รีวิว กับการเที่ยวครั้งแรก แบบสุดชิลที่เขาใหญ่
"ตลาดน้ำปากช่อง-Sheep Land-The Smoke House-Palio–Valata Resort –Toscana Valley-ไร่องุ่น"
พอดีมีโอกาสได้ไปเที่ยวช่วงวันแม่ที่ผ่านมาเลยเก็บภาพสวย ๆ และบรรยากาศดี ๆ มาฝาก ลองตามมาดูกันนะค่ะ

เป็นทริปเที่ยวแบบธรรมชาติ สูดอากาศดี ๆ ที่สำคัญการเดินทางสุดจะสะดวก ว่าแล้วตรงไปที่เขาใหญ่กันเลยค่ะ (วิ่งเส้นถนนมิตรภาพ)
แวะที่แรกกันเลยค่ะ "ตลาดน้ำปากช่อง" ดูแล้วไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเท่าไหร่ ถือว่าผ่านไป เลยแวะเข้าไปชม ของน้อยไปหน่อยค่ะ
โดยรวมแล้วเหมือนร้านทั่วไป ไม่มีอะไรดึงดูด ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 15 นาทีเองอะ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ)

ต่อกันเลยนะค่ะ สำหรับที่ต่อไป ขอบอกว่าน่ารักมากค่ะ  "Sheep Land" ไม่ไกลจากตลาดน้ำมาก ขับรถประมาณ 10 นาทีเท่านั้นค่ะ โดยรอบด้านนอกไม่เสียค่าเข้า แต่หากต้องการเข้าไปสัมผัสแกะแบบใกล้ชิด ต้องเสียค่าเข้า 40 บาท/คน

วิวน่ารัก ๆ กับภาพ ที่คิดว่าสวย ^_^

ภาพโดยรวม คนเยอะใช้ได้เลยค่ะ

ลองเข้ามาดูด้านในกันบ้างนะค่ะ ลองดูดี ๆ นะค่ะว่า แกะตัวนี้ยิ้มสวยไหม ไม่แน่ใจว่าระหว่างคนกับแกะ ใครจะยิ้มสวยกว่ากัน

อากาศช่วงนี้ดีมากค่ะ วันที่ไปเป็นวันแม่พอดี (12 ส.ค 2555) คนเลยเยอะ แต่ก็ดูอบอุ่นไปอีกแบบค่ะ

 ภาพสุดท้ายสำหรับที่นี่ค่ะ

ที่ต่อไปห่างจาก Sheep Land ประมาณ 5 นาที เท่านั้นค่ะ
The Smoke House  หรือบ้านรมควัน อยู่ติดริมถนนเห็นได้อย่างชัด ดูดีทีเดียวค่ะ เหมาะกับการมาเที่ยวชมเพื่อถ่ายรูป หรือทานอาหาร ที่นี่บรรยากาศ และวิวดีมาก การตกแต่งออกไปทางยุโรป ว๊าววว

วิวสวย ๆ ค่ะ อากาศดีมากจริง ๆ  ยิ่งถ้าเป็นกลางคืนคงจะโรแมนติกที่สุด

ตั้งใจจะทานอาหารเที่ยงที่นี่  แต่คนเยอะมาก แต่ก็ยังฝืนจอง สุดท้ายก็ทนไม่ไหวค่ะ หิวมากมาย เลยลงไปหาอาหารทานด้านล่างแทน เข้าใจว่าราคาน่าจะพอ ๆ กับด้านบน (อันนี้ไม่แน่ใจ) ราคาก็ไม่แพงมาก ที่น่าสนใจคือพิซซ่า ถาดละ 200 บาท น่าจะทานได้ 2-3 คน ส่วนเตาที่ใช้ทำพิซซ่า เป็นแนวอิตาลี ดูดึงดูดดีทีเดียวเลยละค่ะ  เก็บภาพ และราคามาให้ดูกันด้วยค่ะ

