พูดถึงความรักนะ เด่วยาววว 

"
มองไปสุดฟ้า ฟ้าคงมีอะไรมากมาย
ไกล ๆ ออกไป เมฆยังลอยอยู่บนฟ้าคราม

อยากให้เธออยู่ อยู่เสียด้วยกัน จับมือและบอกรัก เบาๆให้ฟัง
ดอกไม้ยังอยู่ อยู่ข้างในใจ ที่เธอให้กับฉัน ความรัก มัน..บานในใจ
อยากฝากลม พารักไป แม้นเธอไกลแสนไกล"




ตอนเที่ยงแดดร้อน แต่มีต้นไม้ทำให้เย็น
นอนหลับใต้ต้นไม้ ฟังเพลงเพราะๆไป มีความสุขสุดๆๆ



กะถุงนอนอันใหม่ อุ่นมากๆ
ถ้าจะเลือกถุงนอน เลือกขนาด 250 กรัม ขึ้นไป เนื้อผ้าด้านในแบบขนนิ่มๆ แบบผ้าร่มอย่าเอามา
เคยซื้อมา2อัน  ตอนมันเย็นๆโดนทีสะดุ้งเลย
เวลานี้กำลังกลายร่างเป็นหนอนนอ้ยละ อิอิ



เพราะความรัก ฉันเหมือนดอกไม้มีสีสวยงาม
ใบไม้เกี่ยวอะไร  พอดีร้องเพลงอยู่ 555


เงาจากจอไอโฟน



พอบ่ายโมง เริ่มหิว
มัดของท้ายรถ แล้วขับเล่นไปเรื่อยๆ จะไปไหว้หลวงพ่อเขาใหญ่ แล้วลงทางออกไปซื้ออาหารที่7-11
ผ่านจุดชมวิวยอดฮิต แวะจอดชมสักหน่อย



มาเที่ยวคนเดียว ไม่ค่อยมีรูป ต้องตั้งกล้องถ่ายเอง
อย่าไปพึ่งให้ใครถ่ายให้ เรายังไม่อยากถ่ายภาพคนอื่นเลยเวลาไปเที่ยว อยากถ่ายแต่วิว


คงมีเพียงเรา เรากับท้องฟ้า กาง



ลงมาถึงศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ละ สถานที่มีความทรงจำไว้มาก
เคยมาคุยกับท่าน ขอให้ท่านช่วยดลใจให้เจองานที่ชอบและใช่
อยากทำงานที่เป็นตัวเองและมีความสุขกับงาน
สมัยนั้นทำงานสถาปนิก ไม่มีความสุขเลย ตั้งแต่เรียนแล้ว
เราเชื่อว่า ถ้าเราทำในสิ่งที่ชอบ และกลายเป็นงานได้  เรามักจะได้งานที่ดีกว่าใคร เพราะมันทำด้วยใจ มันคือทั้งชีวิต   เราจะใช้ชีวิตอยู่ในสิ่งที่ไม่ชอบตลอดชีวิตหรือ  มันต้องตามหา
แล้ววันนี้ก็ตามหาจนเจอ   ได้กลับมาคุยกับท่านอีกครั้ง กับความสำเร็จที่ผ่านมา


จุดธูป อธิษฐาน
ขอ................



จุดไฟ



ขอให้เจอคนที่ดี  ลูกค้าที่ดี  โอกาสที่ดี
แต่ทั้งหมดอยู่ที่เราด้วย ถ้าเราทำทุกอย่างเต็มที่แล้วมันไม่ดี ก็คงซวยไป โทษตัวเอง อย่าโทษใคร



ไม่ได้เสี่ยงเซียมซี
กลัว

กลัวจะเป็นจริง



ขับออกด่าน อช.ไปทางฝั่งสระบุรี ให้ จนท.ปั๊มวันที่ไว้ จะได้ไม่เสียค่าเข้าอีกรอบ
 หาซื้อของกินอัดแน่นเต็มกระเป๋าจาก 7-11
แล้วก็วนกลับขึ้นมาทางด่าน
เจอลิงน้อยมากมาย
ถ้าขับเร็ว ชนตายแน่
แต่เราขับช้า ชิวๆ

ถือว่า ที่นี่เป็นบ้านของพวกเค้า เราต้องเคารพ ไม่รุกราน
เขาใหญ่ไม่ใช่ที่ลองความเร็ว  หรือเบิ้นท่อเสียงดังอวดใคร
บางคนเห็นเราชอบขับมอไซค์คันใหญ่ 
ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนแรง ชอบความเร็ว
ชอบขับชมธรรมชาติ ให้ลมลอดใต้หมวก แค่นี้มีความสุขแล้ว



