|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
3.เทียนเล่มน้อย
ค่ายรับน้องของคณะเราจัดขึ้น 4 วัน 3 คืน สถานที่จัดก็คือหอพักนิสิตแพทย์ นั่นเอง ก็ทำกิจกรรมกันใต้หอ และ บริเวณโรงพยาบาล ที่นอนก็นอนบนหอพอดี ถือเป็นการประหยัดได้อย่างมากๆ หอพักแพทย์ที่นี่เรียกกันว่าหอใหม่ ทั้งที่ตึกก็ไม่ได้ดูใหม่เท่าไร แอบงงอยู่เหมือนกัน เราแอบเสียดายนิดนึง เพราะรู้สึกว่ารับน้องมหาลัยให้อารมณ์ไปเที่ยวต่างจังหวัดมากกว่า
กิจกรรมวันแรกส่วนใหญ่ก็จะเป็นการแนะนำให้น้องใหม่รู้จักกัน ก็สนุกดี ได้เจอเพื่อนหลากหลายแบบ หลายสไตล์มากๆ เสียแต่ที่นี่เต้นสันท์ไม่ค่อยมันเท่าไร สู้โรงเรียนเราไม่ได้ เด็กต่างจังหวัดเฮ้วๆ กว่านะ เราว่า สิ่งที่ได้ประโยชน์อีกอย่างของค่ายเฟรชชี่นอกจากรู้จักรุ่นพี่และเห็นหน้าค่าตาเพื่อนๆแล้ว ก็คือการได้ขึ้นไปนอนบนหอพักแพทย์และเที่ยวชมบรรยากาศโดยรวมๆดูก่อน เผื่อเปลี่ยนใจอยากจะเผ่นไปเรียนคณะอื่นจะได้ไหวตัวทัน มีหลายคนเหมือนกันที่มาเข้าค่ายเสร็จแล้วก็ย้ายไปเรียนคณะอื่นเฉยเลย
ห้องนอนที่นี่นอนห้องละสี่คนอ่ะ ไม่มีแอร์ แต่ห้องอาบน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น เราก็งงๆอยู่อ่ะ เราว่าเมืองไทยร้อนแล้วนะ อยากได้แอร์มากกว่าเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่ไกลจากหอพักนักก็มีตึกโรงอาหารที่พวกเราใช้ทำกิจกรรมกัน ชื่อว่าตึกไผ่สิงโต ตึกเก่าแก่ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ พศ.2526 โดยตั้งชื่อโรงอาหารตามชื่อโรงอาหารเก่าที่อยู่ข้างคลองไผ่สิงโต( เก่า ) เข้ามาในคณะ ปัจจุบันคลองนี้โดนถมทำเป็นถนนไปเรียบร้อยแล้ว ชั้นล่างของตึกไผ่เป็นโรงอาหาร ชั้นสองและสามเป็นห้องของฝ่ายต่างๆ ซึ่งในห้องติดแอร์เย็นๆ เข้าไปแล้วเย็นใจขึ้นมาหน่อย แต่บริเวณตามทางเดินนี่มีกลิ่นอาหาร เข้าไปทีไรก็ได้กลิ่นเป็นของแถมติดหัวออกมาด้วยเสมอ เราว่าแบบนี้น่าเสียดายอ่ะ เพราะถ้าไม่มีกลิ่น ตึกนี้ก็คงกลายเป็นสวรรค์ของนักทำกิจกรรมอย่างแท้จริง สิ่งที่เราประทับใจที่สุดของค่ายนี้เห็นจะไม่พ้นการบายศรี ( จริงๆ ก็เป็นไฮไลท์ของทุกค่ายอยู่แล้วมั้ง ) ปกติเราก็ซึ่งกับการบายศรีของแทบจะทุกค่ายอยู่แล้ว สมัยเด็กๆเข้าค่ายแล้วจะไม่ยอมถอดสายสิญจน์ผูกข้อมือ จนกว่ามันจะดำจริงๆ แต่บายศรีครั้งนี้ คงจะเป็นครั้งที่น่าจดจำที่สุดในชีวิต อาจจะเป็นด้วยบรรยากาศแห่งความยินดีที่จะได้เข้ามาเรียนในสถาบันแห่งใหม่ กำลังจะได้เป็นคุณหมอ สถานที่ที่เราจะร่ำเรียนเพื่อจบไปเป็นหมอ เป็นคนที่สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บของคนอื่นได้จริงด้วยสองมือของเรา การที่บอกว่าจะช่วยกันสร้างสังคมให้ดีขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ดูเลื่อนลอยเหมือนในอดีต เราหวังว่า เราจะสามารถเป็นเทียนเล่มน้อยๆ เล่มหนึ่ง ที่จะช่วยให้ความมืดในสังคมลดลงไปได้บ้าง
"จากวันนั้นเพื่อนขวัญเคยร่วมกัน ขับขาน ร่วมจิตใจ สู่วันนี้พี่น้องต้องจากไกล ฝากใจ ถึงทุกคน ด้วยความรักเปี่ยมล้นบนเส้นทาง สว่างไสว ในศรัทธา ร่วมกันสร้างพรุ่งนี้ของประชา ที่สดใส ให้เป็นจริง
*ชีวิตเธอนั้นมีค่า ปวงประชาเฝ้ารออยู่ รอเธอเป็นผู้ก้าวไป ดังมวลไม้ที่งอกงาม ยามถึงคราวชูช่อใบ ไปเถิดจงไปทั่วแดน อยากให้เธอเป็นเทียนเล่มน้อย ที่ส่องแสง สู่หนทางมืดมน เทียนสว่างไสวอยู่ในใจผู้คน ตราบจน นิรันดร**"
((รูปข้างบนจาก poltanapol.multiply ค่า))
Create Date : 02 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 3 สิงหาคม 2552 22:36:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 812 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
blog นี้ดูจะเกิดขึ้นมาได้เนื่องด้วยเจ้าของบล็อกเกิดอยากจะเขียน แล้วอยากให้คนอื่นๆอ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนด้วย การมีบล็อกเป็นของตัวเองก็เลยดูจะลงตัวดี และแม้ว่าช่วงนี้ถึงชีวิตการเรียนที่เป็นอยู่ไม่ค่อยเอื้อให้เรามานั่งเขียนบล็อกสักเท่าไร แต่การที่ได้พักจากชีวิตที่วุ่นวายมาทำอะไรที่ชอบสักพัก ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน
บางเรื่องที่เราเขียนก็ดูจะบ้าๆบอๆไร้สาระไปหน่อย จนเหมือนยึดเป็นที่ระบายอารมณ์ในบางครั้ง อย่างไรก็ตาม เราต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่เข้ามาอ่าน
ปล . เราใช้ชื่อ N3K เป็นชื่อ blog เนื่องจากชื่อนี้เป็นชื่อกลุ่มเราสมัย ม.ต้น แล้วเราสมัครพันธุ์ทิพย์ช่วงมอต้นพอดี ก็เลยใช้ login เป็นชื่อนี้แล (( ง่ายดีมั้ย ))
((( ปล จริงๆแร้ว )))
ตอนนี้เรากำลังจิตตกกับการเข้าสู่แผนกทำคลอดเป็นวันแรก
แอบกลัวอยู่อ่ะ เราไม่อยากทำคลอดเรย
ทำไงดีอ่ะ??
|
|
|
|
|
|
|