 The Smoke House อยู่ติดถนนใหญ่ สังเกตุง่าย ลองดูภาพด้านหน้านะค่ะ

ต่อกันเลยนะค่ะ ไปที่ Palio สถานที่ยอดฮิต ตกแต่างสไตล์อิตาลี หากจาก The Smoke House ประมาณ 5 นาทีเท่านั้นค่ะ คนเยอะมาค่ะ

 ภาพร้านค้าภายในก็ตกแต่งสวยงามทีเดียวค่ะ

เพิ่งรู้ว่าเขาใหญ่ก็เป็นสถานที่เที่ยวที่จัดว่ามีเสน่ห์มากทีเดียว สวยงาม ร่มรื่น และเป็นธรรมชาติ

อีกมุมนึง เป็นมุมธรรมชาติ มาก ๆ

หลังจากเที่ยวมาทั้งวันแล้ว ก็มุ่งตรงเข้าสู่โรงแรม "VALATA Kaoyai" เป็น Resort สวย ๆ บรรยากาศสุดจะโรแมนติก ที่ชอบที่สุดคือที่ resort เขาปล่อยกระต่ายออกมาวิ่งเล่นข้างนอก บริเวณสวนด้วยค่ะ ดู relax มาก สมกับการมาพักผ่อนจร๊ิงจริง โอ้ววว ฝันที่เป็นจริงของฉัน 

ที่นี่สวย อากาศดีขั้นเทพ ครั้งนี้เป็นการเที่ยวเขาใหญ่เป็นครั้งแรก รู้สึกชอบ และประทับใจมาก  ต้องกลับมาอีกแน่นอน

 ทาง Resort มีบริการเต้นให้ฟรีด้วยค่ะ สำหรับลูกค้าที่จองห้อง ฟรีเต้น 1 หลัง น่านอนเชียวแหละค่ะ

อีกมุมค่ะ  อันนี้เห็นทั้ง resort เลยละค่ะ (ภาพมัวนิดหน่อย)
ข้อดีของที่นี่คือบรรยากาศ ข้อเสียคืออาหารเช้าน้อยเกิน ถ้าจำไม่ผิด จะมีขนมปัง ใส้กรอก ไข่ดาว เบคอน สลัด (มีแต่ผัก) เครื่องดื่ม เท่าที่จำได้

จะมี ชา กาแฟ น้ำเปล่า น้ำส้ม อะไรประมาณนั้น (ไม่รู้มีนอกเหนือจากนี้ไหม) ส่วนคืนที่ไปมีโอกาสได้ทานข้าวที่นั่น รดชาดดี แต่เสริฟช้าไปหน่อย

อีกภาพ เป็นร้านอาหารค่ะ กลางคืนบรรยากาศดีมาก
ข้อเสียอีกอย่างคือที่โรงแรมจะมีบริการ ฟรี WIFI แต่สัญญาณยังแรงไม่พออยู่ในห้องไม่เจอสัญญาณ ด้านนอกบางจุดก็ไม่มี แต่บางจุดก็ใช่ไดดีทีเดียว  

ที่ resort มีจักรยาน มีชิงช้า ไว้คอยให้บริการด้วยนะค่ะ ส่วนข้อเสียที่ว่าไป มันเป็นจุดเล็กมาก เมื่อเทียบกับบรรยากาศโดยรวม ที่สำคัญพนง.ทุกจุดของโรงแรมบริการดีมากจริง ๆ ขอให้เป็นบบนี้ตลอดไปนะค่ะปิดท้ายกับภาพสุดท้ายสำหรับที่นี่นะค่ะ ^_^

ในที่สุด คืนแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี ปราศจากอุปสรรทั้งปวง รุ่งขึ้นออกจากโรงแรมประมาณ 10.30 น ตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะบุกไร่องุ่น ขากลับผ่าน "Toscana Valley" เลยแวะถ่ายรูปซะหน่อย

อีกภาพค่ะ  ที่นี่ตกแต่งออกสไตล์ยุโรป เข้าใจว่าน่าจะสร้างไว้เพื่อถ่ายรูปอย่างเดียวหรือเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกัน ใครรู้บอกด้วยนะค่ะ บรรยากาศ และบริเวณโดยรอบสวยงามมาก