จอดรถ ลงมาดูส่องพฤติกรรมลิง


เล่นกันสนุกจริงๆ



จอดแวะจุดชมวิว ในเป๋าเต็มไปด้วยขนมของกิน
ลิงตัวนี้ทำเนียน พอเราเดินไปถ่ายรูปอีกฝั่ง
ปีนรถจะเปิดกระเป๋าเลย
มีนักท่องเที่ยวแถวนั้น ตะโกนบอกก 555



กดได้มา1ภาพ รีบวิ่งมาที่รถ ลิงบุกกกกกก



ตัดสินใจกางเต็นท์นอนต่ออีกคืนละ 
กลับมาจอดนอนที่เดิมตรงนี้ดีกว่า
แต่เปลี่ยนมุมกางเต็นท์



ตอนนี้บ่าย2แก่ๆละ หิวมากๆๆ
กระจายของกินจัดฉากนิสนุง  ทรมานนะเนี้ยย หิวจะแย่



ปูเต็นท์เป็นเสื่อตรงนี้ซะเลย หลบแดดตอนบ่าย
ชอบที่กางเต็นทแบบนี้ จอดติดรถได้ มีรถอยู่ในสายตาตลอด



กิจกรรมทั้งทริปส่วนใหญ่เลย คือ นอนฟังเพลง ร้องเพลงคนเดียว รับลมหนาว
อย่างฟินนนนนนนนนนนน



บ้างก็หยิบกล้องมาถ่ายรูปเล่นๆ ทั้งวัน กับสิ่งที่อยู่รอบๆ แดดตอนบ่ายเริ่มลงละ รอกลางคืน



ตะเกียงLED ของเรา กลางวันก็หมดหน้าที่ กลางคืนค่อยทำงาน



ชาร์ทแบตตัวเองเต็มที่เลย แต่แบตไอโฟนกำลังจะหมด
แต่ถือว่าประหยัดแบตมากๆ พอปิดสัญญาณออก  ขนาดฟังแต่เพลงหลาย ชม. แบตหายไปนิดเดียว



ออกกำลังกายหลังกินอิ่ม เย้



บางทีเวลาเราจะเที่ยว ก็ชอบไปที่ไกลๆไม่เคยมา ไปเพื่ออยากรู้อยากเห็น ไป ตปท. ไปที่สวยๆ
แต่ทริปนี้ เราเลือกมาที่ๆเราคุ้นเคย ที่ๆไม่ต้องปรับตัวใหม่ ใกล้บ้าน อากาศหนาวดี
ทำให้เราเก็บความสุข เก็บจินตนาการได้เต็มที่
กลับบ้านมาไม่รู้สึกเหนื่อย  มีแรงทำงานในวันรุ่งขึ้นได้เต็มที่
เลยเกิดความคิดใหม่ๆว่า  เที่ยวแบบนี้ดีกว่า มันอิ่มมากกว่า
สังเกตุตัวเองหลายที เวลาไปเที่ยวกลับมา จะเหนื่อยล้า อยากนอนต่อสัก2วัน ค่อยทำงาน
แต่ทริปเบาๆแบบนี้  วันรุ่งขึ้นแรงทำงานเต็มปรี่เลยยย




เดินชมธรรมมาอีกฝั่งของทะเลสาบบนเขาใหญ่
ตรงนั้นคือที่เรานอนขี้เกียจ ฟังเพลงอยู่  ลมเย็นพัดมาตลอดเวลา
วันนี้วันพฤหัส นักท่องเที่ยวไม่มาก  จะไปกองอยู่ทางอีกฝั่ง
แต่เราเลือกฝั่งนั้น เพราะไม่อยากมีใครรบกวน และเราไม่กวนใครด้วย
นี่แหละ "ความสุขแห่งการสัณโดษ"



กวางเยอะไปหมด แต่ดีกว่าเจอลิง
ที่เขาใหญ่มีที่กางเต็นทได้2 จุด คือ ลำตะคลองที่นี่ และผากล้วยไม้
ถ้าไปที่ผากล้วยไม้ จะเจอลิงเยอะมาก ฉลาดกว่าที่คิดด้วย มันเปิดเต็นท์ได้
จึงชอบที่นี่มากกว่า พอดึกๆเรานอน กวางพวกนี้จะเดินมาเยี่ยมชมทุกเต็นท์



มุมที่เรานอน ไม่มีคนเลย สัณโดษสุดๆ
มีทะเลสาบ ต้นไม้ ลมหนาว พัดเป็นเพื่อนตลอดทริป
เที่ยวคนเดียวได้ ไม่เหงา
ไม่ต้องชวนใครคุย หรือนอนฟังเสียงใครกรน
เป็นคนโลกส่วนตัวสูง อดทนกับการอยู่กับคนมากๆไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้อยากรู้จัก
คุยกับตัวเองนี่ล่ะ สนุกดี




ดูกวางกินน้ำ เพลินดี



สิ่งที่เราลืมไปหลายปี มัวแต่ไปแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ราคาแพง
ความสุขที่ใกล้ตัวมากจริงๆ
คือสุขที่อยู่ในใจนี่เอง
มาคนเดียว ยิ่งทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น
คิดถึงสิ่งที่ทำผิดพลาด สิ่งที่ต้องแก้ไข
รูปแบบชีวิตที่ต้องการ การทำงานที่ต้องเลือกทำ ที่ทำแล้วมีความสุข
ชีวิตเราสั้นเหลือเกิน  เชื่อเถอะ
เวลาชีวิตตอนนี้มีค่าเหลือเกิน ทุกอย่างลงตัวไปหมด ไม่ว่าจะงาน ครอบครัว เพื่อนฝูง
มันก็มาจากพื้นฐานที่เราสร้างมาเอง  พอถึงวัย30 เราได้ใช้ทุกอย่างเต็มที่ ได้เห็นโลกมากขึ้น
เห็นสังคมมนุษย์  เลือกชีวิตตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาบังคับแบบตอนเด็กแล้ว
ชีวิตเป็นของเรา..........ใช้ซะ
อย่าไปเสียเวลากับสิ่งที่ไม่ใช่  คุณค่าเวลามีมากกว่าเงินทอง
แต่ไม่ได้หมายความว่าใช้เงินทองสุรุ่ยสุร่ายจนชีวิตเดือดร้อน
พอนั่งมองชีวิตคนรอบข้างตอนนี้เห็นความแตกต่างชัด
เพื่อนฝูงต่างพากันแต่งงาน มีครอบครัว สร้างฐานะ มีลูก ตามที่สังคมกำหนด
แต่เราไม่ได้เลือกชีวิตแบบนั้น
เราเลือกที่จะเป็นอิสระ จากสิ่งที่สังคมให้เป็น
การมีความรัก เป็นเรื่องที่ดี  ทำให้เรามีงานทำ 5555
ความรักจะมีก็ได้ แต่ต้องไม่เป็นห่วงผูกตัวเอง  ยังหาทางออกไม่เจอเลย 
ให้ความรัก เป็น ความฝัน  อยู่อย่างนั้นล่ะ  มันทำให้เราฟังเพลงได้เพราะขึ้น.....




ตกเย็นแล้ว ยิ่งมืด อากาศยิ่งหนาว
วันนี้หนาวกว่าเมื่อวาน




สิ่งที่เราหวังได้เจอดาวคืนนี้ก็เป็นจริง
เวลา 2 ทุ่ม เห็นดาวลอยมาแล้ว 
ด้วยการที่ชอบถ่ายรูป ก็ต้องจัดมุมสวยๆถ่ายรถกับเต็นท์
ย้ายไปเข็นไปเมื่อยแขนเลย  เพราะมุมท้องฟ้าโล่งๆไม่ค่อยมี มีแต่ต้นไม้ แสงแยงตา
การถ่ายภาพดาวต้องใช้สปีด 30 วิ  วางนิ่งๆบนพื้น ขี้เกียจแบกขาตั้งมา iso ถ้าใช้มากก่านั้นจะกลายเป็นดาวน้อยซ์แทน 555
แสงตอนนั้นต้องมืดทั้งหมดเลย
มีแต่แสงจันทร์ทำให้รถสว่าง  เปิดตะเกียงในเต็นท์ไว้ พอให้กล้องจับโฟกัสได้



ดีใจที่นอนต่ออีกคืน คืนนี้เห็นดาวเยอะ แต่ไม่มาก
ต้องรอหลัง4ทุ่ม ปิดไฟทางทั้งหมด ถึงจะเห็นดาวชัด
แต่พอถึงเวลานั้น เมฆก้ไหลมาเต็มท้องฟ้าไม่เห็นดาวเลย 