ภูมิใจนำเสนอ สถานที่สวย ๆ นี่เลยค่ะ

ปิดท้ายด้วยภาพวิวสวย ๆ ค่ะ (แต่ภาพที่ถ่ายมาธรรมดา) ต้องจินตนาการช่วยนะค่ะ

ตรงไปที่ไร่องุ่นเลยละกัน ระหว่างทางแวะซื้อไอศครีม ที่ฟาร์มโชคชัย (ทางผ่านค่ะ)

ไปกันที่แรกเลยค่ะ "ไร่องุ่นพีบีวัลเลย์" ระหว่างทางจะผ่าน Daily Home แล้วจะเจอป้ายทางบอกทางไร่องุ่นพีบีวัลเลย์ 

ที่นี่เขามีบริการพาชมไร่องุ่นด้วยนะค่ะ คนละ 200 บาท แล้วก็พาไปโรงบ่มไวน์ แต่เราไม่ร่วมกิจกรรมของเขาค่ะ ประมาณว่า งก นิด ๆ 

 แต่เขาให้เราขับรถเข้าไปชมด้านในได้ ภาพไร่องุ่น แต่ไม่เห็นมีองุ่นให้ดูเลยอะค่ะ 

อีกภาพ กับวิวสวย ๆ

ที่นี่มีร้านอาหาร บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ แล้วยังมีซุ้มขายไวน์ด้วยนะค่ะ อะให้อีกภาพ

และแล้วก็มาถึงที่สุดท้าย "ไร่องุ่นกรานมอนเต้" ดูแล้วไม่แตกต่าง คล้าย ๆ กัน ไหน ๆ ก็ไปแล้วเก็บภาพมาฝากด้วยค่ะ

 ไร่องุ่นก็ยังคง ไม่เห็นองุ่นเหมือนกัน

ที่นี่มีทัวร์ไร่องุ่นเหมือนกันนะค่ะ เลือกเอาอยากไปที่ไหน ส่วนตัวชอบ "ไร่องุ่นพีบีวัลเลย์" เพราะบรรยากาศโดยรอบที่เห็นดูสดชื้นกว่าค่ะ

มีดอกไม้ด้วยค่ะ ดูสดชื่นดี แต่ hot!! ไปนิดค่ะ หากตั้งใจจะเข้ามาชมไร่ เอาแบบหลังสี่โมงไปแล้ว ไปแล้วคงจะดี

มุมขายไวน์ดูเยอะเหมือนกันค่ะ

และแล้วก็ได้เวลากลับ (กลัวรถติดเนื่องจากหยุดยาว)
ใครที่อยากไปเที่ยว 1 วันแบบไม่ต้องไปค้างคืน ขอบอกว่าไปได้เลยค่ะ ออกเช้าหน่อย รับรองไม่มีปัญหาเรื่องเวลา

ส่วนค่าใช้จ่ายทริปนี้ไปกัน 4 คน  ค่าห้อง 1,990 บ. + อาหารเที่ยงที่ The Smoke House 470 บ. + อาหารเย็น 750 บ. (ที่โรงแรม) + อาหารเช้า จ่ายเพิ่มที่โรงแรม 2 คน 440 บ. นอกนั้นก็เป็นพวกขนมนมเนยทั่วไปค่ะ สรุปจ่ายไป 3,650 บ. กินดี อยู่ดี ทุกมื้อเลยละค่ะ

คิดว่ารวมทั้งหมดที่ซื้อตามรายทาง คงไม่เกิน 5,000 บาท  ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่ตั้งไว้แล้วก่อนเดินทาง ทริปนี้เป็นไปตามคาด หากใครไม่เคยไป ก็แนะนำให้ไปเที่ยวนะค่ะ ^_^"

วันนี้ก็แบกความสุขกลับบ้านจนเต็มกระเป๋าเลยทีเดียวค่ะ 

 เห็น comment แล้วชื่นใจจัง มีคนเข้ามาอ่านของเราด้วย เป็นครั้งแรกที่เข้ามาเขียนบล๊อค หากใช้คำที่เข้าใจยาก ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