นินจากับดาว  หลงรักภาพนี้ที่สุดเลย
ภาพดูสว่างเหมือนถ่ายกลางวัน แต่ไม่ใช่ นี่มันจะ4ทุ่มแล้ว
เปิดสปีด 30 วิ วางกับพื้นใช้ขวดยาหม่องดันฐานกล้องไว้
หามุมที่ดีที่สุดของนินจา




ภาพที่ชอบที่สุดทริปนี้  บอกเล่าเรื่องราว ชีวิต เราได้ทั้งหมด
นี่ล่ะสิ่งที่ชีวิตต้องการ รอคอยมานานเหลือเกิน



ยิ่งดึกยิ่งหนาวมากกก หมดแรงจะออกไปนอกเต็นท์แบบไร้เสื้อกันหนาว
นอนอุ่นถ่ายจากในเต็นท์นี่ล่ะ  คืนนี้มีเพื่อนนอนดูดาวด้วยกันละ
ความมืดโกหกตาคนได้ แต่โกหกกล้องไม่ได้  มืดยังไงก็ถ่ายได้ตลอด



ชอบฟังเพลงเกี่ยวกับดาว 
เพลงที่สะสมไว้ได้มานอนฟังดูดาวที่นี่คนเดียวละ มีความสุขมากๆ
จนถึงเวลาตี2 ก็หลับไปพร้อมกับเพลงที่เล่น random ไปเรื่อยๆ
นอนมองรถ มองดาว จนหลับไป



ดึกๆ เมฆก็ไหลไปเรื่อยๆ นี่คือไคลแมกซ์ของทริปนี้
การได้นอนอุ่นในเต็นท์ ตาจ้องมองพระจันทร์สว่าง ที่มีเมฆไหลผ่านไปเรื่อยๆ
หยิบกล้องมาถ่ายเพื่อเก็บไปเล่าเรื่อง
มีความฝันมากมายที่อยากเล่า  เป็นคนเพ้อฝันนะ  เพ้อเจ้อด้วย 555
เด็กๆชอบนอนดูดาวบนโซฟานุ่มหน้าบ้าน
มีลมพัดเบาๆ เสียงเพลงเพราะเรื่อยๆ
จินตนาการถึงความสุขในวัยเด็ก ความสุขที่อบอุ่น ความสุขในวันคริสมาสต์
ความสุขของครอบครัว   ที่บางทีพอโตขึ้น ความสุขนั้นหายไป เหลือแค่ความทรงจำให้คิดถึง
โตขึ้นมาก็คงสร้างความสุขจากการเที่ยวถ่ายรุปนี่ล่ะ  อยากเล่าให้ดังๆเลย





พอหลับไป สักพักได้ยินเสียงกวางมาดมฟุตฟิตหน้าเต็นท์ ใกล้มากกกก
นอนปิดแต่มุ้ง ไม่ได้ปิดผ้าใบ เพราะอยากรับลม และเห็นดาวได้
เลยสะดุ้งตื่น กวางก็ตกใจรีบเดินหนีไป 5555
คืนนั้นหนาว งัวเงีย  เห็นท้องฟ้าดาวเต็มๆเลย แต่ว่า
หมดแรงจะออก  ขี้เกียจ อยากนอนน เลยไม่ได้ถ่ายรูปตอนนั้นมา

คืนนี้ก็จบด้วยเพลงเพราะๆนี้

ฝันไป-ธีร์ ไชยเดช

ฝันไป ไม่มีอะไรจะเกินเลยอีกต่อไป

ฝันไป ไม่มีอะไรจะให้ จะรับจากกัน

คนเรานานนาน หัวใจมันเปลี่ยนไป

ตัวเราพึ่งเข้าใจ ดูแต่วันวาน

ที่เธอเคยใส่ใจ วันนี้ไม่อะไรเหลือเลย

(*) แสงดาวที่เคยสุกใสสกาวอยู่บนฟ้าไกล

ลับไป หมดไปพร้อมหัวใจที่แสนสวยงาม

(**) ไม่มีเวลาให้เราได้ปรับใจ อยู่ๆ ก็ทิ้งไป

แค่เพียงแรงลมที่พัดแล้วผ่านไป

อย่างนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย

(***) ดูเหมือนเรานั้นคงฝันไป

ช่างเร็ว ช่างไว อย่างนั้น

วันเวลาที่เรารักกัน

มันมีแค่ในความฝัน.. อย่างเดียว





ศุกร์ 15 พย.56

วันนี้ตื่นสาย เพราะนอนดึก เมื่อคืนลมพัดแรงมากๆๆ จนเต็นท์ปลิว ดีที่มีตัวเรานอนทับไว้
เสียงคนกวาดใบไม้ ทำให้ตื่น
อาหารเช้า ที่อร่อยที่สุด ใส่ไข่ต้ม7-11 ไปด้วย อรอ่ยเหาะไปเลย
ส่วนตัว ถ้ากินอาหารอรอ่ยแล้วต้องต่อคิว และบรรยากาศไม่ได้เรื่องก็จะไม่ไป
เลือกอาหารอรอ่ยกลางๆ  แต่บรรยากาศดี  ทำให้อรอ่ยขึ้นเยอะ 




หุบเต็นทลงปูเป็นเสื่อแทน ไม่มีเต็นท์มาบดบังวิงท้องฟ้าละ  นั่งริมน้ำฟังเพลง รับลมหนาวกันไป



แอ็คถ่ายรูปเฉยๆ นั่งจริงไม่ได้หรอก หลังหักพอดี 555



เมื่อคืนไม่เหงา มีคนกางเต็นท์ประมาณ 5 เต็นท์ มาคนเดียวก็มี มาครอบครัว กับแฟนก็มี ปนกันไป
เต็นท์นั้นก็ชิวเหมือนเรา กางตั้งแต่เมือ่วาน พอสายๆก็ยังไม่ไปไหน
แต่กวางนี่ตัวกวนเลย ทำเราตกใจเมื่อคืน เม่นอีกด้วย 555



นอนพิงจนบ่ายๆค่อยกลับ สบายย



กิ่งไม้ในแอ่งน้ำ  พอให้เหงา แต่ไม่เหงา



ถึงเวลากลับละ ไม่อยากกลับเลย แต่มีงานแต่เช้ามืด โทรศัพท์ก็แบตหมดแล้ว
เก็บของมัดท้าย  วิ่งกลับทางเดิมที่มา ฝั่งปราจีนบุรี

.........................................
ขากลับ ลงเขา ขับรถเจอคนแบกของพะรุงพะรังเดินริมถนน พอเข้าไปใกล้เป็นฝรั่งมีอายุนั่นเอง
เราก็ชูนิ้วโป้งให้ เค้าก็โบกมาตอบ พอเราขับเลยไปสักพัก ก็วกรถกลับมา
ในใจคิดว่า เจอคนใจสู้ขนาดนี้ต้องขอไปพูดคุยด้วยสักหน่อย
จอดรถ ลงมาคุยเลย พร้อมขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
เค้าเป็นคนสวีเดน มาเที่ยวเมืองไทย แล้วเดินขึ้นไปกางเต็นท์บนเขาใหญ่ 4 คืน ด้วยของทั้งหมดที่อยู่บนหลังเค้านั่นล่ะ แล้วกำลังจะไปปราจีนต่อ
ของที่อยู่บนหลัง ก็เต็นท์ ถุงนอน รองเท้า  อาหาร ที่สะพายเอวไว้ก็กล้องถ่ายรูปกับแผนที่ แอบเห็นตอนเค้ากางแผนที่ให้ดูว่าจะไปไหน

ตื่นเต้นมากๆๆๆ อีกแรงบัลดาลใจที่เจอระหว่างทาง


นี่ยังตื่นเต้นไม่หายเลยเนี่ย  เจอคนเจ๋งๆระหว่างทางท่องเที่ยว




เค้าน่ารักดีนะ ขอถ่ายรูปก้ให้ถ่าย 



สุดท้ายแล้ว สิ่งทีทุกคนต้องเคารพป่าเขา สัตว์ป่า
เรามาบ้านของเขา เราก็ต้องเคารพเขาเช่นกัน   เขาใหญ่





เป็นทริปที่ประทับใจมาก
ไม่เหนื่อย และอิ่มกับธรรมชาติ ความสุข
ถึงกับเพ้อไปเป็นอาทิตย์เลย
การท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทุกแห่ง  เที่ยวคนเดียวได้
ราคาไม่แพง  ทั้งทริปใช้ไม่ถึง1000บาท
เติมน้ำมันเต็มถัง วิ่งไปกลับ 300 กว่าโล ยังเหลือ
แต่จะเหนื่อยขากลับ เพราะเจอแดดร้อน


ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ

-ค่าน้ำมันนินจา โซฮอล 91   500 บาท
-ค่าเข้าอุทยาน 70บาท
-กางเต็นท์ 30 บาท
-อาหาร 150 บาท
-ค่าทำบุญ จิปาถะ

.....................................................................

ทริปนี้ได้ความคิดใหม่ๆหลายอย่างให้ตัวเอง

-หากรักอิสระ สัณโดษ จงเอาตัวเองออกจากสังคม ออกจากsocial network fb บ้าง ถึงจะโดนคนอื่นหาว่าบ้าก็เถอะ 
-การท่องเที่ยวเห็นสิ่งใหม่ ไม่ได้อยู่ที่เป้าหมายที่ไปถึง แต่อยู่ที่การตัดสินใจก้าวขาออกจากบ้านต่างหาก
-เที่ยวป่าเขา เตรียมของให้ครบ  ทริปนี้ขาดหมอนเป่าลมไป กับลืมที่ชาร์ทแบตสำรอง
-ถ้าเหงา ก็หาเพื่อนข้างๆเต็นท์คุยได้  เขาเป็นคนสไตล์เดียวกับคุณ
-หากิจกรรมที่ชอบทำไปด้วย เช่น
เราชอบฟังเพลงก็จะเตรียมเพลงไปเยอะๆ ชอบถ่ายรูปก้เตรียมกล้องกับเลนส์ไป 
ถ้าใครชอบขีดเขียนความคิด เตรียมกระดาษนั่งเขียนเพลินๆได้
ถ้าใครชอบดูดาวก็เอากล้องส่องดาวไปด้วย 
ถ้าใครชอบวาดรูป  แค่กระดาษ กับ ดินสอ สี ก็สร้างงานศิลปะชั้นเยี่ยมได้
ถ้าใครชอบอยู่กับความฝัน  ก็ทิ้งความจริงไว้ที่บ้าน  ปล่อยใจให้ลอยไปกับธรรมชาติ

เราชอบถ่ายรุปกับเขียนความคิด.... เลยหยิบกล้องถ่ายรูปไป สร้างงานศิลปะ

และบันทึกความคิดชิ้นนี้สำเร็จ

ทริปนี้เขียนเยอะ  เพราะรูปถ่ายเก็บความสุขไม่หมด 

.......................................

สวัสดีความสุขชิ้นใหม่จากลิ้นชักใบเก่า

18 / 11 /13

F o o f r i d a y










Create Date : 18 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2556 22:48:12 น. 5 comments
Counter : 6331 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2556 เวลา:2:53:25 น.  

 
ขอบคุณที่ให้เราได้อ่านเรื่องราวดีๆ อยากที่จะใช้ชีวิตแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ตรงกับที่คุณเจอมาคือ....มีครอบครัวแล้ว แต่เที่ยวกับครอบครัวที่เรารักก็สนุกไปอีกแบบนะครับ มีอะไรใหม่แล้ว มาเล่าให้ฟังอีกนะครับ ขอบคุณครับ


โดย: sun IP: 110.168.205.176 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:05:03 น.  

 
ย่องมาดูบล๊อกนี้ต่อด้วยความชอบค่ะ


โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 2 ธันวาคม 2556 เวลา:13:15:48 น.  

 
ภาพสวยมากเลยค่ะ ชอบจัง ไปคนเดียวถ่ายภาพได้สวยจริงๆ ดูสดใสร่าเริงมากๆ ดูมีความสุขจังทั้งๆที่เที่ยวคนเดียว อยากได้โมเม้นนี้มั่งอ่ะ ^_^


โดย: แอน IP: 27.55.130.168 วันที่: 10 มกราคม 2558 เวลา:11:45:04 น.  

 
เพิ่งได้เห็น...ได้อ่าน...
เรื่องราวของคุณทำให้ผมนึกถึงตัวเองเมื่อ 20กว่าปีก่อน...แต่ผมไปกับรถทัวร์..รถตู้...
สันโดษดีครับ...ชีวิตนี้ใช้ให้คุ้มครับ!!!
ปล.ชอบภาพและงานเขียนของน้อง...สื่ออารมณ์ได้ดี..เห็นภาพเลย..ไว้ติดตามครับ


โดย: เป๊ะ IP: 180.180.134.152 วันที่: 29 กันยายน 2560 เวลา:9:35:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

คนหัวฟู
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เด็กบ้า

space
space
[Add คนหัวฟู's blog to your web]
space
space
space
space
space